กางเกงยีนส์เปรียบดังไอเทมคู่ใจของผู้ชายทั่วโลกเสมอมา เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย กางเกงยีนส์ก็ไม่เคยตกจากเทรนด์การแต่งตัวไปได้เลย แม้ว่าในปัจจุบันเทรนด์กางเกงยีนส์อาจจะซบเซาไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วอย่างน้อยหนุ่ม ๆ ทุกคนก็ยังคงถวิลหาต้องการมีกางเกงยีนส์ตัวเก่งติดตู้เสื้อผ้าไว้ใช้สำหรับออกงานสักหนึ่งตัว แต่สำหรับมือใหม่บางคนอาจจะกำลังลังเลว่าควรเสียตังไปกับกางเกงยีนส์แบบไหนดีถึงจะเหมาะสมกับตัวเอง เพราะหลายครั้งกางเกงที่ซื้อมาแล้วไม่เคยได้ใส่เลย ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN ได้นำวิธีการเลือกซื้อกางเกงยีนส์คู่ใจสักหนึ่งตัวไว้ให้ชาว UNLOCKMEN ได้ไปลองประยุกต์ใช้กันดู ควรมีงบประมาณในใจไว้เสียก่อน หากเราเดินเข้าร้านขายกางเกงยีนส์แบบสุ่มสี่สุ่มห้า อาจจะต้องประหลาดใจ เพราะกางเกงยีนส์มีราคาตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น ดังนั้นการกำหนดงบประมาณจะช่วยจำกัดแบรนด์ได้ระดับหนึ่งว่าในงบประมาณเท่านี้ เราสามารถซื้อยีนส์ยี่ห้อใดได้บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งก็ไม่ได้หมายความว่ากางเกงยีนส์ที่มีราคาถูกจะมีคุณภาพไม่ดีเสมอไป ซึ่ง UNLOCKMEN ลิสต์ยี่ห้อตามงบประมาณเอาไว้ดังต่อไปนี้ 8000 บาทขึ้นไป : Saint Laurent ,Dior , Pprs , Diesel , Calvin Klein , Flat Head , Iron Heart 4000 – 8000 บาท : April 77 , LVC , Evisu
หากพูดถึงคนที่เป็น Pioneer ในเรื่องสไตล์การแต่งตัวผู้ชายชื่อของ Kanye West มักจะโผล่คนมาเป็นคนแรก ๆ เสมอ เพราะจากการจัดอันดับ หรือผลโหวตมากมาย ล้วนเคยผ่านมือของเขามาเป็นที่เรียบร้อย ย้อนไปตั้งแต่ทีมงาน UNLOCKMEN พอจะจำความเรื่อง Kanye West ได้ เขาเริ่มต้นการแต่งตัวในสไตล์ Preppy บวกกับสตรีทแวร์จนเกิดเป็นเทรนด์ในช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะขยับมาสวมใส่รองเท้า Air Jordan กับกางเกงสกินนี่เข้ารูปขาด ๆ จนกระทั่งมาถึงเสื้อโอเวอร์ไซส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่การเป็นกระแสนิยมที่บรรดาคนที่ชื่นชอบสตรีทแวร์หลงใหลไปตาม ๆ กัน แล้วหลังจากที่ Kanye West หรือที่เราเรียกเขากันว่า Yeezy มีลูกคนที่สอง ดูเหมือนสไตล์การแต่งตัวของเขาจะปรับเปลี่ยนไปอีกครั้ง โดยที่เขาจะมีความลำลอง และสบาย ๆ กับไอเทมที่สวมใส่มากขึ้น จนในต่างประเทศเรียกกันว่า dad style ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำสไตล์ไกด์ของ Mr. West กันว่าเป็นอย่างไร เลือกกางเกงที่ใช่ หากคุณอยากมีสไตล์แบบคุณพ่อ อาจจะต้องลืมกางเกงรัดรูปไปได้เลย เพราะคุณจะต้องเลือกกางเกงทรงหลวมที่สวมใส่สบาย ดังนั้นเราจึงเสนอทางเลือกเป็นกางเกงวอร์ม หรือถ้าหากต้องการความสุภาพขึ้นมาหน่อย อาจจะใส่เป็นกางเกงชีโน่ หรือแม้กระทั่งกางเกงยีนส์สีซีด
กระแสเวลาของโลกมีความแปลกประหลาดน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งคือ มันมักจะเดินทวนเข็มเวลาไปสู่รูปแบบเดิม ๆ แต่เป็นมุมมองใหม่ ๆ อยู่เสมอ อย่างเช่นความนิยมของเสื้อฮาวาย, หมวกเบสบอล ฯลฯ ที่ต่อให้ผ่านมาแล้วกี่สิบปีก็ยังกลับมาฮิตติดลมได้อีกครั้งแบบไม่น่าเชื่อ และกระแสทวนเวลาไม่ใช่กับแค่แฟชั่นเท่านั้น แต่กับวงการถ่ายภาพก็เช่นเดียวกัน UNLOCKMEN จะพูดถึงนวัตกรรมเก่าเก็บของการถ่ายภาพที่ความจริงมันควรจะเลือนหายไปได้แล้ว แต่มันกลับฟื้นคืนตื่นกลับมาให้เหล่าช่างภาพรุ่นใหม่ใช้มันอีกครั้ง แล้วอะไรคือเสน่ห์และความน่าสนใจของเลนส์มือหมุน มาลองดูกันครับ เลนส์มือหมุนเป็นคำเรียกติดปากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการการใช้งานที่จะต้องเอามือหมุนหาโฟกัสตำแหน่งด้วยตัวเอง ไป ๆ มา ๆ เลยกลายเป็นคำเรียกแทนไปโดยปริยาย ชื่อเต็มแบบเป็นทางการคือ เลนส์แมนนวลโฟกัส ( Manual Focus Lens) เป็นเลนส์ที่ถูกผลิตมาในช่วงนวัตกรรมถ่ายภาพยุคแรก ๆ ก่อนที่โลกจะมีระบบออโต้โฟกัสเกิดขึ้น และทุกคนไม่ว่าจะเป็นตากล้องมือใหม่หรือมือเก่า ล้วนแต่มีคำถามอยู่ในใจเสมอว่า “เลนส์มือหมุน” มันดี มันเจ๋งยังไง ทำไมคนบางกลุ่มยังคงเล่นและติดอยู่ในเสน่ห์ของมัน สวนทางกับทุกวันนี้ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลและเลนส์ไฟฟ้าที่กินขาดทุกฟังก์ชั่นการใช้งานในตอนนี้ เราลองยก 4 ข้อหลักน่าสนใจ ว่าอะไรคือเสน่ห์น่าค้นหาที่ทำให้เลนส์มือหมุนเป็นที่นิยมสวนทางกับโลกปัจจุบันตอนนี้ 1. ไม่มีสูตรสำเร็จ ผมว่าบางครั้งคนเราต้องการอาหารที่ได้รับการปรุงแต่งความอร่อยในแบบที่เราชอบมากกว่าอาหารสูตรสำเร็จตายตัวแบบมาม่าที่ให้ความรู้สึกน่าเบื่อและจำเจ การถ่ายภาพก็เช่นเดียวกัน ช่างภาพหลาย ๆ คน หันไปปรุงแต่งรสชาติของภาพตัวเอง และเลนส์มือหมุนก็เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การปรุงแต่งได้ดีที่สุด 2. อารมณ์ของภาพ
ถือว่ากระแสเทรนด์รองเท้าผ้าใบกำลังมาแรงอย่างมาก เพราะไม่เฉพาะแบรนด์กีฬาเท่านั้นที่ผลิตรองเท้าออกมาสู่ตลาด บรรดาแบรนด์แฟชั่นน้อยใหญ่ ต่างไม่อาจต้านทานความแรงของเทรนด์นี้ จนต้องมีคอลเลคชั่นเป็นของตัวเอง เช่นเดียว Diesel แฟชั่นรีเทลชื่อดังจากประเทศอิตาลี ได้นำเสนอไอเดียที่แตกต่างโดยการจับเอาแฟชั่นโคจรมาพบกับนวัตกรรมการออกแบบที่ล้ำสมัย จนเกิดเป็นคอลเลคชั่นรองเท้าผ้าใบรูปทรงใหม่ที่น่าจับตามองอย่าง The SKB Family จาก Diesel ด้วยความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุที่ทันสมัย บวกกับเทคโนโลยีลับเฉพาะนี้ ทำให้รองเท้าผ้าใบ The SKB Family จาก Diesel ออกมาโดดเด่นอย่างไม่มีข้อกังขา สำหรับรายละเอียดของทางรองเท้าทาง Diesel ได้ออกแบบผ่านองค์ประกอบของลายพรางนำมาพิมพ์ลงบนผ้าถัก (นิต) ผสมด้วยผ้าซูเอ็ด จึงทำให้ตัวรองเท้านุ่มเบาสบายเมื่อสวมใส่ และสามารถตอบโจทย์ด้านการออกกำลังกายรวมถึงยังสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันอย่างลงตัว ด้วยการออกแบบตัดเย็บผ่านส่วนผสมที่ทันสมัยนี้ทำให้รองเท้า SKB Family สามารถปรับรองรับให้กับทุกรูปทรงเท้า อีกทั้งยังรองรับน้ำหนักจากการกระแทกได้เป็นอย่างดีเมื่อใช้สำหรับกิจกรรมออกกำลังกาย อีกทั้งยังเพิ่มรายละเอียดให้โดดเด่นด้วยโลโก้แบรนด์แบบ 3 มิติ เพื่อตอกย้ำและเอาใจแฟน ๆ ชาว Diesel ที่ชื่นชอบกิจกรรม active โดยเฉพาะ สำหรับคนที่สนใจสามารถพบกับคอลเลคชั่นรองเท้าใหม่ล่าสุด SKB Family จาก Diesel ได้ที่ช้อปบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำดังต่อไปนี้ ดิเอ็มควอเทียร์ ,สยามดิสคัฟเวอร์รี่ ,เซ็นทรัล ชิดลม ,เซ็นทรัล ภูเก็ต
สำหรับ sneakers of the week สัปดาห์นี้เราจะขอรวบรวมรองเท้าที่รีเซลกันสุดแพง และมีมูลค่าทางการตลาดมากที่สุดในรอบปี 2017 ว่ามีรุ่นไหนบ้าง แล้วราคาพุ่งไปที่เท่าไหร่ มาฝากกัน 1 . Air Jordan XXXI Gold all star ($ 3,605) เป็นรองเท้าที่ถูกผลิตออกมาเนื่องในสัปดาห์ all star ของ NBA ซึ่งพวกเขาได้นำรุ่น 31 มาเป็นโมเดลพิเศษในครั้งนี้ โดยใช้คอนเซปต์เป็นรองเท้าสีทองสวยงามทั้งคู่ ยกเว้นบริเวณ midsole ที่จะใช้เป็นพื้นโฟม EVA สีขาวตัดสลับเพียงเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Air Jordan XXXI รุ่นนี้ก็ไม่ได้ใช้วัสดุ หรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยอะไรมากมายนัก เพียงแต่มันถูกผลิตออกมาอย่างจำกัดทำให้ราคาของมันพุ่งทะยานสูงถึง $3,605 ( 12x,xxx บาท) 2. Spike Lee x Air Jordan 1 “High Fort
หลายคนอาจจะรู้สึกเคว้ง ๆ และอึดอัดบ้างในบางครั้งที่ต้องนั่งดื่มกับใครสักคนที่มีความรู้สึกอะไรลึก ๆ ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะถ้าเป็นสาว ๆ ด้วยแล้ว บางครั้งก็ทำตัวไม่ถูก จนกลายเป็นต่างคนต่างถามคำตอบคำจนกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าเบื่อหน่ายไปโดยไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ไม่ใช่จะแค่กับการดื่มกับสาวเพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งการดื่มกันเป็นกลุ่มหลาย ๆ คน แต่ไม่มีกิจกรรมอะไรอื่น ๆ เลยนอกจากยกแก้วแล้วกระดกเหล้าลงคอ หรืออย่างในวงเหล้าบางกลุ่มที่จะมีคนชอบเนียน นาน ๆ ทีจะยกแก้วขึ้นมาจิบสักกรึ้บนึง ขณะที่คนอื่นเติมกันไปไม่รู้เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว วันนี้เรามีวิธีที่จะช่วยขจัดปัญหาเหล่านี้ได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการนั่งดื่มให้มากยิ่งขึ้น ด้วย 7 เกม สำหรับเล่นในขณะที่กำลังดื่มไม่ว่าจะกับเพื่อน หรือกับสาว จะดื่มแบบตัวต่อตัวหรือเป็นกลุ่มก็ได้มาให้ทุกคนดูกัน หากใครที่รู้สึกว่าเวลาดื่มเหล้าแล้วบรรยากาศมันเงียบสงัดเกินไปไม่คึกครื้น เราอยากให้คุณลองนำเกมเหล่านี้ไปเล่น รับรองว่า จะทวีคูณทั้งความเมา และความมันส์ขึ้นอย่างแน่นอน Quarters เกมที่เรียกว่า Quarters นี้จะเล่นในวงเหล้าที่มีจำนวนกี่คนก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดไม่ควรเกิน 3-6 คน ยิ่งถ้าได้เล่นบนโต๊ะไม้ด้วยแล้วล่ะก็มันจะแจ่มมากขึ้นไปอีก เพราะวิธีการเล่นเกมนี้ คุณจะต้องโยนเหรียญให้มันกระแทกกับโต๊ะ และกระเด้งเข้าไปอยู่ในแก้วที่วางไว้ หากใครสามารถทำให้เหรียญเข้าอยู่ในแก้วได้น้อยที่สุด ก็ต้องถูกทำโทษด้วยการดื่มในปริมาณที่กติกากำหนดไว้ Drinking Chess เกมการดื่มนี้ เป็นเกมที่ใช้ในขณะที่ดื่มกันแบบ 1 ต่อ
ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่าบรรดาคนดังนั้นล้วนมีส่วนสำคัญในการชักจูงใจให้เราอยากทำตัวเลียนแบบตาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมล้วนขอให้เหมือนกับไอดอลในดวงใจไว้ก่อน เพราะจากความเชื่อของผู้ชายที่คิดว่าบุคคลต้นแบบนั้นมีความเท่ คูลอยู่แล้ว หากเราทำตามก็จะดูดีไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าผ้าใบที่เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนเองก็มักจะเลือกซื้อตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ดังนั้นเราจะพามาดูว่าคนดังคนไหนเคยใส่รองเท้ารุ่นอะไรแล้วทำให้เกิดเป็นกระแสให้คนอยากไปซื้อมาใส่ตามจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองกันบ้าง Kurt Cobain = Converse All Star , Jack Purcell ราชาเพลงกรันจ์ผู้เป็นตำนานไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไตล์การแต่งตัว หรือดนตรี ที่ตัวของเขาชื่นชอบการใส่รองเท้า Convers Chuck Taylor All Star และ Jack Purcell เป็นชีวิตจิตใจแม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขาเองก็ยังสวมใส่รองเท้า Converse ความนิยมของ Kurt ถึงขั้นทำให้ผู้ชายทั่วโลกต้องเลือกซื้อรองเท้า Converse เพราะว่าอยากจะแต่งตัวตามเขา ซึ่งตัวของ Kurt Cobain เองก็จะสวมใส่เพียงรองเท้าสีดำเท่านั้น แล้วนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดเซอร์ จนเกิดเป็นสไตล์กรันจ์ที่แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า 20 ปี เวลานึกถึง Converse ก็จะนึกถึง Kurt Cobain เช่นกัน Paul Walker =
สูท ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นชายได้ดีอย่างหนึ่ง แต่ด้วยวัฒนธรรมของคนไทยที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับมันเสียเท่าไหร่ เนื่องด้วยโอกาส และอากาศที่มีให้เลือกใส่ได้น้อยครั้ง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วผู้ชายอย่างเราจะได้ใส่สูทก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ งานเลี้ยง หรือจะเป็นงานแต่งใครก็แล้วแต่ที่ต้องการความเป็นทางการเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากหนุ่มไทยหลายคนจะอ่อนด้อยประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้น้อยไปเสียหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีความรู้ อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าเกิดจะตัดชุดสูทสักชุดไว้ใส่ลุยทุกงานว่าควรจะต้องเลือกยังไง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงนำชุดสูท 4 แบบที่สามารถพบเห็นได้ง่าย และสามารถใช้เป็นไกด์แนวทางหากต้องการชุดสูทแบบครอบจักรวาลสามารถไปได้ทุกงาน Plain Navy One-Button เป็นสูทที่นิยมกันมากที่สุด เพราะหาซื้อง่าย และนิยมขายแบบสำเร็จรูป ถ้าคุณมีช่วงลำตัวสั้น สูทแบบ 1 กระดุมจะเป็นแบบที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่รัดจนเกินไป และไม่ทำให้สูทเข้ารูป จึงเหมาะกับคนที่ต้องการพรางรูปร่างช่วงลำตัว แต่ถ้าเราพอมีทุนทรัพย์เพียงพอ การหาร้านตัดสูทดี ๆ แบบสั่งตัด เลยก็ดีกว่าเพราะเราจะสามารถเลือกคัทติ้ง และเนื้อผ้าแบบที่ชอบเองได้ โดยที่อาจจะเลือกเป็นผ้าน้ำหนักปานกลาง ประมาณ 11-12 oz เพื่อให้สวมใส่สบาย ไม่ร้อนจนไป แถมกันหนาวได้ด้วย ซึ่งถ้าต้องเลือกเฉดสีที่กลาง ๆ สามารถใส่ได้บ่อยสุดก็คงหนีไม่พ้น Navy เพราะจะใส่ไปออกงาน ไหนก็ดูดีได้ไม่ซ้ำใคร Plain Grey Two-Button ก่อนหน้านี้เราบอกไปแล้วว่าอยากให้ใส่สูทสีเข้ม เพื่อพรางตัว และใส่ได้ทุกโอกาส
หากกล่าวถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่บ่งบอก และสะท้อนความเป็นอเมริกันชน แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ Tommy Hilfiger อยู่ในนั้น เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีส่วนในการปฎิวัติสไตล์การแต่งตัวของชาวอเมริกันรวมถึงคนทั่วโลก ย้อนกลับไปราว ๆ 30 กว่าปีก่อน นาย Thomas Jacob Hilfiger ต้องการอยากจะเป็นดีไซเนอร์ และมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขาและเพื่อนได้ลงขันเพื่อรับเสื้อผ้ามาขายจนเกิดเป็นธุรกิจเล็ก ๆ โดยพวกเขาใช้ชื่อร้านว่า People’s Place ด้วยผลตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้ Thomas สามารถขยายสาขาได้กว่า 10 สาขาในเวลาไม่นาน เขาจึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และมุ่งหน้าสู่การมีธุรกิจเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ธุรกิจที่ดูเหมือนจะกำลังไปได้สวย แต่ก็ต้องมาสะดุดในปีที่ 7 ของการทำงาน เพราะว่างานที่มุ่งเน้นแต่เรื่องดีไซน์ แต่ขาดความรอบคอบ และเชี่ยวชาญในการบริหารเงิน ก็ไม่อาจทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ เมื่อร้าน People’s Place ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนสุดท้าย Thomas ต้องร้องขอต่อศาลให้กลายเป็นบุคคลล้มละลายด้วยวัยเพียง 25 ปี จากความล้มเหลวในครั้งนี้ เขาจึงได้ค้นพบว่าการดูแลการเงิน และงานบริหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจแฟชั่นไม่แพ้เรื่องของดีไซน์เสื้อผ้า หลังจากล้มเหลวในธุรกิจแรก เขาก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานที่ตัวเองรัก
ทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ผู้ชายเมืองค่อนข้างจะมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้การแต่งตัวมีความอิสระหลากหลาย แถมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ถูกตีกรอบว่าจะต้องใส่สูทผูกไทด์มาทำงาน ปัจจุบันเทรนด์การแต่งตัวที่เรียกว่า ‘สปอร์ตแวร์’ จึงได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากความคล่องแคล่ว เคลื่อนไหวง่าย สวมใส่สบาย อีกทั้งดีไซน์ของเสื้อผ้าแนวสปอร์ตสปอร์ตยุคนี้ สามารถทำออกมาได้รับกับสไตล์คนเมืองที่สามารถใส่ไปเที่ยว ทำงาน รวมถึงไปออกกำลังกายแบบเท่ ๆ ได้ไม่แพ้การแต่งตัวประเภทอื่น ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าการแต่งตัวแนวสปอร์ต คือต้องใส่เสื้อกีฬา กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบเทรนนิ่งเท่านั้น แต่ช้าก่อน เพราะสปอร์ตแวร์แนวคิดใหม่ของ JASPAL MAN ที่ออกแบบเสื้อผ้าโดยนำเอาสไตล์โอเรียนทอลมามิกซ์กับสไตล์ฟิวเจอริสติก ทำให้ได้สไตล์เสื้อผ้าที่สามารถใส่ในชีวิตประจำวัน ไปทำงาน เดินห้าง แฮงเอาท์ อย่างดูดีได้ และยังพร้อมใช้ใส่ออกกำลังกายอย่างมีสไตล์ได้อีกด้วย วันนี้เราขอแนะนำ Style Guide “THE ACTIVE STYLE” ที่ผู้ชาย UNLOCKMEN สายสปอร์ตไม่ควรพลาด เพราะสามารถนำไปปรับประยุกต์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบ Work Hard, Play Hard ของเราได้ เพื่อความหล่อของร่างกาย และสุขภาพที่ดีได้พร้อมกัน THE ACTIVE STYLE Active Style จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่เหมาะสมกับหนุ่มไทยในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นชุดที่ตอนเช้าใส่ไปทำงาน พอตกเย็นสามารถใส่ชุดเดียวกันเพื่อไปออกกำลังกายต่อได้ แบบไม่ต้องพกเสื้อผ้าเยอะแยะวุ่นวาย