แหล่งน้ำกำลังโดนทำลาย หลอดพลาสติกทำร้ายสัตว์น้ำ แก้วพลาสติกใช้เวลาหลายปีเพื่อย่อยสลาย เรื่องนี้เรารู้กันมาเป็นชาติตั้งแต่ยังเรียนประถมแล้ว แต่ปัญหาหลายอย่างยังไม่ค่อยได้รับการแก้ไข และเมื่อมันทยอยลุกลามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้จึงถึงเวลาที่แต่ละฝ่ายออกมามีส่วนร่วมปลุกกระแสการรณรงค์รักษ์โลกในรูปแบบของตัวเอง วันนี้ UNLOCKMEN นำเรื่องราวเสื่อมโทรมที่บอกเล่าผ่านมุมมองทางศิลปะแสนสวยถ่ายทอดได้กระแทกใจกลับมาส่งต่ออีกครั้ง แม้ว่าทั้ง 3 นิทรรศการนี้จะจบลงแล้ว แต่เราคิดว่าควรแบ่งปันเพราะเนื้อหาของมันไม่เก่าเลย Popsicles project ผลงานชิ้นนี้เกิดขึ้นจาก 3 นักศึกษาชาวไต้หวันที่ร่วมมือกับโครงการที่ดูแลเรื่องน้ำเสีย นำเสนอโปรเจกต์รวบระหว่างการเสพสุนทรียภาพทางศิลปะและการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ด้วยการนำน้ำจากแหล่งน้ำเสีย 100 แห่งในไต้หวันมาและนำไปคงรูปในรูปแบบของแท่งไอติม ไอติมน้ำเสีย 1 แท่ง 1 สถานที่ ที่เขาใช้วิธีทำพิมพ์หล่อเรซินไว้สำหรับโชว์ จากนั้นสร้างแพ็กเกจสีสันสดใสห่อหุ้มไว้ เห็นแล้วอยากจะหยิบกิน แต่เมื่อแกะซองออกมาเห็นเนื้อไอติมใส ด้านในกลับมีมลพิษมากมายเจือปนอยู่ การนำเสนอโครงการแบบดักตีหัวอย่างนี้ไม่เพียงสนุก น่าสนใจ และเป็นไวรัลเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนว่าวันนี้สังคมเรามองข้ามเรื่องน่าเกลียดและปัญหาต่าง ๆ ที่มีจากการไปโฟกัสมุมอื่นที่สวยงามมาแทนที่ด้วย 100%純污水製冰所 完整版形象影片來囉!!!好看=好吃?我們親自取臺灣100個污染水源地的水後,將其製成冰棒,因冰棒不易保存所以我們將他們再復刻成1:1的poly模型做展示,透過美麗包裝與內容物的反差感來傳達純淨水的重要,最後以圖鑑來呈現。那麼我們想問問大家的是:【這麼美的冰棒,你敢吃嗎?】設計團隊: 洪亦辰 、 郭怡慧 、鄭毓迪( Yudi Jheng)新一代設計展🏊↣ 台北世貿一館 / 編號D07(臺藝大)↣ 05.19(五) – 05.22(一)↣
บรรยากาศฝุ่น ๆ ที่เหมือนใส่ฟิลเตอร์เบลอ เฟดภาพตึกตรงให้จาง ถ้าเป็นที่อื่นเราคงคิดว่าเข้าหน้าหนาวเต็มที่แล้วอยากโดดออกไปเที่ยวนอกบ้าน แต่สำหรับกรุงเทพฯ ตอนนี้เลี่ยงไว้จะดีกว่าเพราะแทนที่จะได้เที่ยวสงสัยจะได้ไปหาหมอแทน และในช่วงเช้าวันนี้ (21 ธันวาคม) ประกาศแล้วว่ามีพื้นที่เสี่ยงที่มี PM.25 สูงเกินมาตรฐาน (50 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร) จำนวน 20 พื้นที่ และ 14 แห่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งมีสาเหตุจากสภาวะอากาศปิดและการจราจร แต่ตอนนี้อัปเดตล่าสุดช่วงบ่าย มีพื้นที่เสี่ยงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพเพิ่มจำนวนขึ้นถึง 19 แห่ง เราจึงนำมาแจ้งเพิ่มเติม ลองมาเช็กไปพร้อมกัน พื้นที่ริมถนน ตรวจวัดค่าสถานที่ติด Red Zone ของ PM.25 เวลา 15.00 น. โดยเผย Red Zone 19 แห่งดังนี้ เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 เขตปทุมวัน บริเวณริมถนนจามจุรีสแควร์ เยื้อง MRT สามย่าน เขตบางรัก
ขณะที่คนหันมารณรงค์เรื่องงดใช้พลาสติกกันเต็มสูบ ลุกมาเปลี่ยนภาชนะหรือหิ้วปิ่นโตตอนไปซื้อของกันให้ควั่ก แต่ส่ิงที่ถูกกลบฝังอย่างไร้มาตรการแก้ไขที่ชัดเจนกลับเป็นการจัดการขยะพลาสติกที่เราใช้ไปแล้ว ว่าเราควรทำอย่างไรกับมันกันแน่ แน่นอนว่า “ทะเล” คือสถานที่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเวลาพูดถึงพลาสติก เพราะสิ่งมีชีวิตในทะเลได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างไร้ทางสู้ เช่นเดียวกับดินแดนภารตะที่พบปัญหาเดียวกันในสถานที่นี้และลุกขึ้นมาจัดการกับมันอย่างเป็นระบบ กลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหาในครั้งนี้ อาจไม่ใช่ผู้ทิ้งแต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตผูกพันกับท้องน้ำอย่างชาวประมง เบื้องหลังการจัดการลากพลาสติกขึ้นบกที่สวนทางกับคนที่ตั้งใจจะทิ้งขยะเหล่านี้ลงน้ำมีที่มาน่าสนใจอย่างไร ลองมาดูไปพร้อมกัน พลาสติกในมือ 11 กิโลต่อคนต่อปี จากการสำรวจสถิติการผลิตขยะพลาสติกของประชากรอินเดียปัจจุบันพบว่าหากเฉลี่ยประชากรกับขยะที่มีแล้ว พลเมืองหนึ่งคนผลิตขยะพลาสติกสูงถึง 11 กิโลกรัมต่อคนต่อปี (จำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศคือ 1.3 พันล้านคน) และปลายทางของขยะที่ทิ้งส่วนใหญ่จบลงที่ทะเลอาหรับกับมหาสมุทรอินเดีย ไม่เพียงแค่จำนวนคนกับจำนวนขยะที่อุ้มกันมาเท่านั้น งานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของ Helmholtz Center ยังเผยข้อมูลที่หลายคนไม่รู้อีกว่า ทุกวันนี้แหล่งของขยะที่ปกคลุมมหาสมุทรและทะเลทั่วโลกแท้จริงมาจากแม่น้ำหลักเพียง 10 สายในโลก ซึ่ง 2 ใน 10 สายนั้นอยู่ที่แม่น้ำ Indus และ Ganges ของประเทศอินเดีย ชาวประมงอินเดียตอนใต้เมือง Kerala ที่ต้องเผชิญกับภาวะพลาสติกเต็มทะเล โยนอวนไปกี่ทีก็ได้ทั้งปลาทั้งพลาสติกจึงลุกขึ้นมาลดปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรอย่างจริงจัง จากเดิมที่แค่แยกแล้วโยนกลับลงทะเลก็เลือกหันมาเปลี่ยนวิธี เก็บกวาดทะเลด้วยการลากพลาสติกขึ้นบกแทน โดยสร้างแคมเปญที่ชื่อ Suchitwa Sagaram หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ทำความสะอาดทะเล” ขึ้น Suchitwa Sagaram