จากสมาชิกกว่า 51 คนใน BNK48 จะมีเพียงแค่ 16 คน (จำนวนมาตรฐาน อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับเพลง) เท่านั้นที่จะได้รับโอกาสเป็น ‘เซ็มบัตสึ’ ในแต่ละซิงเกิ้ลหลัก ซึ่งการได้รับเลือกเป็นเซ็มบัตสึนั้นหมายถึงเมมเบอร์ทั้ง 16 คนจะได้เป็นผู้ร้องเพลงนั้น ๆ ,ได้แสดงใน MV, ได้แอร์ไทม์ในการโปรโมตซิงเกิ้ล ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเมมเบอร์คนไหนได้รับเลือกเป็น ‘เซ็นเตอร์’ แสงสปอตไลต์จะยิ่งสาดส่องให้โดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นการได้รับเลือกเป็นเซ็มบัตสึจึงสำคัญมากสำหรับสมาชิกในวง ปกติการเลือกเซ็มบัตสึนั้นทาง Official หรือบริษัทต้นสังกัดจะเป็นผู้เลือก โดยใช้เกณฑ์หลัก ๆ คือความนิยม, ยอดบัตรจับมือ, ความเหมาะสมกับเพลง และปัจจัยอื่น ๆ ที่แฟนคลับไม่อาจล่วงรู้ แน่นอนว่าการเลือกแบบนี้ย่อมไม่ถูกใจทุกคน โดยเฉพาะแฟนคลับของสมาชิกที่ไม่ได้รับเลือกก็จะเกิดคำถามว่าทำไมโอชิของเราไม่ติด ทำไมคนนั้นติด ดังนั้นเพื่อบรรเทาปัญหานี้ ยาซูชิ อากิโมโตะ ผู้ก่อตั้ง 48 Group จึงคิดค้น ‘การเลือกตั้งเซ็มบัตสึ’ ขึ้นมาเพื่อให้บรรดาแฟนคลับมีสิทธิ์เลือกเซ็มบัตสึได้ด้วยตัวเอง ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเขียนอธิบายเรื่องนี้ไว้แล้ว (ใครยังไม่เคยทราบรายละเอียดความเป็นมาของการเลือกตั้ง 48 Group มาก่อนสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ 48 Election ) ตั้งแต่นั้นมาการเลือกตั้งก็ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องในระบบ 48 Group ทุกวง
ก่อนที่เราจะเลือกกดปุ่ม Play เพลงใดสักเพลง คิดว่าเราเลือกเพราะอะไร ? อารมณ์ของตอนนั้น คิดถึงวงที่เคยฟัง เพลงที่ติดอยู่ในหัว แต่ทั้งหมดนี้คือความพอใจ ณ เวลานั้น ๆ ไงล่ะ ที่ทำให้เราเลือกจิ้มเพลงไหนสักเพลงมาขับกล่อมอารมณ์ของเรา UNLOCKMEN รู้สึกว่ามันธรรมดาไป เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับการฟังเพลงที่ไม่ได้อ้างอิงแค่กับความชอบ แต่เป็นอะไรที่ลึกลงไปในตัวเราแบบ Literally ก็คืออ้างอิงจาก DNA ของเรานั่นเอง มาดูกันว่าคนเราจะเลือกฟังเพลงจาก DNA ของเราได้ยังไง การฟังเพลงเป็นกิจกรรมยอดฮิตติดลมบนของคนทั่วโลก เพราะมันเป็นทั้งการผ่อนคลาย ระบายอารมณ์ รัก เศร้า เหงา โกรธ เป็นอะไรอีกหลายอย่าง จนมันกลายเป็นวัฒนธรรมร่วมของมนุษยชาติไปแล้ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ Based On สุนทรียศาสตร์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพอใจ ทั้งการฟังในแต่ละแทร็ก ในแต่ละอารมณ์ Playlist ที่เราจัดเอาไว้ด้วยกัน แบ่งไปตามแนวเพลง ตามมู้ด แต่ทั้งหมดคืออยู่บนความพอใจของเรานั่นแหละ เรามักจะคิดว่าเราจิ้มเพลงไหนขึ้นมาสักเพลงด้วยความพอใจที่จะฟัง ก็ชอบนี่หว่า ก็ต้องเลือกเพลงนี้ฟังสิ แปลกตรงไหน แต่วันนี้ AncestryDNA และ Spotify จะมาพิสูจน์ว่าชาติพันธุ์หรือพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่มีผลต่อการฟังเพลงด้วยเช่นกัน
คอเพลงอาจจะคุ้นหูกับเพลงอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังบูมในช่วงนี้ดี และถ้าใครเสพเพลงใหม่อยู่เสมอแล้วล่ะก็ รับรองต้องรู้จักหนุ่ม Cuco เจ้าของเพลงสุด Melodic ที่มาแรงในช่วงนี้เอามาก ๆ ด้วยวัยเพียง 20 แต่ตอนนี้เขามีเพลงฮิตติดหูวัยรุ่นทั่วโลก มีทัวร์คอนเสิร์ตของตัวเอง อาจจะคิดว่าศิลปินที่ประสบความสำเร็จในอายุเท่านี้มีเยอะแยะมาก แต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้ทำความรู้จักกับเขาแล้ว จะรู้ว่าเขานั้นไม่เหมือนใครจริง ๆ เขาคือใคร ? แม้เราจะรู้จักหนุ่มแว่นที่ออกจะไปทางเนิร์ด ๆ ที่อนุมานได้ว่าในห้องต้องมีโปสเตอร์สตาร์วอร์ในชื่อ Cuco แต่ชื่อจริง ๆ ของเขาคือ Omar Banos หนุ่ม Mexican American อายุเพียง 20 ปีที่นั่งทำเพลงแรกของเขาในห้องนอน ในเมือง Hawthorne, South L.A. แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำเพลงของเขาเลย เขายังคงมีแฟนเพลงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ปล่อยเพลงออกมา แต่เงินและชื่อเสียงมันไม่ใช่เหตุผลหลักที่ขับเคลื่อนให้เขาทำเพลงเลย สิ่งที่เขาพยายามและกำลังทำอยู่นั้น คือการสะท้อนภาพของวงการดนตรีและพิสูจน์กับครอบครัวว่า อาชีพนักดนตรีที่เขาทำอยู่นั้นมันเป็นอาชีพที่ทำมาหากินได้จริง และปีนี้เขาก็ทำได้จริง ๆ โดยเฉพาะในปีนี้ที่เขามีทัวร์ตามเทศกาลดนตรีตลอดปี (รวมทั้งในไทยด้วยเช่นกัน) ผลงานสุดจี๊ด รูปจาก lollapalooza.com Cuco ได้ปล่อยออกมา อัลบั้มออกมาสองชุด Wannabewithu