ฝนที่กระหน่ำลงมาเหมือนฟ้ารั่วได้เกือบทุกวัน ทำให้ชีวิตผู้ชายในเมืองอย่างเรา ๆ ต้องประสบปัญหาสารพัดในชีวิต ไหนจะการจราจรสุดสาหัส (ที่ปกติฝนไม่ตกก็ติดสาหัสมากพออยู่แล้ว) ไหนจะน้ำขังรอการระบายที่ทำให้การเดินทางไปไหนต่อไหนยุ่งยากเข้าไปอีก ฝนยังพาความเฉอะแฉะอับชื้นมาสู่ร่างกายสุดแข็งแกร่งของเรา ทำให้เรื่องกลิ่นอับกลายมาเป็นปัญหาระดับชาติเวลาที่เราต้องอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ ใครจะเหม็นยังไงก็ยังพอทน แต่ถ้าเราปล่อยให้ตัวเรามีกลิ่นอับโชยออกมา UNLOCKMEN ว่ามันโคตรจะเสียบุคลิคและทำลายความมั่นใจผู้ชายเลย ดังนั้นอย่าปล่อยให้กลิ่นร้ายมันทำลายเรา มาดูหนทางทำให้ตัวหอมไปทั้งวันไม่ว่าฝนจะตกกระหน่ำแค่ไหน เสน่ห์แห่งกลิ่นหอมในตัวชายอย่างเราก็ไม่หายไป ใส่ใจรองเท้าเป็นพิเศษ ฤดูฝนอย่างนี้นอกจากเนื้อตัวร่างกายของเราที่ต้องสัมผัสกับฝนแล้ว รองเท้าก็เป็นอีกไอเท็มหนึ่งที่ต้องปะทะกับน้ำไปเต็ม ๆ ไม่ว่าจะร้องเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนัง เมื่อเจอน้ำก็โอบอุ้มความชื้นอับไว้เต็มสตรีม ดังนั้นอีกที่มาของกลิ่นชวนอุดจมูกของผู้ชายเราก็มาจากรองเท้านี่แหละ ตัวดีเลย! เพราะฉะนั้นถ้าอยากมีกลิ่นหอมอวลกาย ไม่ส่งกลิ่นร้ายทำลายระบบทางเดินหายใจใคร ในหน้าฝนอย่างนี้ต้องหมั่นดูแลรองเท้าไม่ให้ส่งกลิ่นเป็นพิเศษ ถ้าเปียกก็ให้รีบเอาไปผึ่งให้แห้ง อย่าใส่คาเท้าเอาไว้เด็ดขาด ที่สำคัญหาสเปรย์ปรับกลิ่นเท้ามาติดตัวไว้ ใช้ได้ตั้งแต่ฝนนี้ยันฝนหน้าแน่นอน ลงทุนกับน้ำหอมเถอะ สิ่งที่จะทำให้ตัวหอมก็คือน้ำหอมนี่แหละ! แต่ถ้าอยากให้กลิ่นหอมติดตัวนานก็ลงทุนกับน้ำหอมสักหน่อย ซื้อโคโลญจน์ตามร้านสะดวกซื้อใช้มันก็ไม่ผิด แต่กลิ่นมันจะไม่ติดทนนานอย่างที่เราหวัง แถมคาแรคเตอร์ที่ได้ก็ไม่ชัดเจน ดังนั้นหน้าฝนนี้ลองเฟ้นหาน้ำหอมกลิ่นที่เข้ากับคาแรคเตอร์ตัวเองมาติดบ้านไว้ ฉีดในจุดสำคัญอย่างหลังใบหู ข้อมือ และฉีดไปในอากาศแล้วเดินผ่าน เพื่อสร้างกลิ่นหอมจาง ๆ ยั่วยวนใจสาว ๆ ไปทั้งวัน แต่ถ้ายังไม่รู้จะเลือกกลิ่นไหนมาใช้ ลองดู UNLOCKMEN PICKS ก่อนก็ได้ น่าจะได้น้ำหอมถูกใจไปลองใช้สักขวดชัวร์ ๆ
ความสวยงามที่สัมผัสได้ ไม่จำเป็นต้องมาจากทางสายตาเสมอไป อย่าลืมว่าร่างกายเรายังมีผัสสะอีกหลายที่ที่จะให้เรารับรู้ความสวยงามของโลกใบนี้ได้ โดยเฉพาะจากสาว ๆ ! วันนี้ UNLOCKMEN จะชวนมาขบคิดกันเล่น ๆ ว่านอกจากรักแรกพบแล้ว รักแรกจากกลิ่นมันจะเป็นไปได้มั้ย ? จากงานวิจัยบอกเราว่าเสียงและกลิ่นของคนเราเนี่ย เป็นส่วนสำคัญทางกายภาพที่จะดึงดูดใครสักคนได้ หรือหากจะย้อนไปที่ทฤษฎีเก่าแก่อย่าง Frontiers in Psychology ที่ Agata Groyecka ผู้วิจัยจาก University of Wroclaw ใน Poland กล่าวไว้ว่า “ส่วนใหญ่เรามักจะถูกดึงดูดทางสายตามากที่สุด ง่าย ๆ เลยก็หน้าสวย หุ่นดี” ยิ่งมีงานวิจัยใหม่ ๆ ที่สืบค้นลึกลงไปในเรื่องของความสัมพันธ์และสังคมพบว่าสัมผัสอื่น ๆ เนี่ยมันก็มีผลไม่แพ้กัน การรับรู้ความคิดของอีกฝ่ายจากผัสสะทางอื่นด้วย (นอกจากทางสายตา) มันน่าเชื่อถือมากกว่าเพราะเราจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากขึ้น อะไรที่นอกเหนือจากสายตา อย่างเสียง ก็สามารถบอกถึง เพศ อายุ ได้ หรือแม้แต่สังเกตความมั่นใจ บุคลิก ได้จากน้ำเสียงด้วยเช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่กลิ่นจะทำให้เราตกหลุมรักใครสักคนได้ เพราะเราก็จะมี Typeในใจที่ชอบเหมือนว่าเป็นสเป็กนั่นแหละ ถ้าเราชอบคนสะอาด แล้วเกิดได้กลิ่นหอมแบบสะอาด สดชื่น
“กลิ่นคือส่วนผสมที่สำคัญที่สุดของความมีเสน่ห์ดึงดูด โดยเฉพาะต่อผู้หญิง” Ian Stephen อาจารย์ประจำ Macquarie University กล่าวไว้ และเราก็แอบเห็นด้วยเต็มประตู! ก็ถ้าหล่อเหลาชวนใจละลายแต่เข้าใกล้แล้วกลิ่นชวนสำลักก็คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เสน่ห์ที่มีก็หายไปทันที แต่ถ้าหน้าตาไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นยวนใจชวนเหลียวหลังก็กลายเป็นจุดขายได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นแล้ว ผู้ชายอย่างเราต้องทำแบบไหน กินอะไรถึงจะมีกลิ่นตัวธรรมชาติยวนใจผู้หญิงกันแน่? งานวิจัยที่มีชื่อว่า Diet quality and the attractiveness of male body odor ซึ่งตีพิมพ์ใน Human and Evolution Behavior เปิดเผยว่าอาหารที่เรากินเข้าไปแต่ละมื้อนั้นส่งผลต่อกลิ่นตัวของเรา และยิ่งเรากินอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นเท่าไหร่กลิ่นกายกำยำของเราก็จะยิ่งโดนใจสาว ๆ มากขึ้นเท่านั้น (มันขนาดนั้นเลยเหรอ?) การวิจัยครั้งนี้เริ่มที่นักวิจัยให้กลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ชายไม่สูบบุหรี่และสุขภาพดีจำนวน 43 คน โดยมีอายุตั้งแต่ 18-30 ปี มาทำแบบสำรวจว่าพวกเขากินอะไรเป็นอาหารบ้าง ซึ่งแต่ละคนก็กินอาหารที่แตกต่างกันไปผัก ผลไม้ คาร์บ ฯลฯ จากนั้นกลุ่มตัวอย่างแต่ละคนจะได้รับแจกเสื้อคอตตอนตัวใหม่เพื่อที่จะสวมใส่ไปตลอด 48 ชั่วโมง โดยมีข้อแม้ว่าห้ามใช้น้ำหอมหรือน้ำยาระงับกลิ่นกายใด ๆ ทั้งสิ้น (แค่จินตนาการถึงกลิ่นก็ชวนขมคอแล้ว) ขั้นต่อไปคือการออกกำลังกาย
“กินอย่างกับแมวดม มันจะไปอิ่มอะไร” ผู้ชายอย่างเราอาจจะเคยบ่นสาวข้างกายไว้อย่างนี้ การดมกับการกินถูกเอามาเปรียบแบบงง ๆ เพราะถ้าเทียบกันแล้ว ดมยังไงก็ไม่น่าจะทำให้คนอิ่มหรืออ้วนได้ (ก็แน่ล่ะคนเราต้องกิน ไม่ใช่ต้องดม) แต่จะช็อคแค่ไหน ถ้ามีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ออกมาแล้วว่า แค่ดมกลิ่นอาหารก็สามารถทำให้เราน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้แล้ว! ฟังดูทั้งช็อค ทั้งน่ากลัว มันจะดมไม่กี่ลมหายใจ แล้วจะหนักขึ้นมาเร็วไวเหมือนที่เราคิดหรือเปล่า หรือมีความซับซ้อนมากกว่านั้น? UNLOCKMEN หาคำตอบมาให้อ่านง่าย ๆ แล้ว The Sense of Smell Impacts Metabolic Health and Obesity คืองานวิจัยที่จัดทำโดย University of California, Berkeley การศึกษาครั้งนี้ก็ดำดิ่งเจาะลึกลงไปว่าการดมกลิ่นนั้นมันมีผลต่อกระบวนการเผาผลาญและความอ้วนของมนุษย์อย่างไรบ้าง ผลปรากฏว่าการดมกลิ่น การได้กลิ่นเชื่อมโยงกับร่างกายมากกว่าที่เราคิด โดยการดมกลิ่นนั้นมีส่วนให้ร่างกายของเราเลือกว่าจะเผาผลาญไขมันที่มีอยู่ หรือเลือกที่จะเก็บสะสมไขมันนั้นไว้ต่อไป การทดลองนี้ทำกับหนูทดลอง 3 กลุ่ม มีหนูทดลองที่มีประสาทรับกลิ่นตามปกติ หนูทดลองที่ไม่สามารถรับกลิ่นได้ และหนูทดลองที่มีความไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษ จากนั้นก็เลี้ยงพวกมันด้วยอาหารชวนอ้วนเต็มพิกัดในปริมาณเท่า ๆ กัน ผลปรากฏว่าหนูทดลองกลุ่มที่ไม่สามารถได้กลิ่นอาหารมีน้ำหนักตัวน้อยที่สุดหลังจากการทดลอง แม้จะกินเท่ากันและเหมือนกัน ไม่เพียงเท่านั้นหนูทดลองที่ได้กลิ่นตามปกติมีน้ำหนักและขนาดตัวเพิ่มขึ้น 1 เท่า ในขณะที่หนูทดลองที่ไม่ได้กลิ่นกลับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียง