กลิ่นเท้าคือสิ่งที่ผู้ชายอย่างเราไม่ควรมองข้าม เพราะมันทำให้เราไม่น่าเข้าใกล้ในสายตาคนอื่นได้ หากหล่อ เท่ มาแต่ไกล แต่ถอดรองเท้าออกกลับมีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ปะปนมาด้วย ใคร ๆ ก็คงเบือนหน้าหนี UNLOCKMEN โคตรเข้าใจว่าการรอซัก-ตาก นอกจากต้องมีเวลาว่างแล้ว ยังต้องวัดดวงกับฝนฟ้าที่ตกลงมาแบบไม่เคยให้ได้ตั้งตัวอีก แต่ปัญหาเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที ถ้ามี Shoe Deodorizer : MS-DS100 เครื่องนี้คอยช่วยชีวิต MS-DS100 ถูกออกแบบและพัฒนาโดย Panasonic โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี “Nanoe X” ที่มีอนุภาคไอออนพิเศษ คุณสมบัติของมันช่วยขจัด Isovakeric Acid ซึ่งคือการทำปฏิกิริยากันระหว่างเหงื่อที่เท้ากับเชื้อแบคทีเรียที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรองเท้าผู้ชายอย่างเรานั่นเอง ทั้งนี้ MS-DS100 ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้ในบ้านและสะดวกต่อการพกพา ด้วยฟังก์ชันซึ่งถูกออกแบบมารองรับการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่โทรศัพท์ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องสถานที่ วิธีใช้ก็เรียบง่ายเพียงแค่วาง Shoe Deodorizer : MS-DS100 ไว้บนรองเท้าคู่ที่ต้องการกำจัดกลิ่น โดยมีโหมดทำงานให้เลือก 2 รูปแบบคือ Normal Mode ที่ใช้เวลาในการกำจัดกลิ่นประมาณ 5 ชั่วโมงหรือ Long Mode ซึ่งใช้เวลา 7 ชั่วโมง
ตั้งแต่มีโลกออนไลน์ ข้อมูลของเราก็เริ่มไม่ปลอดภัย เพราะอาจใช้เป็นเส้นทางก่ออาชญากรรมของมิจฉาชีพหรือโดนนำไปหาใช้หาผลประโยชน์แบบที่เราไม่รู้ตัว เราคงเห็นได้จากข่าวใหญ่เรื่องข้อมูลหลุดจากเฟซบุ๊กแล้ว แต่สำหรับ Google ซึ่งเป็น Search engine เจ้าดังที่รวบข้อมูลคนทั่วโลกเพราะมีฟังก์ชันใช้งานหลากหลาย เรายังไม่พบข่าวเรื่องข้อมูลหลุดให้เห็น จนกระทั่งทาง AP’s investigation ออกมาประกาศให้โลกรับรู้ “ถึงเราจะปิด Location History แล้วมันก็แค่ไม่สามารถสร้างไทม์ไลน์ตำแหน่งของเราได้ แต่ข้อมูลของเราก็โดนเก็บเรียบอยู่ดี” ผลการรายงานครั้งนี้ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Princeton ซึ่งทาง AP ได้ทดสอบติดตามข้อมูลของนักวิจัยภายใน Princeeton ผ่านเพียงใช้ Google Web & App activity ที่เขาเคยแชร์ไว้กับสำนักข่าว ก็สามารถดูได้หมดไม่ว่าจะกิจวัตรประจำวันที่เขาทำไปจนถึงที่อยู่ที่บ้าน! จำนวนตัวเลขของคนโดน Google ตามเก็บข้อมูลปัจจุบันพบว่ามีจำนวนมากกว่าสองพันล้านคน! เรียกได้ว่าค่อนโลกเลยทีเดียว แต่เราก็ไม่ค่อยแปลกใจกับจำนวนตัวเลขนี้ เพราะสมาร์ตโฟนประเภทแอนดรอยด์มักติดตั้งแอปฯ ของ Google ไว้เป็นแอปฯ พื้นฐาน และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ลบทิ้งจากเครื่อง เพราะก็ต้องยอมรับว่ามันใช้งานได้ดี นอกจากการค้นพบของ AP แล้ว ประสบการณ์โดนตามของคนอื่นก็ยังมีให้เห็น อย่าง K. Shankari
เคยสังเกตไหมว่า เวลาเรานั่ง ๆ อยู่ สักพักหลังที่เคยผึ่งผายจะค่อย ๆ ห่อเข้า เหมือนลูกโป่งลมรั่ว จากที่เคยตึงก็ฟืบลง ตามติดมาด้วยอาการคอตกมันเริ่มเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ยิ่งกับพวกเราที่มีส่วนสูงมาก ไอ้อาการเดินคอตกหลังค่อมยิ่งเป็นพฤติกรรมติดตัวเพราะเวลาคุยกับคนรอบข้างทีไรเราก็ต้องก้มลงมองทุกที กว่าจะรู้ตัวอีกที การทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ก็ทำให้เราติดเป็นนิสัย เดินหลังค่อมโดยไม่รู้ตัว และแม้กระทั่งเวลานั่งก็อาจจะติดนั่งหลังค่อมให้ปวดหลังไปด้วย ยิ่งถ้าทำติดต่อกันเป็นระยะยาวอาจจะมีผลให้กระดูกคดได้ ผู้เขียนเองเจอปัญหานี้บ่อย ๆ เพราะต้องนั่งทำงานติดโต๊ะ ถึงจะหาพนักเสริมพิงช่วยแก้ให้นั่งได้ถูกสรีระขึ้น แต่ก็ยังแก้ได้แค่ชั่วคราว พอลุกเดินก็ติดอาการหลังค่อมมาทำให้เสียบุคลิกภาพ Upright เป็นอุปกรณ์ใหม่ ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือที่ใช้แก้ปัญหานี้ได้ นักประดิษฐ์เขาคิดค้นขึ้นเพื่อแก้ปัญหาจากอาการเจ็บ โดยใช้งานง่าย แค่ติดเครื่องนี้ไว้ตรงกลางแผ่นหลัง ทุกครั้งที่เราเริ่มหลังค่อมลง เครื่องจะเริ่มสั่นเตือนให้เรารีบปรับท่านั่งทันที ที่สำคัญเครื่องนี้ยังสามารถเชื่อมเข้ากับแอปพลิเคชัน UPRIGHT GO ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบ andriod และ iOS เพื่อแสดงผล แถมจังต่อยอดได้ด้วยการเทรนนิ่งที่จัดตารางไว้ให้เราได้ฝึกตามในแอปฯ อีกด้วย ประโยชน์ของ Upright Posture ช่วยให้ไหล่เบา ไม่รู้สึกเหมือนใครมาขี่คอ – เครื่องนี้ช่วยลดอาการตึงของไหล่จากท่ายืนท่านั่งที่ผิดปกติ ลดความเครียดและนำความสงบมาให้ชีวิต – การขยับท่าทางให้ถูกต้องจะช่วยลดความเหนื่อยล้าที่สร้างความเครียดได้ รู้สึกเยี่ยมในท่าสุดเพอร์เฟ็กต์ – แค่การนั่งและยืนในท่าที่ถูกต้องจะทำให้เราดูดีขึ้นทันตา
24 ชั่วโมงจากนี้ ทำให้ดี ทำให้ไว ถ้าทำได้ Tasks ทั้งหมดจะได้รับการเคลียร์ไปเลย มีคนเคยบอกว่า ไม่ว่าเราจะมีแผนการบริหารจัดการที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ระบุเวลาของแผนงานลงไปใน Action Plan สิ่งที่ตั้งความหวังไว้อาจเป็นแค่ลมปาก แต่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง จนเราแอบคิดในใจว่าด้วยเหตุผลนี้เอง เวลากับประสิทธิภาพงานเลยถูกพูดถึงคู่กันมาแบบปาท่องโก๋ และอาจกลายเป็นที่มาของการทำ “To do list” ไว้ใช้งาน แต่ถ้าไม่อยากให้งานพลาด การวางแผนซอยย่อย ระบุเวลาสำหรับทำกิจกรรมนั้นไว้อย่างชัดเจน แปะไว้ในมุมที่สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา จะยิ่งทำให้เห็นผลได้มากขึ้น Li Ke, Pang Sheng Li และ Chen Yi Lin สามดีไซเนอร์ที่หลงรักความโปรดักทีฟเข้าไส้ เลยออกแบบ gadget สุดมินิมอลที่จะทำให้เราได้ทำงานแข่งกับเวลาของจริง โดยเราสามารถเขียนระบุ Tasks ที่ต้องการทำบนนาฬิกาในช่องว่างทุกชั่วโมงบนเจ้า Delete Clock ได้ เนื่องจากพื้นผิวหน้าปัดทำขึ้นจากไวท์บอร์ด แต่ถ้าแค่เขียนได้มันก็ธรรมดาไป พวกเขาเลยออกแบบให้มันส์กว่าด้วยการทำตัวเข็มยาวของนาฬิกาให้ใช้งานได้ 2 ฟังก์ชั่น คือเป็นได้ทั้งที่เก็บปากกาไวท์บอร์ดสำหรับเขียนได้โดยไม่ต้องกลัวหาย และด้านล่างของเข็มยาวทำเป็นแปรงลบน้ำหมึกไว้ เรียกได้ว่าทุกวินาทีที่ผ่านไปเราจะต้องเร่งทำสิ่งที่ตั้งใจไว้แข่งกับเข็มนี้ที่คอยไล่ลบ Task ของเราทิ้ง
สาวกความเร็วทั้งหลายที่ชอบให้ผิวกายปะทะกับลมเพราะมันได้ฟีลกว่า และชอบการบิดควบคุมความเร็วผ่านกำมือ คงต้องเคยเจอปัญหาชวนเซ็งอย่างการโทรศัพท์และการฟังเพลง เพราะพอต้องใส่อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอย่างหมวกกันน็อกแล้วมันดูจะมีอุปสรรคไปเสียทุกอย่าง แม้เราจะพยายามหานวัตกรรมใหม่มาเพิ่มความสะดวกมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่มันก็ไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่ หูฟังบลูทูธเสียบไว้แต่บางทีเสียดสีกับผิวด้านข้างของหมวกกันน็อกมันก็หลุดหล่นลงพื้นระหว่างขับ จนเราต้องเสี่ยงวนรถกลับไปเก็บด้วย Domio Pro คืออุปกรณ์เสริมติดหมวกกันน็อกเพื่อสร้างความบันเทิงรูปแบบใหม่ที่แค่ดูวิดีโอตัวอย่างเราก็รู้สึกหลงรัก อยากได้จนมือไม้สั่น และเชื่อว่าสิงห์นักบิดทุกคนต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน เพราะมันสามารถติดไว้ใช้ได้กับหมวกกันน็อกทุกรุ่นที่เราใช้งาน และแก้ปัญหา pain point ที่เราพูดถึงด้านบนไว้ได้แบบคูล ๆ จบในตัว คุณสมบัติของ Domio Pro ประกอบด้วย มี air mic หรือไมค์โครโฟนที่สามารถตัดเสียงรบกวนเข้าไมโครโฟนระหว่างสื่อสารได้ เชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ สร้างระบบเสียงทรงพลังจากการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดเบสแน่น ๆ ใน track ที่เราชื่นชอบ แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง ฐานสำหรับติดตั้งยึดแน่นไม่ต้องกลัวหลุด อุปกรณ์สามารถกันน้ำได้ ไม่หวั่นแม้วันฝนตก แดดออก หรือเจอหิมะก็ยังไหว วิธีการใช้งานเครื่อง Domio Pro ใช้งานได้ง่าย เพราะสามารถเชื่อมต่อและรับคำสั่งการเปิดเพลงโดยเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนและการกดเปิดของปุ่มบนตัวเครื่องเท่านั้น โดยเชื่อมต่อกันผ่าน bluetooth ถามว่าเครื่องเล็กแบบนี้สร้างเสียงเพลงกระหึ่มฟังชัดตลอดการบิดของเราได้อย่างไร บอกเลยว่าเสียงที่เราได้ยินสร้างขึ้นจากการสั่นสะเทือนที่กระทบผิวหมวกกันน็อกตามหลักการกำเนิดเสียง แต่ออกแบบเป็นพิเศษให้เสียงที่ได้ยินขึ้นภายในหมวกกันน็อกแบบเซอร์ราวนด์ โดยไม่ทำให้คุณสมบัติด้านความปลอดภัยลดลงแม้ต่อน้อย ลองคิดว่าถ้าเราเกิดอุบัติเหตุล้มลง
อยากได้ใครที่รู้ใจ อยากได้คนที่คอยสนับสนุนความคิด ความต้องการพวกนี้มันอาจจะไม่ใช่ฝันเฟื่องสำหรับผู้ชายอย่างพวกเราอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้เขามีอุปกรณ์ช่วยอ่านใจแม่น ๆ ชนิดไม่ต้องออกเสียงพูด แค่คิดไว้ในหัว มันก็มอบคำตอบที่ต้องการได้ทันที สิ่งประดิษฐ์อัจฉริยะชิ้นนี้ทางผู้ผลิตและวิจัยออกโรงมาเคลมความแม่นจากตัวเลขผลการทดลองของตัว prototype ของคน 15 คน พบว่าแม่นเกือบ 100 % (ตัวเลขจริงปาเข้าไป 92 %) โดยใช้หลักการล้วงความคิดในสมองแบบที่เราคาดไม่ถึงด้วยการสวม Headset ที่เขาตั้งชื่อมันว่า “AlterEgo” หลายคนอยากรู้ว่าอุปกรณ์นี้ใช้วิธีไหนอ่านใจคนสวม แล็บวิจัย MIT Media ผู้พัฒนา AlterEgo ให้คำอธิบายไว้ว่าเครื่องนี้แกะรอยความคิดของเราจากการประโยคที่เกิดขึ้นภายในหัวเรา ณ เวลานั้น เพราะเมื่อเราคิด สมองจะส่งสัญญาณต่อไปยังปากและกรามทันที เจ้า Headset อัจฉริยะจะจับสัญญาณการขยับที่เกิดขึ้นกระทบแล้วเชื่อมต่อการใช้งานให้กับเรา ตัวอย่างเช่น หากเราอยากรู้ว่าตอนนี้เราอยู่บนถนนเส้นไหน เราแค่คิดคำถามนี้ไว้ในหัว AlterEgo จะแปลงมันเป็นคำถามแล้วหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามที่เราต้องการ นอกจากการถามตอบมันยังสามารถเชื่อมโยงการใช้งานเข้าร่วมกับระบบคำสั่งการ smart device อื่น อย่างทีวี มือถือ ฯลฯ ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นระบบ AI ที่ทำงานได้เฉียบกว่า Google Assistant
เคยสงสัยไหมว่าเวลาโจรกระโดดขึ้นรถขับหลบหนีทีไร ทำไมตำรวจต้องไล่ตามด้วยรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ แถมไม่ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการขับแล้วชะโงกหัวออกมานอกหน้าต่างหยิบปืนพกไล่ยิงล้อผู้ร้ายเพื่อสกัดการหลบหนีทุกที ทั้งที่เปอร์เซ็นต์ที่จะยิงโดนมันก็น้อย แถมสุดท้ายพอขับผ่านแยกโจรก็ขับปาดหลบหนีไปได้ตลอดทุกที (ผู้ชายอย่างเราเห็นฉากแบบนี้ทีไรก็หัวร้อนทุกที) เหตุผลที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีนี้คงเพราะยังไม่มีวิธีใหม่ที่ดีกว่า แต่ความเสี่ยงที่ไม่ตอบโจทย์ก็ทำให้หลายคนพยายามช่วยแก้ปัญหานี้ เช่นเดียวกับบริษัท Grappler Police Bumper บริษัทหัวใสที่คิดค้นนวัตกรรมจากแนวคิดที่ง่ายเหลือเชื่อแต่ได้ผลเกิดคาดอย่างการยิงตาข่ายดักล้อรถผู้ร้ายมันเสียเลย เอาสิ! อยากขับหนีไปไหน เชิญลากตำรวจตามไปด้วยเลย อุปกรณ์ตัวนี้เป็นตาข่ายติดตั้งใต้รถ จังหวะขับไล่ล่าตามท้องถนนแค่ตำรวจกดใช้งาน เจ้าตาข่ายพิเศษที่มีคุณสมบัติเดียวกับหนังสติ๊กก็จะยืดออกมา จากนั้นแค่เล็งให้ได้ระยะใกล้พอจะครอบล้อรถโจรไว้แล้วเหยียบคันเร่งให้ได้ระยะ แป๊ปเดียวยางตาข่ายจะครอบล้อปั่นดึงไว้อย่างอยู่หมัด พอดึงจังหวะแตะเบรกไว้ รถของตำรวจจะดึงรถของผู้ร้ายให้หยุดได้ นอกจากนี้มันยังสามารถคุมระยะได้ด้วย ถ้าคิดว่ามันใกล้ไปแล้วเป็นอันตราย อุปกรณ์นี้ยังสามารถยืดหรือหดได้ตามต้องการ ทำให้ตำรวจสามารถควบคุมได้ตามใจอยาก หรือถ้าอยากตัดเขาก็ซัพพอร์ตระบบไว้พร้อม แม้ว่าผู้ช่วยตัวนี้ยังไม่เหมาะจะใช้ในบ้านเรา เพราะเป็นเมืองที่การจราจรติดขัดอยู่ตลอด และไม่ได้วางระบบให้เอื้อกับการติดตามคนร้ายแบบคนใช้รถใช้ถนน แค่รถพยาบาลกับรถดับเพลิงวิ่งไปปฏิบัติหน้าที่เอกก็ยังหืดขึ้นคอ คงไม่ต้องรวมเรื่องนี้เข้าไปอีกเรื่อง แต่เราก็เห็นว่าเป็นหนึ่งการออกแบบที่มีแนวคิดการแก้ปัญหาดี และไม่มีใครต้องเสียเลือดเนื้อหรือโดนลูกหลงที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง อุปกรณ์ชิ้นนี้เปิดวางจำหน่ายไปแล้วตั้งแต่ต้นปีในสหรัฐฯ น่าลุ้นว่าพอเอามาใช้งานจริง มันจะไปปรากฏในภาพยนตร์ด้วยหรือเปล่า และจะเปลี่ยนมิติการตามล่าในหนังบู๊ทั้งหลายที่ผู้ชายเราติดตามเป็นประจำไหม ส่วนใครที่อยากพิสูจน์สมรรถภาพของมันว่าเฉียบแค่ไหนในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว ลองมาดูวิดีโอด้านล่างได้เลย SOURCE
ในยุคที่โลกกำลังแข่งกันสร้างสรรค์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สุดแสนจะไฮเทค ขุมพลังแรง และวิ่งได้ไกลแสนไกล แต่ในโลกแห่งความล้ำหน้า ย่อมตีคู่มาด้วยโลกของความคลาสสิค วันนี้เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Iconic car ที่โด่งดังในอดีต รถทรงไข่ขวัญใจชาวประชาทั่วโลก และเป็นฮีโร่ที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ BMW กลับมาจากสถานการณ์ใกล้ล้มจนยิ่งใหญ่แบบในทุกวันนี้ นั่นคือ Isetta Micro Car แต่วันนี้มาในรูปแบบ All-Electric พลังงานไฟฟ้าสุดล้ำสำหรับคนเมืองในชื่อ ‘Microlino’ Microlino มาในรูปแบบเดียวกับ Isetta เป๊ะ ๆ ด้วยรูปทรงไข่ขนาด 2.4 เมตร ที่เปิดประตูเข้าออกได้จากหัวรถด้านหน้าเต็มบาน นั่งได้เต็มที่ 2 คน แต่ผ่านการเปลี่ยนหัวใจใหม่ให้เป็นแบตเตอรี่ขนาด 8 kWh และ 14.4 kWh ให้เลือกได้ตามต้องการ ขุมกำลัง 15 kW แรงบิดสูงสุด 110Nm สามารถชาร์จผ่านปลั๊กไฟแบบ Type 2 มาตรฐานโลกได้ตามปกติ ชาร์จแบตเต็มหนึ่งครั้งใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางไกล 120
เราเชื่อว่าอีกไม่เกิน 10 ปี ชายที่ชื่อ Elon Musk จะต้องครองโลกอย่างแน่นอน เพราะนับวันแกเริ่มผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะรถ Tesla จรวดที่จะไปเหยียบดาวอังคารในโปรเจค SpaceX หรือเครื่องพ่นไฟ และ Gadget อื่น ๆ อีกเพียบ กระทั้งล่าสุดบริษัท The Boring Company ของตัวเขาเองได้ผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์ออกมาอย่างน่าสนใจนั่นคือ เซิร์ฟบอร์ดสุดคูล เหมาะจะเป็นของสะสมหรือแม้จะใช้เล่นบอร์ดเองจริง ๆ ก็ตาม โดยเซิร์ฟบอร์ดจาก Tesla นี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 3 บริษัท ได้แก่ Lost Surfboard และ Matt “Mayhem Biolos เพื่อสั่นสะเทือนวงการคนเล่นเซิร์ฟ ซึ่งจะถูกใช้เแข่งขันในงาน World Surf League Championship จุดเด่นที่มาพร้อมบอร์ดนี้คือจะมีความเบาแบบพิเศษสุด ๆ เพราะผลิตมาจากคาร์บอนไฟเปอร์สีดำสวยงาม และดีไซน์เรียบง่ายดูทันสมัยเหมือนกับรูปลักษณ์ของรถ Tesla สำหรับบอร์ด Tesla โมเดลนี้ออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับรถยนต์ Tesla
ใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกที สำหรับโปรเจคที่ Porsche กำลังเข็นออกมาฆ่า Tesla โดยใช้จุดเด่นที่ตำนานและจิตวิญญาณอันยาวนานของ Porsche และแน่นอนว่าสเปคของ Taycan หรือที่เรียกกันติดปากว่า Mission E ก่อนหน้านี้ รถ Supercar เบอร์หนึ่งจากค่ายทั้งทีย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน Porsche Taycan เปิดเผยสเปคอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยจะมีรุ่นย่อยให้เลือก 3 รุ่น แตกต่างกันตามแรงม้าและขนาดแบตเตอรี่จากใหญ่ไปเล็ก โดยรุ่นพี่ใหญ่สุดจะมากับขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 600 แรงม้า (440 kilowatts) เด่นด้วยเทคโนโลยีระบบไฟฟ้า 800-volt Fast-Charging Electric System ซึ่งสามารถชาร์จไฟฟ้าให้แบตเตอรี่ได้ถึง 80% โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถซัดได้ระยะทางไกลถึง 500 กิโลเมตรสบาย ๆ หรือถ้าจะใช้ซิ่งในสนามแข่ง ระยะทางอาจจะลดลงเล็กน้อยตามความแรงเท้าที่กดคันเร่ง ใน Porsche Taycan 600 แรงม้า สามารถทำความเร็ว 0 – 100