ในชีวิตนี้มันต้องมีสักคนแหละที่เราอยู่ด้วยแล้วรู้สึกทำตัวไม่ถูก รู้สึกเหนื่อย รู้สึกอึดอัด รู้สึกกลัวเวลาอยู่กับเขา รู้สึกแย่กับตัวเอง ฯลฯ โดยสาเหตุที่เรารู้สึกแบบนั้น อาจเป็นเพราะนิสัยของเขาไม่ถูกจริตเราอย่างแรง คนที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ เราอาจเรียกเขาว่าเป็นคนท็อกซิก (Toxic Peoples) ซึ่งบางครั้งก็สามารถแยกออกจากคนปกติได้ยากเหมือนกัน เราเลยอยากมาแนะนำวิธีการมองคนท็อกซิก 10 ประเภท เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถแยกแยะคนประเภทนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น 1.The Strait Jacket ประเภทแรกที่อยากให้ทุกคนรู้จักกันไว้ คือ สเตรทแจ็คเก็ต ซึ่งเป็นประเภทของคนที่ชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต เปรียบได้กับ สเตรทแจ็คเก็ต ซึ่งเป็นชุดแขนยาวที่ใช้ในการควบคุมผู้ต้องขังหัวรุนแรงและผู้ป่วยทางจิต โดยชุดนี้จะมีที่รัดมือเพื่อไม่ให้ผู้สวมใส่ขยับตัวได้สะดวก คนประเภทนี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณเห็นด้วยกับเขา และคุณต้องเห็นด้วยกับเขาเท่านั้น จะเห็นต่างไม่ได้ การอยู่ร่วมกับคนแบบนี้สร้างความท็อกซิกให้กับเราแน่นอน เพราะทำให้เรารู้สึกไม่มีอิสระ ไม่เป็นตัวของตัวเอง 2.The Drama Magnet ประเภทต่อมาเรียกได้ว่าเป็น แม่เหล็กดึงดูดทุกดราม่า พวกเขามักจะบ่นถึงปัญหา และเรียกร้องแค่ความเห็นอกเห็นใจ ความสงสาร คำปลอบประโลมจากคุณเท่านั้น ไม่ได้ต้องการคำแนะนำหรือแนวทางแก้ไขจากคุณ สิ่งที่พวกเขาทำตลอดเวลา คือ บ่นและบ่นอยู่เสมอ เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเขากำลังตกเป็นเหยื่อของปัญหา และยังทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากพอที่คนอื่นจะต้องสนใจด้วย 3.The JJ JJ ย่อมาจาก ‘Jealous-Judgmental’ หรือ
บางนิสัยที่เราทำมานาน ทำจนเคยชิน ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถทำมันไปได้ตลอด เพราะเราไม่รู้เลยว่ามันส่งผลเสียกับตัวเราเอง บางทีเราเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ หมายรวมถึงนิสัยทั่วไปในชีวิตประวันและทัศนคติบางอย่างที่อาจจะเป็น Toxic Mindset จนส่งผลเสียกับตัวเราเองและคนรอบข้าง UNLOCKMEN อยากจะชวนหนุ่ม ๆ มาลดละเลิก 10 นิสัยที่เราแสนจะเคยชินให้ได้ตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่นานวันแล้วมันจะสายเกินแก้ อดนอน คงเคยชินกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว ชอบเกทับกันว่าอดนอนมากี่คืน หรือนอนไปไม่กี่ชั่วโมง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่อยากให้รู้ว่ามันไม่ได้เท่หรือเจ๋งเลย มันคือการทำร้ายสุขภาพเราโดยตรงเลยล่ะ ร่างกายของเรามีขีดจำกัดเสมอ วงจรชีวิตการนอนในแต่ละวัน เป็นการพักผ่อนเพื่อให้มีแรงมากพอที่จะใช้งานในหนึ่งวัน ไม่ใช่นอนวันเดียวแล้วอยู่ยาวได้อีกหลายวัน นอกจากจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การพักผ่อนอย่างมีคุณภาพก็เป็นเรื่องสำคัญ หลับให้สนิท ไม่มีเสียง แสง เข้ามารบกวน ลงทุนกับชุดเครื่องนอนดี ๆ ก็เป็นอีกการลงทุนที่คุ้มค่ากับเราอย่างมาก เพราะคุณภาพของชุดเครื่องนอนเป็นอีกสิ่งที่ส่งผลกับสุขภาพของเราแม้เราจะมองข้ามมันมาตลอดก็ตาม ดื่มน้ำน้อย ร่างกายของเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบในสัดส่วนที่เยอะที่สุด การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นเรื่องที่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็กยันโต อาจจะไม่ต้องตะบี้ตะบันดื่มวันละหลายลิตร ควรดื่มให้พอดีกับสัดส่วนน้ำหนักตัวเราด้วย หากเรายุ่งทั้งวันจนไม่มีเวลาจะลุกไปไหน พกขวดน้ำไว้ที่โต๊ะทำงานหรือที่ประจำของเราเลย แล้วคอยจิบตลอดเวลา อย่าปล่อยให้ตัวเองกระหายแล้วค่อยลุกไปดื่ม หรือจะลองตั้งเวลากับตัวเองเอาไว้ว่าในหนึ่งวันถึงเวลานี้เราจะกินน้ำกี่แก้ว ถึงเวลานี้จะอีกกี่แก้ว ลองหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองกันดู ดูแลฟัน อย่าลืมว่าเรามีฟันแท้อยู่แค่ชุดเดียว เสียแล้วเสียเลย แม้จะมีฟันปลอมมาทดแทน แต่ก็ต้องเพิ่มความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายในการดูแลอีก และค่าใช้จ่ายสำหรับทันตกรรมนั้นถือว่ายังค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับการดูแลสุขภาพในส่วนอื่น
โลกของการทำงานที่พวกเราต้องเจอคนร้อยพ่อพันแม่ คงต้องมีสักครั้งที่เราเจอกับ “บุคคลมลพิษ” อุดมเรื่องแย่ ทั้งความเห็นแก่ตัว โม้เก่ง หลงตัวเอง ใช้ทุกวิถีทางเหยียบหัวคนอื่นให้ตัวเองดูดี โกงแค่ไหนก็ชิลได้เหลือเชื่อ เรื่องผิดจรรยาบรรณมันก็ทำได้สบาย แต่ตลกร้ายคือเจ้านายชอบโปรโมตคนพวกนี้เสียเหลือเกิน เพื่อคลายความสงสัยว่าทำไมเจ้านายดันไร้วิจารณญาณมองไม่เห็นด้านลบเหล่านี้ วันนี้เราจึงล้วงคำตอบจากการวิจัยมาบอก รับรองเลยว่าคุณจะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นอย่างแน่นอน ที่สำคัญยังได้วิธีเอาชนะ จนเจ้านายมองเห็นค่าของตัวเราด้วย ไขความลับคนลบ ๆ ทำไมเจิดจ้าในสายตาเจ้านาย ผลวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน Personality and Individual Differences ที่ Klaus J Templer วิจัย ชี้ให้เห็นว่าทักษะด้านการเมืองมีอิทธิพลกับการเติบโตในหน้าที่การงาน ใครที่คิดภาพไม่ออกว่าทักษะพวกนี้มันหน้าตาเป็นอย่างไรก็ให้คิดถึงนักการเมืองสักคนเวลาทำงาน เขาจะมีคลังคำพูดจูงใจดี ๆ ขนมาใช้ มีความเป็นนักไกล่เกลี่ย ประนีประนอม และเก่งเรื่องแสดงความจริงใจในใบหน้าให้อีกฝ่ายเห็น ฟังดูทักษะการเมืองมันก็มีแต่ทักษะดี ๆ ใช่ไหมล่ะ? แต่เรื่องแปลกคือมันมักอยู่ในคนที่ไม่ดีซะงั้น ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้พูดปรักปรำแบบส่ง ๆ แต่ใช้วิธีสุ่มสำรวจจากกลุ่มพนักงานจำนวน 110 คนให้ประเมินสกิลด้านการเมืองกันสักหน่อยว่าตัวเองมีมากน้อยแค่ไหน จากนั้นค่อยนำคนเหล่านี้ไปทำแบบสำรวจเช็กบุคลิกภาพจากหนังสือ H-factor of personality หนังสือที่ว่าด้วยหกมิติพื้นฐานของบุคลิกภาพมนุษย์ ใครที่ได้คะแนนสูงจัดว่าเป็นคนซื่อสัตย์อ่อนน้อม ส่วนคนไหนคะแนนปิ๋วค่อนไปทางต่ำก็แน่นอนว่าเป็นไปในทางตรงข้าม จากนั้นเอามาเทียบกันแล้วเอาไปสอบถามความเห็นจากหัวหน้าอีกที