โจ๊กเกอร์-ณศิวัชร์ นพภิรมย์ไชย คือชื่อที่เรามั่นใจว่าใครหลายคนรู้จักดีอยู่แล้วด้วยบทบาทหน้าที่อันหลากหลายทั้งการเป็นนักแสดง พิธีกร นักร้อง ไปจนถึงการทำงานเบื้องหลังทำให้ทั้งเขาและผลงานของเขาต้องผ่านหูผ่านตาเราไม่ว่าเราจะสังเกตหรือไม่ก็ตาม นอกจากการทำงานอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊กแล้ว คุณโจ๊กเกอร์ยังเป็นคุณพ่อที่ต้องดูแลลูกฝาแฝดสองคนวัยกำลังซน แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้พลังในตัวเขาดับมอดลงไปแม้แต่น้อย เขากำลังมีซิงเกิ้ลใหม่หลังจากที่ไม่ได้ทำเพลงของตัวเองมา 20 ปี “พอเรามีความมั่นใจ มันสร้างความมั่นใจทำให้มีพลังทำอะไรหลาย ๆ อย่าง เราได้ความมั่นใจกลับมา เราก็อยากทำอะไรที่เรารัก” คุณโจ๊กเกอร์ให้เหตุผลว่าความมั่นใจนี่แหละที่เป็นกุญแจสำคัญของการกลับมาสร้างผลงานเพลงของตัวเองในแบบที่เขารักอีกครั้ง แต่ความมั่นใจที่ทรงพลังแบบนี้มีที่มาจากอะไร เราก็ไม่รอช้าเริ่มต้นบทสนทนากับผู้ชายมากพลังและเต็มไปด้วยความมั่นใจทันที เพราะเป็นผู้ชายสายลุยจึงต้องไปให้สุดกับทุกสิ่งที่ทำ “ทำอะไรต้องไปให้สุด” เราเชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนยึดถือวิธีคิดแบบนี้เป็นหนทางการทำงาน แต่สำหรับคุณโจ๊กเกอร์การไปให้สุดไม่ได้หมายถึงแค่การทำงานเท่านั้น แต่เขาอยากเต็มที่กับทุกสิ่งในชีวิตโดยเฉพาะสิ่งที่เขารัก “ยังทำงานในวงการบันเทิง เพียงแต่ไม่ได้รับละคร ด้วยเงื่อนไขเรื่องเวลา เราทำพิธีกรรายการท่องเที่ยว ต้องเดินทางตลอดจึงจัดสรรเวลายาก เราเลยให้น้ำหนักการทำรายการมากกว่าเล่นละคร ยังอยู่ในแวดวงเพลงมาตลอด ช่วยทำเพลง เขียนเนื้อร้อง ดีไซน์ ทำเพลงประกอบรายการเพื่อให้ไม่ลืม” นอกจากการเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยวสายลุยของตัวเอง การทำงานเบื้องหลังในวงการเพลงและกลับมาทำซิงเกิ้ลของตัวเองในรอบ 20 ปีซึ่งต้องซ้อมอย่างหนัก เขายังเป็นพ่อของลูกสาวฝาแฝดที่น่ารักอีกด้วย “วันนี้เราไม่ใช่แค่คนคนเดียว เราเป็นพ่อคน เป็นพ่อของลูกสาวฝาแฝดที่เราเลี้ยงเอง เวลาที่ใช้กับลูกเราคือคุณพ่อคนหนึ่ง ตัดภาพของดารานักแสดงออกไปได้เลย เราต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมข้าว ขับรถรับส่งที่โรงเรียน” แม้การมีลูกสาวจะหมายถึงความชุ่มชื่นหัวใจ แต่ก็ทำให้คุณโจ๊กเกอร์ต้องสละเวลาที่เคยมอบให้ตัวเองให้กับลูก ๆ แทน
เมื่อพูดถึงความงาม การเสริมหล่อ ดูแลใบหน้า เชื่อว่าผู้ชายทั้งหลายคงร้องยี้ในใจ เพราะส่วนใหญ่มักจะยึดติดอยู่กับความคิดฝังหัวที่ว่า เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องเฉพาะทางสำหรับสาว ๆ เท่านั้น ส่วนแมน ๆ อย่างเรา ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องดูแลอะไรมากมายให้ยุ่งยาก เน้นหล่อตามธรรมชาติ ไม่สนไม่ใส่ใจอะไรหยุมหยิม อย่างเรื่องริ้วรอยความหย่อนคล้อยบนใบหน้ากันสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะว่าพวกเรามีข้อได้เปรียบในระดับพันธุกรรม ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนเพศชายอย่าง Testosterone ทำให้ผู้ชายมีชั้นผิวหนากว่า มีคอลลาเจนมากกว่า ผลที่ได้คือการมีผิวหน้าคงสภาพดูดีได้ยาวนานกว่าผู้หญิง จนหนุ่ม ๆ ทั้งหลายย่ามใจปล่อยเซอร์ละทิ้งทุกการดูแล เพราะแทบไม่รู้สึกถึงปัญหากวนใจบนใบหน้า SOURCE แต่ต้องไม่ลืมว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบแมน ๆ ลุยกิจกรรม ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ปาร์ตี้หนักหน่วง สุดเหวี่ยงกับทุกเรื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ใบหน้าที่เคยเต่งตึงแบบไม่ต้องทำอะไร กลับกลายเป็นหน้าเหี่ยว โทรมหย่อนคล้อย ริ้วรอยก็มี เหนียงก็เริ่มมา แบบไม่ทันตั้งตัว และถึงแม้ว่าจะหมั่นดูแลหน้าทั้งภายนอกและภายใน เป็นคนใส่ใจอาหารการกินที่มีวิตามินบำรุงผิว เน้นออกกำลังกายให้เลือดลมเดินสะดวก รวมถึงเติมอาหารผิวหน้าสกินแคร์ต่าง ๆ มากมาย แต่สุดท้ายเรื่องของอายุ และสังขารที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา ก็ทำให้ยากจะเหนี่ยวรั้งความหล่อเหลาเยาว์วัยเอาไว้ จนรู้ตัวอีกทีก็ต้องสูญเสียความมั่นใจในการพบเจอผู้คน เพราะจริง ๆ แล้ว พวกเราทุกคนน่าจะรู้ดีว่าการมีหน้าดีนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะประชุมงาน พบปะลูกค้า เจรจาธุรกิจ หรือแม้แต่ภารกิจพิชิตรัก