ที่สุดของตำนานนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ซามูไรหาญกล้าผู้ออกรบอย่างดุดันแม้จะมีตาเพียงดวงเดียว สำหรับชายผู้ที่ชื่นชอบความเท่แบบญี่ปุ่นและชื่นชอบซามูไร คงไม่มีใครไม่รู้จักกับยุค เซ็นโงคุ ที่สร้างชื่อให้กับเหล่านักรบผู้เก่งกาจ และนักสู้คู่ยุคเดือด ซามูไรนาม ดาเตะ มาซามุเนะ ชายที่เกิดมาพร้อมกับความบกพกพร่องทางสายตา แต่ด้วยความสามารถที่ไม่เป็นสองรองใคร รวมถึงความแข็งเกร่งที่แสดงให้ทุกคนได้สัมผัสมากกว่าแค่ชื่อเสียง จนได้รับการขนานนามว่าเป็น มังกรตาเดียวแห่งเซ็นโงคุ ดาเตะ มาซามุเนะ เกิดเมื่อปีค.ศ. 1567 ในปราสาทของตระกูลโยเนซาวะ เขาเป็นลูกชายคนโตของไดเมียว (ผู้ครองนคร) แคว้นมุตสึ มาซามุเนะสูญเสียตาขวาตั้งแต่กำเนิดด้วยโรคไข้ทรพิษ (Smallpox) แต่บางตำนานก็ได้เล่าขานเรื่องราวของเขาอย่างแปลก ๆ เช่น ผู้เป็นพ่อสั่งให้คนรับใช้ประจำตัวเป็นผู้ควักลูกตาออก แต่ยังไร้ซึ่งเหตุผลที่หนักแน่นพอมารองรับข้อสันนิษฐานนี้ และก็มองไม่เห็นถึงความจำเป็นที่คนเราจะต้องควักลูกตาออกข้างหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามแต่ ดาเตะ มาซามุเนะ เป็นเด็กผู้ชายที่มีตาข้างเดียว ซึ่งความไม่สมบูรณ์นี้เองที่ถึงแม้จะเป็นพี่ชายคนโตของตระกูลก็ตาม กลับไม่ได้เป็นที่รักของมารดาเท่าไหร่นัก และถูกมองว่าไม่คู่ควรกับการได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งไดเมียวแห่งโยเซนาวะผู้ครองแคว้นมุตสึ ด้วยนิสัยหาญกล้าบ้าบิ่น ชื่นชอบการแข่งขัน กระหายชัยชนะ จึงทำให้ มาซามุเนะ เป็นที่ถูกพูดถึงตั้งแต่ยังเด็ก มีตำนานเล่าขานความโหดเหี้ยมเด็ดขาดของมาซามุเนะว่า เมื่อตอนอายุ 11 ปี และต้องแต่งงานกับ ทามูระ เมโงฮิเมะ แต่มาซามุเนะเกิดความหวาดระแวงว่าตระกูลทามูระจะพยายามหักหลัง เขาได้ลงมือสังหารคนรับใช้ของภรรยาตัวเองเสียสิ้น ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่าในสังคมญี่ปุ่นสมัยก่อนยังมีมุมมองเรื่องอายุที่ต่างกับยุคปัจจุบัน เด็กเกือบทั่วทั้งเอเชียมักแต่งงานเร็วเป็นเรื่องธรรมดา และเด็กอายุสิบกว่าขวบก็มีเรื่องครอบครัวและความรับผิดชอบมาให้คิดมากกว่าเด็กอายุรุ่นเดียวกันอย่างในปัจจุบัน หลังจากนั้นต่อมาในปี 1581
เมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน แฟนคลับลูกหนังของทีมฟุตบอลปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงพอจะเห็นข่าวคราวที่ว่ามีนักเตะเยาวชนเด็กไทยจะได้เซ็นสัญญากับสังกัดแมนยู ฯ ผ่านตากันมาบ้าง รวมถึงเรื่องของฝีเท้าที่ไม่ธรรมดาทั้งที่ยังอายุน้อย กับลูกเตะฟรีคิกคิกอันโด่งดังของ Corbyn Murray ที่สื่อเทียบเคียงได้กับลูกเตะฟรีคิกของอดีตนักเตะชื่อดังอย่าง เดวิด แบคแฮม กันเลยทีเดียว คอร์บิ้น เมอร์เรย์ หรือ Corbyn Murray เด็กหนุ่มผู้โตมากับครอบครัวที่รักการเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เพราะปู่เป็นนักฟุตบอลเก่า พ่อก็ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้เป็นอย่างมาก Corbyn ก็เลยคลุกคลีอยู่กับฟุตบอลมาโดยตลอด และเมื่อเขาอายุ 8 ขวบ ก็ได้รับข้อเสนอจากสโมสรฟุตบอลของอังกฤษ และทำให้เขากลายเป็นนักเตะเยาชนลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย อย่างที่รู้กันดีว่าสโมสรแมนยู ฯ นั้นมีการคัดเลือกนักเตะระดับเยาวชนที่มีความเข้มข้น แต่ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นทำให้ Corbyn สามารถติดทีมเยาวชนของสโมสรชื่อดังอย่าง Manchester United ไม่ได้มีเพียงแค่สโมสร Manchester United เท่านั้น แต่ยังมีอีก 4 สโมรสรที่พร้อมจะรับ Corbyn เข้าทีมอคาเดมี ทั้ง Liverpool ที่เป็นทีมฟุตบอลโปรดของ Corbyn นอกจากนี้ยังมีสโมสร Blackburn Rovers F.C. ,
ในยุคที่เราต้องทำกิจกรรม ธุรกรรม และสารพัดกรรมในโลกอินเตอร์เน็ตและโลกแห่งอุปกรอิเล็กทรอนิกส์สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือการตั้งพาสเวิร์ดเพื่อเป็นการป้องกันข้อมูลของเราไม่ให้รั่วไหลออกไปสู่มือผู้อื่น แต่บางทีการมีหลายแอคเคาต์ หลายอุปกรณ์ หลายแพลตฟอร์มก็ทำให้เราขี้เกียจสร้างพาสเวิร์ดแปลก ๆ ท่ายากให้ตัวเองลืม เลยไม่วายตั้งพาสเวิร์ดง่าย ๆ จนเข้าขั้นสิ้นคิด แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าพาสเวิร์ดเรานี่มันเข้าข่ายสิ้นคิดไหม ง่ายเกินไปหรือเปล่า SplashData แอปพลิเคชันจัดการพาสเวิร์ดเขาก็จัดอันดับพาสเวิร์ดยอดแย่ทุกปีไว้ และนี่คือ 25 อันดับแรกที่เข้าข่ายพาสเวิร์ดยอดแย่ เหล่าพาสเวิร์ดยอดแย่ที่เรากำลังจะบอกต่อไปนี้ก็ใช่ว่า SplashData เขามโนขึ้นมาเองเป็นตุเป็นตะ แต่เขานำข้อมูลมาจากพาสเวิร์ดที่รั่วไหลมาในโลกออนไลน์มาประมวลผลและหาค่าเฉลี่ย โดยพาสเวิร์ดที่รั่วไหลนี้รั่วไหลมากว่า 5 ล้านรหัสจากผู้ใช้ในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก Morgan Slain จาก SplashData เปิดเผยว่า “แฮ็กเกอร์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการใช้ชื่อคนดังหรือคำศัพท์จากวัฒนธรรมป๊อปและกีฬา รวมถึงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ที่อยู่ใกล้กัน เพื่อเจาะเข้าสู่บัญชีออนไลน์เพราะพวกเขารู้ว่ามีคนจำนวนมากเลือกตั้งพาสเวิร์ดที่จำง่ายเข้าไว้” สำหรับพาสเวิร์ดเดาง่ายที่ครองตำแหน่งมา 5 ปีซ้อนก็คือ “123456” และที่ 2 ซึ่งได้แก่ “password” ก็ครองตำแหน่งมา 5 ปีซ้อนเช่นกัน ส่วน 5 อันดับถัดมาก็ล้วนแต่เป็นพาสเวิร์ดที่ประกอบขึ้นจากตัวเลขล้วน ๆ มามาลองดูกันว่ามีพาสเวิร์ดเราเข้าข่ายแย่และเดาง่ายกับเขากันบ้างไหม 1.123456 2.password 3.123456789 4.12345678 5.12345 6.111111
สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการศิลปะหรือคนทั่วไป แวนโก๊ะนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินชายผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะกว่า 2,100 ชิ้น และงานของเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาแพงและความดังอย่าง Sunflowers หรือ ภาพราตรีประดับดาว The Starry Night แต่กว่าที่เขาจะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะสุดยอดศิลปิน เขาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาโรคซึมเศร้า คำครหา ความขัดแย้งกับเพื่อน รักที่ไม่สมหวัง รวมถึงหูซ้ายที่หายไป ฟินเซนต์ วิลเลียม ฟัน โกะ (Vincent Willem van Gogh) หรือที่คนไทยเรียกเขาในชื่อ วินเซนต์ แวนโก๊ะ ศิลปินชื่อดังในช่วงลัทธิ Post-Impressionism ที่ศิลปินในลัทธินี้จะเน้นการใช้สีสันที่จัดจ้าน เส้นหนา เน้นรูปทรงเรขาคณิต และความเหนือจริง ซึ่งผลงานของแวนโก๊ะนั้นมีหลากหลายสไตล์ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์ ภาพนิ่ง ภาพเหมือน รวมถึงวาดภาพตัวเองด้วย แต่ผลงานทั้งหมดของเขานั้นจะมีจุดเด่นที่เหมือนกันคือความจัดจ้านของสี และลายเส้นของพู่กันที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ถึงปัจจุบันชื่อของแวนโก๊ะจะโด่งดัง แต่ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตของเขานั้นช่างน่าเศร้า แวนโก๊ะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะดี แต่กลับเป็นเด็กที่เงียบขรึม พูดไม่เก่ง มีท่าทางเงอะงะ และมีปมด้อยเรื่องอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย แต่ถึงอย่างไรก็ตามจิตใจที่แท้จริงของเขานั้นอ่อนโยนและตรงไปตรงมา เขาเคยสร้างวีรกรรมตั้งแต่อายุ 18 ปี ทำงานอยู่ในร้านขายภาพที่ปารีส ซึ่งบริษัทนี้ชอบเอารูปภาพชั้นเลวมาหลอกขายคนที่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะในราคาสูง ด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมานี้ทำให้ครั้งหนึ่งแวนโก๊ะเคยบอกกับลูกค้าว่าอย่าซื้อภาพ จนทำให้เขาถูกไล่ออกทันที หลังจากโดนไล่ออก
เชื่อว่าหลายคนที่นั่งหลังพวงมาลัยคงเคยรู้สึกเครียดกับสภาพรถติดบนท้องถนนกับถ้วนหน้า เพราะไม่ว่าเราจะมีรถพันธ์ุดุหลายแรงม้าหรือรถบ้าน รวยหรือจน แต่ถ้าเข้าเส้นลาดพร้าวช่วงไพร์มไทม์แล้วล่ะก็ยังไงก็จอด มีโอกาสสบตากันยาวตั้งโต๊ะกินข้าวกันได้เป็นชั่วโมง ๆ สำหรับคนอื่นที่เจอเหตุการณ์รถติดแบบนี้อาจจะแค่บ่น แต่ตัวพ่ออย่าง ELON MUSK จะไม่ยอมบ่นเฉย ๆ เพราะเขาเอาจริง หยิบความคับข้องใจตอนเจอพิษรถติดเวลาเดินทางจากบ้านมาที่ทำงานมาเป็นแรงบันดาลใจ (จากลอสแองเจลิสมา สำนักงาน SpaceX เมือง Hawthorne) จึงทุ่มทุนใช้งบหลายล้านดอลลาร์กับเวลา 1 ปีขุดอุโมงค์เพื่อวาร์ปรถหนีการจราจร แถมยังตั้งชื่อบริษัทเกรียน ๆ มาทำโปรเจกต์ด้วยว่า The Boring Company บริษัทน่าเบื่อที่ระดมทุนจากหมวก สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่อยากเชื่อ แต่มันก็เป็นจริง ไม่ใช่แค่พาวเวอร์ของเทคโนโลยีที่เหลือล้น แต่เบื้องหลังของบริษัท The Boring Company ที่สร้างโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่นี้เริ่มต้นจากการระดมทุนขายหมวกไม่กี่ใบในราคาใบละ 20 ดอลลาร์กับทวีตขายหมวกในทวิตเตอร์ของ Musk ที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกวันที่ 18 ตุลาคมปี 2017 โดยหวังว่าจะเอาเงินพวกนี้ไปแก้ปัญหาน่าเบื่อ ๆ ซึ่งแน่นอนวันนี้เขาได้ทำมันแล้ว และเราก็ได้เห็นการเดินทางระดับตำนานแบบนี้เป็นครั้งแรกของโลก ดิ่งลงดิน วาร์ปข้ามแดน เส้นทางการดำดินครั้งนี้ Elizabeth Lopatto หนึ่งในทีม
เป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการโซเชียลอีกครั้งของ Facebook ที่ถูกจับได้ว่าแอบแบ่งปันข้อมูลแชทของผู้ใช้งานให้กับบริษัทที่เป็นพันธมิตรกันอย่าง Netflix และ Spotify เมื่อแชทส่วนตัวในโซเชียลชื่อดังอย่าง Facebook นั้นไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป การแฉครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นเมื่อสื่อเจ้าดังอย่าง The New York Times ได้เผยแพร่บทความ As Facebook Raised a Privacy Wall, It Carved an Opening for Tech Giants ที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ อดีตพนักงานของ Facebook รวมถึงเอกสารที่ Facebook ได้เซ็นกับพันธมิตร พบว่า Facebook ได้ทำข้อตกลงกับบริษัทต่าง ๆ กว่า 150 แห่ง ตั้งแต่ปี 2010 ให้เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน Facebook เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เช่นการให้ Spotify, Netflix และ Royal Bank of Canada สามารถอ่าน เขียน รวมถึงลบข้อความส่วนตัวของผู้ใช้งานได้
ถ้าพูดถึงมิวสิควิดีโอเพลงของเพลง Hip-Hop หนุ่ม ๆ หลายคนอาจคุ้นชินกับภาพของการอวดรวยแบบ New School ซึ่งกำลังได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่รายล้อมด้วยสาว ๆ รถหรูที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้สัมผัส รวมไปถึงธนบัตรกองโตที่ถูกโยนไปมาราวกับเป็นของหาง่าย ซึ่งคงไม่ได้อะไรนอกจากความเพลิดเพลิน แต่ขณะเดียวกันกลับมี MV เจ๋ง ๆ ของแร็ปเปอร์ชาวอังกฤษที่ช่วยให้หนึ่งครอบครัว สามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้ด้วยเช่นกัน มิวสิกวีดีโอเพลง Run ของศิลปิน Bugzy Malone กลายมาเป็นความภาคภูมิในของแร็ปเปอร์หนุ่มโดยที่เขาไม่รู้ตัว หลังจากเพลงของเขาถูกอัปโหลดขึ้น Youtube ในวันที่ 6 สิงหาคม 2018 ในตอนนั้นแร็ปเปอร์วัย 27 ปี หวังแค่ว่าบทเพลงของเขาซึ่งมีความหมายเกี่ยวกับการเติบโตอันยากลำบากของเด็กหนุ่ม จะสามารถเป็นพลังให้กับคนฟังได้ไม่มากก็น้อย แต่ผลของมันกลับเป็นได้มากกว่าที่คาดหวังเอาไว้ เพราะในเวลาต่อมาค่ายเพลงได้รับการติดต่อจากผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นแม่ของชายไร้บ้านที่อยู่ในมิวสิกวิดีโอดังกล่าว สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ MV ของ Bugzy Malone ถูกถ่ายทำขึ้นจริงโดยอาศัยการเก็บฟุตเทจรอบเมืองแมนเชสเตอร์ในประเทศอังกฤษ ส่วนตัวนักแสดงก็ไม่ใช่ใครนอกจากเด็กและคนไร้บ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ซึ่งพวกเขาว่าจ้างให้บุคคลเหล่านี้มาเข้ากล้องแทนนักแสดง ก่อนจะมอบสิ่งของหรือเงินเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบแทน นอกจากนี้พวกเขายังมีโอกาสได้พูดคุยและแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตอันยากลำบากจากคนเหล่านั้นอีกด้วย โดย Bugzy Malone บอกว่าจะใช้มันเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงในอนาคตของตัวเขาเองด้วย View this post on Instagram Today
แม้เราจะรัก Adam Levine มากแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีศิลปินอยากมาแจมกับวงดนตรีชื่อดังจากอย่าง Maroon 5 ที่มีคิวขึ้นแสดงสดในช่วงพักครึ่งของ Super Bowl ครั้งที่ 53 ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีหน้า แต่ต้นเหตุไม่ได้มาจากเหตุผลว่าศิลปินทั้งหลายไม่ชอบพวกเขา แต่เป็นเพราะความตึงเครียดในสถานการณ์ของ NFL กรณีของ Colin Kapernick ต่างหากที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น ดูเหมือนงานถ่ายทอดสดซึ่งมีผู้ชมมากที่สุดในโลกจะไม่ได้เป็นที่ต้องการของเหล่านักร้องดังทั้งหลายในเมืองลุงแซมเสียแล้ว หลังจาก US Weekly ได้เปิดเผยว่าวงดนตรีซึ่งเป็น Line-Up หลักของงานอย่าง Maroon 5 กำลังประสบปัญหาในการหานักร้องมาร่วมแสดงในช่วงพักครึ่งของการแข่งขันชิงถ้วย Vince Lombardi หรือที่รู้จักกันในชื่อ Super Bowl โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของปีหน้าซึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ว่ากันว่าเหตุผลที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นเพราะ “ไม่มีใครอยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับ NFL” เพราะจุดยืนทางการเมืองของพวกเขาในกรณีผู้เล่นของทีม San Francisco 49ers ที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ Colin Karpernick ที่เลือกจะคุกเข่าในการเคารพเพลงชาติสหรัฐอเมริกาเพื่อประท้วงการใช้ความรุนแรงต่อคนผิวสี โดยเขาแสดงเหตุผลของตัวเองว่า “ผมจะไม่ยืนขึ้นเพื่อแสดงความภูมิใจต่อธงชาติและเพลงชาติของประเทศที่กดขี่คนผิวดำหรือเชื้อชาติอื่น ๆ” ซึ่งภายหลังก็มีกระแสทั้งด้านลบและด้านบวก รวมไปถึงการเข้ามาเกี่ยวข้องของประธานาธิบดี Trump ก็มีส่วนทำให้เรื่องราวใหญ่โตขึ้น จนสุดท้ายเขาก็ถูกเลิกจ้างจากทีมและสปอนเซอร์ต่าง ๆ เหลือเพียงแค่ Nike
หลังจากเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาเป็นของตัวเองมาได้สักระยะ ดูเหมือนว่าอดีตแชมป์โลกในรุ่น Heavyweight อย่าง Mike Tyson จะโฆษณาธุรกิจเก่งขึ้นเป็นกอง หลังจากเขาออกมายอมรับว่าเคยสูบกัญชาก่อนขึ้นฟาดกับคู่ต่อสู้ แถมผลการแข่งขันในแมทช์ดังกล่าวก็เป็นเหมือนการเชือดหมูสำหรับเขาอีกด้วย นักชกเจ้าของฉายา “มฤตยูดำ” ถูกรู้จักดีในฐานะหนึ่งในนักมวยที่ดีและโหดที่สุดของรุ่น Heavyweight วงการมวยโลก โดยเขาเป็นที่รู้จักครั้งแรกหลังเอาชนะ Trevor Berbick แบบ TKO ในยกที่สองของการแข่งขัน ซึ่งนั่นทำให้ตัวเขากลายเป็นชายอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์โลกของ World Boxing Council (WBC) ด้วยวัยเพียง 20 ปีกับอีก 4 เดือน โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่เขาโลดแล่นอยู่บนสังเวียนก็มีครบทุกรสชาติทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดของชีวิต แม้จะเคยกัดหูคู่ต่อสู้ขาดเหมือนหมาบ้า แต่ผู้คนยังคงจดจำภาพความเป็นสุดยอดนักชกผู้รีไทร์ไปพร้อมสถิติการชก 58 ครั้ง ชนะ 50 โดยเป็นการชนะน็อกถึง 44 ครั้ง แพ้ 6 และ No Contest 2 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประสบการณ์การชกแบบ Get High นั่นเอง ไมค์เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวผ่านการสัมภาษณ์ของรายการ The Dan Patrick
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับกัญชามาตลอดปีที่ผ่านมา คงจะสังเกตเห็นว่าหลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองและแนวคิดต่อกัญชาในทางบวกมากขึ้น ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการใช้เพื่อสันทนาการ ทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กัญชากลายเป็นพืชที่มีอิทธิพลในตัวเองทั้งด้านประโยชน์ทางการแพทย์รวมถึงเม็ดเงินมหาศาล ซึ่งแรงสั่นสะเทือนในครั้งนี้ก็ส่งผลกระทบมาถึงในบ้านเราด้วยเช่นกัน ปลุกกระแสเสรี มีข้อมูลโดย dr. John Collins จาก London Scholl of Economics พูดถึงภาพการเปลี่ยนแปลงโดยรวมต่อกัญชาทั่วโลกผ่าน BBC อย่างน่าสนใจว่า จุดเริ่มต้นของทัศนคติที่ดีขึ้นต่อสมุนไพรชนิดนี้ มีจุดเริ่มจากช่วงปี 2012 หลังจากอุรุกวัยกลายเป็นประเทศแรกในโลก ที่ออกมาจัดการให้กัญชากลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายในการใช้งานทุกรูปแบบ โดยเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการกวาดล้างและแทนที่ผู้ค้ากัญชาผิดกฎหมาย เพื่อถ่ายโอนเม็ดเงินทั้งหมดให้รัฐและเอกชนบางส่วนดูแลแทน เพราะไหน ๆ คนก็เสพกันอยู่แล้ว สู้เอาขึ้นมาบนดินให้รายได้เข้ารัฐน่าจะดีกว่า ต่อมาในปีเดียวกันรัฐวอชิงตัน ดีซี และโคโลราโดก็มีมติโหวตผ่านให้สามารถใช้กัญชาในทางสันทนาการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยการกระทำในครั้งนั้นสามารถก็สร้างความหวังให้กับหนุ่ม ๆ สายเขียวทั่วโลกที่หลงใหลอาการ High ให้มีความหวังว่าสักวันหนึ่งประเทศของพวกเขาจะเปิดเสรีกัญชาเหมือนที่รัฐทั้งสองทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าในทางปฏิบัติต้องใช้เวลารวมถึงผ่านการวิจัยรวบรวมข้อมูล และออกแบบขั้นตอนทางกฎหมายต่าง ๆ เพราะมันยังคงเป็นเรื่องเปราะบางในหลายประเทศ แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาที่ขึ้นชื่อว่าเสรีสุด ๆ แต่รัฐบาลของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก็ยังถูกวิจารณ์ว่ายอมอ่อนข้อให้กับสงครามยาเสพติดที่ทำต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี แม้แต่ในสมัยของประธานาธิบดี Donald Trump ประชาชนในรัฐอย่าง แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา,