คงไม่มีข่าวไหนในรอบไม่กี่วันที่ผ่านมาจะสะเทือนวงการอวกาศเท่ากับการที่ Elon Musk ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการเทคโนโลยีและ CEO แห่ง SpaceX ได้ออกมาเปิดเผยว่า Yusaku Maezawa มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นจะกลายเป็นลูกค้าคนแรกของ SpaceX ที่จะได้เดินทางสู่ดวงจันทร์ Yusaku Maezawa คือใคร? ถึงแม้ชื่อนี้จะเพิ่งโด่งดังไปทั่วโลกจากข่าวการเดินทางสู่ดวงจันทร์ แต่ถึงอย่างนั้น Yusaku Maezawa ก็ไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหน เพราะเขาคือมหาเศรษฐีอันดับที่ 18 แห่งแดนปลาดิบ ครองครองทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2 หมื่น 7 พันล้านเหรียญและเป็นผู้ก่อตั้ง Zozotown เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ถ้าจะพูดถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางเจ้าพ่อ E-Commerce ของเขาคงต้องย้อนกลับไปในปี 1991 โดยขณะนั้น Maezawa เรียนมัธยมปลายอยู่ที่ Waseda Jitsugyo High School ด้วยความหลงรักในดนตรีตั้งแต่เด็ก เขาจึงตัดสินใจฟอร์มวงดนตรีกับเพื่อนในนาม Switch Style หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นานในที่สุด EP แรกของพวกเขาก็ถูกปล่อยออกมาในปี 1993 หลังจากจบมัธยมปลาย Maezawa ตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย เขาเริ่มการผจญภัยครั้งแรกในชีวิตด้วยการตีตั๋วสู่สหรัฐอเมริกาพร้อมแฟนสาว เหตุผลของการเดินทางไปยังดินแดนลุงแซมก็เพื่อตามหาอัลบั้มแผ่นเสียงและซีดีหายากจำนวนมาก Maezawa กลับมายังญี่ปุ่นในปี 1995 พร้อมแผ่นเสียงหายากจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจของเขาก็เริ่มจากการขายแผ่นเสียงเหล่านี้ผ่านทางออนไลน์นั่นแหละ ก่อนจะเริ่มขยายไปที่ไลน์สินค้าแฟชั่น และตั้งชื่อมันว่า Zozotown ด้วยวิสัยทัศน์ของ
3 ยี่ห้อยานยนต์ระดับโลกที่เราคุ้นเคยได้เซ็นสัญญาผูกปิ่นโตกับ Google เรียบร้อย ทั้ง Renault Nissan และ Mitsubishii เพื่อหวังเป็นดาวเด่นในตลาดรถยนต์ที่มีโปรดักส์ครบเครื่องทั้งความเฉียบของสมรรถนะและสมองกลรวมกันทันทีที่สตาร์ต การนำ AI มาใส่ในรถเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่อย่างเราไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับค่ายผู้ผลิตรถทั้งหลายอีกต่อไป โดยเฉพาะกับกระแส internet of things ที่กำลังจะเข้ามา AI ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยพลิกอุปกรณ์เดิมให้กลายเป็นสุดยอดบริการแปะป้ายคำว่า “Smart” ไว้ เรียกง่าย ๆ ว่าถ้า Smart Home ก็ต้องมี AI เชื่อมโยงคำสั่งกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน Smartphone วันนี้ก็รองรับระบบของ Siri หรือ Google Assistant ส่วน “Smart Car” แห่งอนาคตเองก็ต้องใช้ระบบ AI ในการทำงานเช่นกัน โดย Hadi Zablit ผู้นำการพัฒนาธุรกิจของ Alliance ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาในครั้งนี้ว่า “ความมุ่งมั่นของเราคือการเสนอประสบการณ์เดิมที่ลูกค้าเคยใช้งานกับมือถือนำมาอยู่ในรถยนต์ มันคือขีดความสามารถในการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่คนจะเลือกซื้อรถในวันข้างหน้า” สำหรับบริการที่กลุ่ม Renault
สำหรับผู้ชายทุกคนโดยเฉพาะในวัยทำงาน การจัดสรรเวลาชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแล้ว ครอบครัวหรือคนรอบข้างก็มีส่วนสำคัญกับชีวิตไม่แพ้เรื่องอื่น แถมยังต้องเผื่อเวลาไว้ทำกิจกรรมเพื่อการผ่อนคลาย เช่น ออกกำลัง อ่านหนังสือ หรือกระทั่งการเล่นเกม ซึ่งตอนนี้กำลังกลายเป็นประเด็น Talk Of The Town ในประเทศอังกฤษ เมื่อเกมยอดนิยมอย่าง Fortnite กำลังกลายเป็นจำเลยในข้อหาทำให้เกิดการหย่าร้างเพิ่มมากขึ้นในสังคมคนทำงาน Fortnite คือวิดีโอเกมเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 โดยค่าย Epic Games เป็นเกมแนว Battle Royale ในมุมมองบุคคลที่สาม มีจุดเด่นคือการเล่นแบบ Open World แต่ละรอบจะมีผู้เข้าร่วม 100 คน ทุกคนจะต้องเก็บเกี่ยวอาวุธและทรัพยากรเพื่อช่วยในการเอาชีวิตรอด อารมณ์คล้ายกันกับเกม PUBG (Player Unknown Battlegrounds) แต่ต่างกันตรงที่ Fortnite มีโหมดการสร้าง (Building) สิ่งต่าง ๆเพื่อสนับสนุนการโจมตีหรือป้องกันระหว่างตัวผู้เล่นเอง โดยผู้ชนะจะมีเพียง 1 คนหรือ 1 ทีมเท่านั้น แม้ในประเทศไทยอาจยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก เพราะตอนนี้ Server ของตัวเกมมีการเปิดในโซน
ดูเหมือนว่าจักรวาลภาพยนตร์ Super Hero จะกำลังเขาสู่ช่วงของการ RE-MAKE ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะทางฝัง DC Comics ที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในและนอกมากมาย ไม่เพียงเฉพาะบทบาทของฮีโร่ Superman เท่านั้น ล่าสุด Warner Bros มีแผนว่ากำลังเตรียม Pre-Production หนังภาคแยกเรื่องแรกของตัวร้ายขวัญใจมหาชนในชื่อ The Joker (2019) โดยคราวนี้ได้ดารามากฝีมืออย่าง Joaquin Phoenix มาสวมบทบาทให้อีกด้วย The Joker เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวช่วงแรกเริ่ม จุดกำเนิดก่อนจะกลายเป็น Clown Prince of Crime ของตัวละคร Joker ในสมัยยังชื่อว่า Arthur Fleck ชายแสนธรรมดาผู้ต้องเจอกับเส้นทางความเปลี่ยนแปลง ทำให้ชีวิตของเขาต้องพบทางแยกสำคัญ จนกลายเป็นสุดยอดอาชญากรโรคจิตของ Gotham City โดย The Joker (2019) จะได้ Todd Phillips ซึ่งเคยฝากผลงานอย่าง The Hangover Trilogy และ Due Date
ดูเหมือนจะทำให้หนุ่ม ๆ แฟนหนังซุปเปอร์ฮีโร่ฝั่ง DC Universe ซึ่งดูแลโดย Warner Bros ใจหายใจคว่ำกันไม่น้อยหลังมีข่าวการประกาศถอนตัวจากบท Superman ของพระเอกหน้าหวานอย่าง Henry Cavill ซึ่งไม่มีวี่แววจะต่อสัญญากับทางค่ายออกไปอีก กระแสข่าวที่สะพัดออกไปนอกจากจะทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นทั้งแง่บวกและลบมากมายแล้ว ยังมีอีกกระแสข่าวหนึ่งพูดถึงความคาดหมายว่าอยากจะเป็นใครมารับแสดงบทบาทนี้แทน ซึ่งกระแสที่แรงมากสุดคงจะเป็นของนักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง Nicolas Cage ซึ่งไม่รู้ว่าโดนดันเอาฮาหรืออยากจะเห็นกันจริง ๆ Henry Cavill เซอร์ไพรส์สาวกซุปเปอร์ฮีโร่ด้วยข่าวว่าจะไม่เซ็นสัญญาต่อกับ Warner Bros ในบท Superman ที่เขาปรากฏตัวในบทดังกล่าวมาแล้ว 3 ภาค ตั้งแต่เรื่องแรกอย่าง Man Of Steel ซึ่งกวาดรายได้จากทั่วโลกไปกว่า 668 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ถือว่าดีทีเดียว ต่อด้วยการจับคู่กับ Batman VS Superman ซึ่งทำไป 855 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และเรื่องล่าสุดอย่าง Justice League ซึ่งทั้ง 3 ก็ถือว่าไม่ได้รับเสียงวิจารณ์น่าเกลียดอะไรเลย ถึงขั้นมีแผนจะสร้าง Man of
ถือเป็นปีทองสำหรับกระแสดนตรีแนว Hip-Hop ซึ่งกำลังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ แต่ละอัลบั้มที่ปล่อยออกมาได้รับกระแสตอบรับยอดเยี่ยมทั้งนั้น แถมยังสร้างรายได้ให้กับเจ้าของเพลงมากเอาเรื่องทีเดียว แต่ไม่ได้มีเพียงแค่งานเพลงเท่านั้น Rapper ยุคนี้ยังสามารถร่วมงานกับแบรนด์สินค้าหรือผันตัวเองออกมาทำธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้น ส่งผลให้หลายคนกลายมาเป็นเศรษฐีของวงการกันเพียบเลยทีเดียว ล่าสุดนิตยสาร Forbes จัดอันดับรายได้ของ 100 บุคคลที่มีเสียงในปี 2018 โดยมีแร็ปเปอร์ 5 คนเข้าไปติดอันดับด้วย มาดูกันว่า Rapper แต่ละคนในปีนี้ทำเงินไปคนละเท่าไหร่กันบ้าง J.Cole ครั้งแรกในชีวิตที่แร็ปเปอร์หนุ่มชาวอเมริกันกระโดดเข้ามาอยู่ในชาร์ตของ Forbes โดยสิ่งแรกที่ช่วยส่งเข้ามาก็คือ “KOD” Studio Album ที่ 15 ในชีวิตของเขา ท่ีปล่อยออกมาช่วงเดือนเมษายน ซึ่งวันแรกของการถูกปล่อยลง Streaming ก็สามารถทำยอดการฟังไปถึง 64.5 ล้านครั้งใน Spotify และ 36.6 ล้านใน Apple Music พร้อมเสียงชื่นชมมากมาย แถมยังติดอยู่ใน Top 10 Billboard Hot 100 มาจนถึงเดือนสิงหาคม รวม ๆ แล้วทำยอดขายในสัปดาห์แรกได้มากถึง 397,000 Copy
เรามักมีความเชื่อว่าสิ่งที่คนฉลาดเลือกที่จะดูคือบรรดาสารคดีให้ความรู้ต่าง ๆ หรือไม่ก็ภาพยนตร์ดราม่าเนื้อหาหนักหน่วงแฝงไปด้วยปรัชญาและสัญญะ ในทางตรงกันข้ามคนที่ชอบดูภาพยนตร์หรือซีรีส์คอมเมดี้เน้นตลกโปกฮาไม่เน้นสาระมักจะโดนมองเป็นคนไม่จริงจังกับชีวิต ลอยชายไปวัน ๆ แต่จากผลสำรวจล่าสุดของ DIRECTV อาจทำให้ชุดความคิดนี้ต้องเปลี่ยนไป DIRECTV เปิดเผยว่าคนที่ดูซีรีส์ ‘Friends’ เป็นประจำสามารถทำคะแนนในการสอบได้มากกว่าคนทั่วไป สำหรับคนที่ไม่รู้จักซีรีส์เรื่องนี้ Friends คือซีรีส์โรแมนติก-คอมเมดี้สัญชาติอเมริกันที่โด่งดังที่สุดนับตั้งแต่ยุค 90 มาก็ว่าได้ เริ่มออกอากาศตอนแรกในปี 1994 ก่อนจะสิ้นสุดการเดินทางอันยาวนานในปี 2004 1 ทศวรรษเต็ม ๆ กับ 10 ซีซั่น 236 ตอน เรียกว่าไม่มีซีรีส์คอมเมดี้เรื่องไหนจะขึ้นหิ้งเป็นตำนานเทียบเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว โดย Friends บอกเล่าเรื่องราววุ่น ๆ ทั้งด้านความรัก ชีวิต การทำงาน ของหนุ่มสาว 6 คนโดยมีฉากหลังเป็นย่านแมนฮัตตันในมหานครนิวยอร์ก การสำรวจดังกล่าวของ DIRECTV มุ่งเน้นไปที่ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างรายการทีวีที่ชอบกับความฉลาด โดยสอบถามความเห็นจากนักศึกษามหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาถึงสิ่งที่พวกเขาชอบดูเปรียบเทียบกับคะแนน SAT ที่พวกเขาสอบได้ ผลลัพธ์ที่ได้ปรากฎว่ากลุ่มนักศึกษาที่ทำคะแนน SAT ได้สูงสุดนั้นส่วนใหญ่จะมี Friends เป็นรายการทีวีที่พวกเขาชื่นชอบที่สุด นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนว่ากลุ่มนักศึกษาที่ชื่นชอบรายการประเภทคอมเมดี้จะมีผลคะแนนสอบดีกว่ากลุ่มนักศึกษาที่ชื่นชอบรายการทีวีประเภทดราม่า เช่นเดียวกับ The Simpsons, South Park, Seinfeld ซีรีส์คอมเมดี้ที่แฝงไปด้วยการจิกกัดสังคม
ใกล้เปิดร้านอย่างเป็นทางการเข้าไปทุกที กับแบรนด์ Streetwear ที่พวกเราต้องบินไปซื้อถึง Hong Kong วันนี้ Off-White ใกล้จะเปิดร้านสาขา Bangkok เข้าไปทุกที โดยใน Official Instagram account (@off___white___bangkok) ได้โพสความคืบหน้าที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวันเปิดตัว Opening Day 22 กันยายน 2018 นี้ แค่นั่งรถไป Siam Paragon ชั้น M ก็จะพบกับ Flagship Store ที่ยั่วยวนให้รูดบัตรเครดิตแบบตรง Collection กับทั่วโลก แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่าไม่ใช่แค่นั้น เปิดร้านที่ Bangkok แหล่ง Street Style อีกแห่งใน Asia ทั้งที จะให้เปิดเงียบ ๆ คงไม่ดีแน่ Off-White จึงปล่อยภาพ Teaser โชว์เสื้อผ้าสุดพิเศษ Bangkok Exclusive Capsule Collection
เดินหน้าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสำหรับ KamiKaze อัลบั้มล่าสุดของแร็ปเปอร์วัย 45 ปีอย่าง Eminem หลังจากเปิดตัวอาทิตย์แรก ก็พุ่งทะยานเข้าไปอยู่อันดับ 1 ของ Billboard 200 Chart โดยถือเป็นครั้งที่ 9 จาก 10 อัลบั้มในช่วงชีวิตของเค้า แม้อัลบั้มจะถูกปล่อยออกมาแบบไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าก็ตาม Kamikaze LP มียอดขายรวมทั้งทางออนไลน์และแผงขายซีดี ภายในอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน (Sept 6) มากถึง 434,000 equivalent album units (ปัจจุบัน Billboard Chart ใช้วิธีวัดยอดขายแบบ Multi-metric consumption มีหน่วยเป็น Units ประกอบด้วย Traditional Album Sales, Track Equivalent Albums (TEA) และ Streaming Equivalent Albums (SEA) หรือให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ เทียบจำนวนการฟังเพลงผ่าน Streaming App หรือการจ่ายเงิน Download เพลงออนไลน์ ซึ่งสร้างรายได้ให้ศิลปินเทียบเท่าการขาย
การประกาศสนับสนุนแนวความคิดหรือมูลนิธิเพื่อสังคมต่าง ๆ ของแบรนด์แฟชั่นเป็นเรื่องที่มีให้เห็นตลอดเวลา แคมเปญการช่วยเหลือหรือบริจาคให้สังคม ถือเป็นการแสดงจุดยืนของทุกบริษัท ซึ่งต่างก็มีเป้าหมายของใครของมัน เหมือนอย่างที่ Chip Bergh CEO ของ Levi Strauss & Co เดนิมแบรนด์ชื่อดังของอเมริกาออกมาแสดงการสนับสนุนป้องกันความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศของเขาตอนนี้ ปี 2018 ถือเป็นปีที่มีเหตุการณ์คนใช้อาวุธปืนกราดยิงคนบริสุทธิ์เกิดขึ้นจำนานมากไม่ว่าจะเป็น เหตุกราดยิงระหว่างเทศกาลศิลปะ “Art All Night Trenton 2018” รัฐนิวเจอซี่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 22 คน ต่อด้วยการบุกยิงนักข่าวถึงห้องข่าวในรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งก็มีเหยื่ออีก 5 ราย และเหตุในโรงเรียนที่รัฐฟลอริด้าทำให้มีผู้เคราะห์ร้ายกว่า 17 คน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วสหรัฐอเมริกามีคนเสียชีวิตจากอาวุธปืนเฉลี่ย 96 คน/วัน มันจึงกลายเป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นมากที่สุดโดยการร่วมกันสนับสนุนกฎหมายควบคุมอาวุธปืนให้มีผลบังคับใช้แต่ก็ไม่สามารถดันร่างกฏหมายดังกล่าวให้ผ่านมติได้ ล่าสุด Chip Bergh CEO ของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง LEVI’S ได้ออกมาแสดงจุดยืนของตัวเขาและบริษัทแบบชัดเจน โดยการส่งจดหมายตีพิมพ์เผยแพร่ลงในนิตยสารอย่าง Fortune โดยเนื้อความในจดหมายพูดถึงเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนองค์กรอย่าง SaferTomorrow ที่เดินหน้าป้องกันเหตุการณ์ร้ายดังกล่าวมาตลอด ต่อมาคือการมอบเงินช่วยเหลือให้กับโครงการไม่แสวงหาผลกำไรและนักเคลื่อนไหวป้องกันความรุนแรงจากปืน ร่วมกับกลุ่ม Everytown Business Leaders or