เตรียมพร้อมสู่ FIFA World Cup 2018 ทัวร์นาเม้นต์สำคัญระดับโลกแห่งวงการฟุตบอล ซึ่งกำลังจะระเบิดศึกกันที่ประเทศรัสเซียให้อินกว่าที่เคย เพราะเราจะพาไปรู้จักกับ 10 นักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เรียกได้ว่าเป็นตัวความหวังในการนำพาชาติของตัวเองไปเขย่าเวทีฟุตบอลโลกให้สั่นสะเทือนไปทั่วรัสเซีย งานนี้จะมีใครบ้างที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวจรัสแสงแห่งบอลโลกให้คอยตามลุ้นตามเชียร์เชิญไปดูกันได้เลย ทีมชาติอิหร่าน ชื่อ : อลิเรซ่า ยาฮานบาคช์ ( Alireza Jahanbakhsh ) สโมสร : Az Alkmaar ตำแหน่ง : กองหน้า อายุ : 24 ปี ดาวรุ่งที่พ่วงมาด้วยดีกรีดาวซัลโวลีกดัชซ์ กับผลงานสุดยอดเยี่ยมถลุงตาข่ายไป 22 ประตู บวกกับอีก 12 แอสซิสจากการลงสนาม 37 นัดในทุกรายการ พาทีมต้นสังกัดคว้าอันดับสามของลีคฮอลแลนด์เมื่อปีที่ผ่านมา ถือเป็นตัวความหวังและหัวใจในเกมรุกของทีมอิหร่านชุดนี้อย่างแน่นอน ทีมชาติเม็กซิโก ชื่อ :ฮีร์วิง โลซาโน่ ( Hirving Lozano ) สโมสร
แม้เทรนด์นิตยสารหรือส่ิงพิมพ์จะตกลงฮวบฮาบทั่วโลก หลายค่ายต่างพากันปิดตัว แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับการ์ตูนญี่ปุ่น การ์ตูนเหมือนเพื่อนสนิทคนสำคัญสำหรับผู้ชายอย่างเรา ๆ เพราะเราเติบโตมาพร้อมกัน และหนึ่งเล่มที่ลูกผู้ชายทุกคนต้องอ่านเยอะกว่าหนังสือนอกเวลาที่โรงเรียนบังคับคือ “ONE PIECE” เชื่อว่าคงมีน้อยคนที่ไม่รู้จัก หรือไม่ได้ติดตามเรื่องราวของเหล่าเพื่อนโจรสลัดกลุ่มนี้ที่ตอนนี้ปล่อยมา 89 เล่มก็ยังไม่จบ มิตรภาพข้น ๆ ติดดราม่าให้ผู้ชายใจบางเหล่านี้จึงเป็นที่มาของความยืนยง ไม่ยอมลงจากแผงขึ้นแท่นอันดับการ์ตูนขายดีติดต่อกันในช่วง 10 ปี เรื่องแรกจาก การจัด Ranking ของ Origon ชาร์ท แค่ครึ่งปีที่ผ่านมาสถิติล่าสุดยอดขายของ One Piece เล่ม 88 ก็ท่วมท้นถึง 2,283,589 เล่ม ทิ้งห่างอันดับสองคือ “Attack on Titan” ที่มียอดขาย 1,376,248 เล่ม เกือบล้านเล่ม ตัวเลขความสุดยอดของ One Piece ในฐานะการ์ตูนเล่มโปรด ที่แม้ราคาแพงยังไงก็ยังมีคนซื้ออ่านนี้ยังมีให้เห็นอีกมาก อาทิ ไม่ว่าสัปดาห์ไหนก็ตามที่ One piece วางแผงเล่มใหม่ สัปดาห์นั้นต้องมียอดประจำอยู่ที่ 1 ล้านเล่มเป็นอย่างต่ำเสมอ อย่างปีที่แล้วตั้งแต่การออกเล่ม
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งกำลังจะเขี่ยลูกเปิดฉากฟาดแข้งกันอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ จัดว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่มิตรรักแฟนบอลทุกสัญชาติไม่ควรพลาด นั่นก็เพราะว่านี่คือสุดยอดทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี แถมยังเป็นการดวลกันระหว่างซูเปอร์สตาร์ในวงการฟุตบอลจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่, พอล ป็อกบา, กาเบรียล เชซุส, ฮาเมส โรดริเกซ, โม ซาลาห์ และแข้งทองชื่อดังคนอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับมหกรรมลูกหนังในครั้งนี้ก็คือ รองเท้าสตั๊ด หรือรองเท้าฟุตบอลที่เปรียบเสมือนอาวุธคู่กายของบรรดานักเตะชื่อดัง ซึ่งทาง อาดิดาส ได้เตรียมคอลเลคชั่นใหม่ที่ชื่อว่า เอนเนอจี้ โหมด (Energy Mode) ซึ่งถูกออกแบบด้วยสีสันที่เท่สะดุดตาและยังอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพในการใช้งาน ทำให้ ครีเอเตอร์เหล่านี้สามารถวาดลวดลายโชว์ลีลาลูกหนังเหนือจินตนาการออกมาได้อย่างเต็มที่ และในวันนี้เราจะมาแนะนำรองเท้าสตั๊ดพร้อมบรรยายสรรพคุณอันโดดเด่นของแต่ละรุ่นในคอลเลคชั่นนี้ เอ็กซ์ 18 (X18) ผู้เล่นที่ใช้งาน: กาเบรียล เชซุส (บราซิล), หลุยส์ ซัวเรซ (อุรุกวัย), โม ซาลาห์ (อียิปต์) เอ็กซ์ 18 เป็นรองเท้าสตั๊ดรุ่นใหม่เอี่ยมที่เพิ่งจะประเดิมสนามอย่างเป็นทางการไปในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า
ชั่วโมงนี้ไม่มีกระแสไหนแรงไปกว่า World Summit การประชุมครั้งประวัติศาสตร์ของตี๋คิมกับนายกปากลั่นแห่งสหรัฐอเมริกา Donald Trump แน่นอนว่าการประชุมของ 2 ขั้วอรินี้ ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และผู้นำประเทศมหาอำนาจที่มีศัตรูมากมายอย่าง Trump ย่อมต้องการรถ Limousine ประจำตำแหน่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเคยมีมา ซึ่งในคลิปล่าสุด Trump ยังพา Kim ไปอวด ‘The Beast’ รถคู่ใจของตัวเอง จน Kim ยิ้มแฉ่งในความอลังการงานสร้าง คาดว่ากลับบ้านไปคงรีบสั่งประกอบบ้างสักสองสามคัน The Beast เป็นรถ Limo ที่ Trump สั่งสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เสริมระดับความปลอดภัยให้มากกว่าเวอร์ชั่นประธานาธิบดีคนเก่า ‘Barack Obama’ อาจจะเป็นเพราะรู้ตัวดีว่ามีศัตรูเยอะแยะ โดย The Beast จะมีด้วยกัน 2 คันประจำขบวนเสมอ เอาไว้สำหรับสลับตัวให้ผู้ก่อการร้ายสับสนว่ามันนั่งอยู่คันไหนกันแน่ แต่ความเจ๋งของ The Beast ไม่ใช่แค่เอาไว้สลับคันเท่านั้น มันเป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก สำนักข่าวต่างประเทศขนานนามให้มันว่าเป็น รถถังในร่าง Limousine เลยทีเดียว ด้วยการ
คำว่า Creative Idea สามารถปรับใช้ได้แบบไร้ขีดจำกัด ใครจะไปคิดว่าแคมเปญของแบรนด์อาหารอย่าง Domino Pizza จะมาเกี่ยวกับการซ่อมแซมหลุมบ่อบนถนนได้ นี่ไม่ใช่การหาเสียงเตรียมลงเลือกตั้งเหมือนนักการเมืองในบ้านเรา แต่เป็นการบริการเพื่อให้ Pizza หน้าโปรดขนส่งไปถึงบ้านคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ต้องเสี่ยงต่อการตกหลุมบ่อจน Pizza หน้าพัง ให้เสียทั้งอารมณ์และรสชาติ Paving for Pizza หรือ อุดรูรั่วเพื่อพิซซ่า เป็นแคมเปญสุดบรรเจิดของ Domino Pizza USA แบรนด์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของที่นั่น แน่นอนว่ามีทั้งบริการ Home Delivery และ Take Away ที่คับคั่งตลอดทั้งวัน แต่ปัญหาเล็กน้อยสำหรับคนทั่วไป แต่ถือว่าใหญ่โตสำหรับ Domino Pizza คือระหว่างทางกลับบ้านนั้น หลายคนประสบปัญหาขับขี่รถตกหลุมจนหน้า Pizza เสียหาย ซึ่งมีส่วนในการทำลายรสชาติที่กลมกล่อมของ Domino Pizza อาจจะด้วยการเสียความบาลานซ์ระหว่างซีก Pizza หรือการสูญเสียปริมาณ Cheese ที่พอเหมาะจากการกระแทกติดอยู่บนฝากล่องก็ตาม Russell Weiner, ผู้บริหารของ Domino Pizza USA
หลายอาชีพเสี่ยงต่อการตกงาน จากการโดนเทคโนโลยี Artificial intelligence ที่พัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งเริ่มเข้ามาแย่งเก้าอี้ทำงานแทนที่มนุษย์ไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานใช้แรง ที่สามารถทำงานได้มากกว่ามนุษย์หลายเท่าแบบไม่มีเหนื่อย หรือแม้แต่งานใช้ความคิดคำนวณ ที่ AI สามารถตัดสินใจเพื่อหาออพชั่นที่ดีที่สุด โดยไม่มีความผิดพลาดจากอารมณ์เข้ามาเกี่ยวเหมือนที่มนุษย์ทำ และวันนี้เรามีข่าวร้ายสำหรับอาชีพ Bartender ที่ต้องเข้าข่ายเสี่ยงโดน AI แย่งงานไปอีกหนึ่งอาชีพ Makr Shakr คือ Bionic Bar ที่พัฒนาโดยกลุ่มนักวิจัยจาก MIT (Massachusetts Institute of Technology’s Senseable City Lab) ไม่ใช่แค่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา AI Bartender แต่ได้ออกแบบประสบการณ์ Robotic Bar System มานานตั้งแต่ปี 2015 ด้วยความเข้าใจดีว่า แม้ Robot Bartender ไม่สามารถมี Social Skills การพูดคุยกับลูกค้าซึ่งเป็นเสน่ห์สำคัญของคนอาชีพ Bartender แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการนั่งคุยกับ Bartender ยังมีนักดื่มอีกจำนวนมากที่ต้องการเพียงเครื่องดื่มดี ๆ ที่รสชาติสมบูรณ์แบบ เพื่อ enjoy
ในตลาดสินค้า ใครตัวเล็กตัวใหญ่ไม่ได้วัดจากผลกำไรเพียงอย่างเดียว เบื้องหลังความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่ยังคงอยู่ใน Top of Mind ของพวกเราเสมอมันต้องมีดีในมิติอื่นด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ทุกปี BRANDZ ออกมาจัดอันดับมูลค่าของแบรนด์ว่าปีที่ผ่านมาผลงานของธุรกิจแต่ละอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่หน้าเก่าที่ผลัดเปลี่ยนกันมาโชว์ความเก๋าในสนามผู้บริโภคในปัจจุบัน WHO’s BRANDZ? แน่นอนว่าชื่อของ BRANDZ ในฐานะโพลล์จัดอันดับแบรนด์ระดับโลกคงมีหลายคนคุ้นหูหรือคุ้นตากันอยู่บ้าง เพราะเขาถือไม้บรรทัดวัดมูลค่าแบรนด์ต่อเนื่องมายาวนาน ปีนี้เป็นปีที่ 20 แล้ว แต่สิ่งที่บางคนยังไม่รู้คือเจ้าโพลล์ BRANDZ นี้มันได้แต่ใดมา? ใครก่อตั้งและมีไว้ทำไม? BRANDZ เกิดขึ้นจากบริษัทวิจัยทางการตลาดและสื่อสารการตลาดระดับโลก Millward Brown และเป็นบริษัทลูกของ WPP บริษัทโฆษณารายใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้วิธีประเมินมูลค่าแบรนด์จาก BRANDZ Model ที่ว่าด้วยวิธีสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ 5 ประการ ได้แก่ Presence ทำให้แบรนด์เป็นที่พบเห็นทั่วไป Relevance สร้างความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับลูกค้า Performance คุณสมบัติพื้นฐานของแบรนด์ Advantage ประโยชน์ของแบรนด์ในมุมของลูกค้า Bonding ความผูกพันระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ดังนั้น ทำเนียบมูลค่าที่ BRANDZ สำรวจจึงมาจากหลายมิติ ไม่ใช่แค่ผลกำไรที่แบรนด์ทำได้เท่านั้น แต่มุมมองการรับรู้ของแบรนด์ที่มีต่อผู้บริโภคและความภักดีจะถูกเก็บมาใช้เป็นคะแนนในการคำนวณร่วม ส่วนประโยชน์ของการจัดอันดับวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย ด้านเจ้าของแบรนด์ก็ได้เห็นผลลัพธ์ของการลงทุนลงแรงทำงานตลอดปี แบรนด์ดีมีกำลังใจและหาหนทางเป็นดาวค้างฟ้าต่อ
การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคานับล้าน มีคลังรถซุปเปอร์คาร์ที่บ้าน เดินทางไปไหนมาไหนด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ล่องเรือยอชท์ออกไปในมหาสมุทรพร้อมสาว ๆ ในชุดบิกินี่ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ฝันกันว่าสักวันหนึ่งจะเป็นแบบนั้นให้ได้ แต่มีผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ต้องฝัน เพราะเขาใช้ชีวิตแบบนั้นแทบทุกวัน ชื่อของเขาคือ ‘Dan Bilzerian’ Who is Dan Bilzerian? Dan คือชายฉกรรจ์ชาวอเมริกันวัย 37 ปี เกิดที่มลรัฐฟลอริด้า เป็นลูกชายของนักควบรวมกิจการชื่อดัง จึงพอสรุปได้ว่าเขาใช้ชีวิตบนกองเงินกองทองมาตั้งแต่เด็ก ส่วนปัจจุบันนั้นไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าอาชีพและแหล่งรายได้ของเขานั้นมาจากไหน แต่เขาเคลมตัวเองว่าเขาคือนักเล่นโป๊กเกอร์ Dan คงเป็นแค่คนรวยทั่วไปที่ไม่มีใครรู้จัก ถ้าเขาไม่อวดไลฟ์สไตล์ของเขาลง Instagram และไลฟ์สไตล์ของเขานั้นดูน่าสนใจเหลือเกินเพราะมีทั้งรูปที่เขาถ่ายคู่กับสาว ๆ ในชุดบิกินี่นับสิบ, Celebrity มากมาย, เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว, อาวุธสงคราม, คลังรถซุปเปอร์คาร์, และพฤติกรรมห่าม ๆ อีกมากมายราวกับเขาเป็นคนที่มีอิสระที่สุดในโลก จนได้รับฉายา ‘Instagram King’ มีคนติดตามกว่า 20 ล้านคน นักโป๊กเกอร์ตัวปลอม ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เขาแสดงอวดผ่านโลกโซเชียล จึงทำให้มีคนไม่น้อยที่รู้สึกหมั่นไส้และพยายามสืบค้นว่าชายคนนี้ทำมาหากินอะไร ทำไมถึงรวยขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะบอกกับทุกคนว่าเขาเป็นนักโป๊กเกอร์ เงินของเขาได้มาจากการเล่นโป๊กเกอร์และการพนันต่าง ๆ แต่บอกไว้ก่อนว่าถ้าประเทศไทยมีนักสืบ
ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ‘ฟุตบอลโลก’ ซึ่งเจ้าภาพในปี 2018 คือดินแดนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เต็มไปด้วยหมีขาว และแสนหนาวเหน็บอย่างประเทศรัสเซียนั่นเอง นอกจากวลาดิเมียร์ ปูติน, โจเซฟ สตาลิน, จัตุรัสแดง, มหาวิหารเซนต์บาซิล แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันก็คือความป่าเถื่อนและโหดสัสของกองเชียร์ชาวรัสเซียนี่แหละ ถ้าใครเป็นคอฟุตบอลประมาณนึงคงพอทราบกันดีถึงสรรพคุณของแฟนบอลหรืออาจจะเรียกว่า ‘ฮูลิแกน’ ชาวรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นเกมฟุตบอลในระดับทีมชาติหรือสโมสร เมื่อมีทีมจากต่างประเทศไปเยือน อุปสรรคที่เจอนอกจากอากาศหนาวเหน็บ พื้นสนามฟุตบอลที่ปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน ยังมีผู้เล่นคนที่ 12 หรือกองเชียร์ฝั่งเจ้าบ้านที่พร้อมจะกดดันทีมผู้มาเยือนอย่างเดือดดาล ทั้งตะโกนเหยียดผิว ขว้างปาสิ่งของ จุดพลุ กระทั่งการไล่ทำร้ายกองเชียร์ฝั่งตรงข้ามก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ วันนี้ UNLOCKMEN จึงรวบรวมวีรกรรมสุดแสบของเหล่าฮูลิแกนหมีขาวมาให้ได้รับรู้กัน เผื่อเพื่อน ๆ ชาว UNLOCKMEN คนไหนวางแผนไปชมฟุตบอลโลกครั้งนี้ถึงขอบสนามจะได้ระมัดระวังตัวกันไว้ อังกฤษคือคู่รักคู่แค้น พวกเขาไม่เคยเป็นมิตรกับใคร แต่ถ้าถามว่าชาติไหนที่ยอมไม่ได้ที่สุดแน่นอนว่าคืออังกฤษ! เรียกได้ว่าฮูลิแกนรัสเซียและอังกฤษเจอหน้ากันเมื่อไหร่มีใส่กันเมื่อนั้น แต่ครั้งที่ร้ายแรงและโจ๋งครึ่มที่สุดต้องย้อนไปเมื่อปี 2016 ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 เจ้าภาพคือประเทศฝรั่งเศส ซึ่งต้องมารับเคราะห์กรรมที่พวกเขาไม่ได้ก่อขึ้นเลย เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มจากความดวงสมพงศ์กันเมื่ออังกฤษและรัสเซียจับฉลากได้มาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และถึงแม้ว่าทางฝรั่งเศสเจ้าภาพจะตระหนักถึงแนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยได้จัดกำลังตำรวจมารักษาความสงบปลอดภัยแล้วแต่ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่พุ่งพล่านของกองเชียร์ทั้ง 2 ฝั่งได้ โดยก่อนเกมการแข่งขันระหว่างรัสเซียกับอังกฤษจะเริ่มขึ้น กองเชียร์ของพวกเขาก็ปะทะกันไปแล้วถึง 3 ครั้ง! ในช่วงบ่ายของวันที่