ลองนึกอารมณ์ตอนเราเพิ่งซื้อ iPhone 7+ เครื่องใหม่มาหมาด ๆ แล้วเผลอทำตกจอแตกกระจายแบบไม่ทันข้ามวัน นึกอารมณ์ความรู้สึกหน่วง ๆ อยากตบกระบาลตัวเองเหมือนในเพลงของ Room 39 ออกใช่มั้ยครับ? ทีนี้ลองจินตนาการว่าเราเพิ่งจะถอยรถ Ferrari F430 Scuderia ราคาคันละ 27 ล้านบาท จาก Showroom มาหมาด ๆ ก็คงจะมีอารมณ์อยากทดสอบสมรรถนะของรถแรงเป็นธรรมดา แต่ความซวยคือหนุ่มชาว UK คนนี้ดันได้ทดลองระบบความปลอดภัยของ Ferrari ให้พวกเราเห็นว่ารถเค้าดีจริง เพราะแค่ภายใน 1 ชั่วโมงที่ออกรถ จากรถสภาพนางฟ้า กลายเป็นซากรถแหลกกระจายเต็มท้องถนน เห็นแล้วชวนปวดใจ เสียดายรถ เหตุการณ์เรียกน้ำตาครั้งนี้เกิดขึ้นที่เมือง South Yorkshire ทางใต้ของประเทศอังกฤษ เมื่อเจ้าของ Ferrari F430 Scuderia ที่ผลิตเพียง 499 คันในโลก เครื่องยนต์ 4.3-liter V8 500HP ทำความเร็ว 0 – 100
เห็นเหล่า Biker ทั้งหลายส่วนใหญ่ชื่นชอบการสักลายกันเป็นพิเศษ แต่แค่ชอบการสักอาจยังไม่นับว่าเป็นลูกผู้ชายสายพันธ์ุ 2 ล้อตัวจริง ถ้าหากหมึกสักและภายในร่างกายของคุณ ยังไม่มีชิ้นส่วนหนึ่งส่วนใดของรถมอเตอร์ไซค์ไหลเวียนอยู่! วันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่านที่หลงใหลในรถมอเตอร์ไซค์ รวมไปถึงการสักลาย ให้ได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากค่ายรถมอเตอร์ไซค์ในตำนานอย่าง Indain Motorcycle บอกเลยว่านี่สิถึงเรียกว่าคลั่งรถมอเตอร์ไซค์เข้าเส้น ชนิดที่ว่ามีส่วนประกอบของมอเตอร์ไซค์มาเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของจริง แถมยังมีสโลแกนเท่ ๆ มาท้าทายคุณอีกด้วยว่า “IF RIDING IS IN YOUR BLOOD, PROVE IT.” ไม่รู้ว่าจะน่าลอง หรือ น่าหลอน กันแน่ สำหรับไอเดียสุดแปลกแหวกแนวของ Indian Motorcycle ที่กำลังหันหน้าไปเอาดีทางด้านการทำน้ำหมึกสักลาย เพื่อออกมาสนองนี้ดเหล่า Biker ทั้งหลาย ที่ดูจะชอบอกชอบใจกับการจารึกหมึกไว้บนเรือนร่าง ด้วยการคิดค้นหาวิธีการผลิตหมึกสักสำหรับคนคลั่งมอเตอร์ไซค์ชนิดที่กล้าพูดได้เต็มปากว่า รถมอเตอร์ไซค์เปรียบเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างไปแล้วเท่านั้น ออกมาให้ได้ลองทดสอบกัน ซึ่งหมึกสักที่ทางบริษัท Indian Motorcycle ทำขึ้นมานี้ ใช้วัตถุดิบที่โคตรจะ Biker มาเป็นส่วนประกอบในการทำน้ำหมึก นั่นก็คือเศษฝุ่นฝอย และ ร่องรอยการไหม้จากการเบิร์นยาง! แค่ได้ฟังก็ขนลุกแล้ว โดยไม่ใช่อาการขนลุกเพราะอินกับจิตวิญญาณ
พูดถึงอินเดีย อย่างแรกที่ทุกคนนึกถึงคืออะไรกันครับ? คงนึกถึงแค่เมืองที่มีแม่น้ำคงคาไหลผ่าน และเป็นเมืองที่มีประชากรเยอะเป็นลำดับ 2 ของโลก ทุกอย่างต้องดูแน่น ๆ อึดอัดไปหมด เชื่อว่ามีหลายคนคิดแบบนี้ ภาพของอินเดียในหัวจึงไม่ได้สวยงามน่าไปเยือนสักเท่าไหร่ แนะนำว่าสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัวก่อนครับ เพราะเราจะบอกว่านั่นเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนเดียวของคำว่า “อินเดีย” UNLOCKMEN จะพาไปปลดปล่อยความน่าตื่นเต้น ฉีกทุกเส้นทางเดินเอื่อย ๆ ในเมืองหลวง กับการแนะนำ 10 การเดินทางแปลกตาที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและเรามั่นใจว่านี่จะเป็นเส้นทางการเดินทาง ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในอินเดียแน่นอน เมื่อเตรียมพร้อมก็แบกเป้ ไปลุยได้เลย! GUWAHATI TO TAWANG จุดเริ่มต้นแรกกับเส้นทางการเดินทางฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียอย่าง Guwahati ถึง Tawang จะต้องใช้เวลาเดินทางถึง 14-15 ชั่วโมงกับระยะทางประมาณ 509 กิโลเมตร เนื่องจากเส้นทางนี้ค่อนข้างมีความขรุขระเป็นอุปสรรคในการเดินทาง แต่รับรองเลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ กับทุกทิศทางในการเดินทางที่มีวิวฉากใหญ่ ๆ ปกคุลมด้วยหิมะและบางส่วนตัดกับหญ้าเขียวชอุ่ม แน่นอนว่าตลอดเส้นทางเรายังสามาถแวะพักที่ Dirang ใน West Kameng เพื่อซึมซับวัฒนธรรมชาวพุทธที่วัด Kalchakra และ Ngingmapa หรือจะหยุดที่ Tezpur
“ความขี้เกียจ” เหมือนจะเป็นสิ่งที่ติดตัวทุกคนมาแต่กำเนิด ขึ้นอยู่กับว่าขี้เกียจมาก ขี้เกียจน้อย หรือใช้เกณฑ์อะไรเป็นเกณฑ์ในการวัดความขี้เกียจกันแน่? คราวนี้นักวิจัยจาก Stanford เขาวัดเอาจากปริมาณการเคลื่อนไหวด้วยการเดินของผู้คนในประเทศนั้น ๆ ว่าเดินมากหรือเดินน้อย ประเทศที่เดินทางด้วยการเดินเป็นหลักถูกมองว่ามีความแอคทีฟมากในหนึ่งวัน ในขณะที่ประเทศที่เฉลี่ยออกมาแล้วว่าผู้คนในประเทศเดินเฉลี่ยต่อวันน้อยเหลือเกินก็ถูกมองว่าอุ้ยอ้ายและขี้เกียจไปโดยปริยาย ก่อนจะดราม่าไปกว่านี้ว่าตกลงการเดินสัมพันธ์กับความขี้เกียจจริงหรือเปล่า UNLOCKMEN ขอชวนคุณมาทำความเข้าใจงานวิจัยชิ้นนี้ไปพร้อม ๆ กันก่อน งานวิจัยครั้งนี้นับเป็นการสำรวจพฤติกรรมทางสุขภาพที่ยิ่งใหญ่จนต้องร้องว้าวมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมา เพราะมีกลุ่มตัวอย่างมากถึง 717,000 คน จาก 111 ประเทศทั่วโลก โดยการสำรวจครั้งนี้ใช้เครื่องมืออย่างสมาร์ทโฟนเข้าช่วยในการสำรวจว่าในวัน ๆ หนึ่งคนในประเทศนั้น เขาเดินกันวันละกี่ก้าวกันแน่ ผลการสำรวจออกมาว่าฮ่องกงคือประเทศที่แอคทีฟมากที่สุดด้วยการเดินเฉลี่ยต่อคน 6,880 ก้าว ในหนึ่งวัน ในขณะที่ประเทศที่เดินน้อยที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย ซึ่งเดินเฉลี่ยต่อคนต่อวันอยู่ที่ 3,513 ก้าว มาดูประเทศใหญ่ ๆ อื่น ๆ กันบ้าง โดยจีนอยู่ที่ 6,189 ก้าวต่อคนต่อวัน ญี่ปุ่น 6,010 ก้าว สหราชอาณาจักร 5,444 และสหรัฐอเมริกาค่าเฉลี่ยต่อคนต่อวัน คือ 4,774 ก้าว
ภาพชินตาหน้าร้านเครื่องสำอางชื่อดัง หรือห้างสรรพสินค้าวันที่มีการเซลล์กระหน่ำ คือภาพพ่อบ้านใจกล้าชะตาตกนั่งหงอยเหงารอแฟนสาวช็อปปิ้งด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ทำไมโลกนี้ไม่รังสรรค์กิจกรรมมาให้ผู้ชายอย่างเรามีอะไรทำระหว่างรอสาว ๆ ช็อปปิ้งกันบ้าง? เราอาจเคยคิดในใจ ถ้าคุณคือผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังภาวนาถึงกิจกรรมแก้เบื่อระหว่างรอสาว ๆ ช็อปปิ้ง เราอยากบอกว่าเหมือนสวรรค์จะมีตาเข้าข้างพวกเราแล้ว เพราะห้างสรรพสินค้าที่จีนเขาได้คิดค้นกิจกรรมแก้เบื่อที่ว่ามาให้พวกเรา Shanghai’s Global Harbour คือห้างสรรพสินค้าหัวใสปิ๊ง แถมเข้าถึงหัวอกชายหนุ่มเพื่อเหนื่อยหน่ายกับการรอคอย ห้างนี้ตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยห้างใจดีนี้จัดนวัตกรรมสลายความเบื่อหน่ายของผู้ชายด้วยการสร้างตู้เกมขึ้นมา! เดี๋ยว ๆ เราอาจจะคิดว่า อ้าว ตู้เกมมันก็มีอยู่แล้วทุกห้างไม่ใช่หรอ มันคูลกว่าไอ้ตู้เกมกดที่เด็กมัธยมหัวเกรียนไปนั่งหยอดเหรียญเล่นยังไงกัน? มันไม่ใช่ตู้เกมที่อยู่ในโซนเด็กเล่น และเต็มไปด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวโหวกเหวกให้เราต้องรำคาญใจแต่อย่างใด แต่นี่เป็นตู้กระจกใสที่สร้างมาเพื่อให้คนเดียวเข้าไปนั่งเล่นอย่างเป็นส่วนตัว! ภายในตู้กระจกใส ๆ มีเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้นั่งสบายใจ สบายตูด ไม่เหมือนที่นั่งของตู้เกมหยอดเหรียญ แถมเกมคอมพิวเตอร์ที่เขาจัดหามาให้เป็นเกมที่พาคุณย้อนวัยไปในยุค 90 เสียด้วย เรียกว่าเข้าอกเข้าใจผู้ชายวัยกำลังมีแฟนขาช็อปที่แท้จริง ที่สำคัญตอนนี้ยังเข้าไปเล่นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ในอนาคตห้าง Shanghai’s Global Harbour ก็แพลนว่าอาจจะต้องแลกค่าเข้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยการให้สแกน QR code ถ้าต้องการเข้าไปเล่น เราก็ได้แต่หวังว่าเจ้าตู้แก่เบื่อนี้จะเดินทางไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว หรือห้างไหนในไทยจะอยากเอามาเลียนแบบบ้างเราก็พร้อมจะพาแฟนสาวไปอุดหนุนอย่างแน่นอน ก็นั่งเท้าคางคอตกรอแฟน
“Logo หรือ ตราสัญลักษณ์” เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่หลายองค์กรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นกว่าจะได้ Logo มาหนึ่งอัน ต้องผ่านขั้นตอนการออกแบบจากมันสมองของ Designer มืออาชีพมากมาย ที่ได้พยายามกลั่นกรองจนตกตะกอนมาแล้วเป็นอย่างดี กว่าจะได้ Logo ที่ดีออกมามีความหมายครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ สวยงามลงตัว จดจำได้ง่าย และที่สำคัญมันต้องซ่อนความหมายและตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เสมอ อย่างเช่น BWM Logo จากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมนี ที่ใครต่อใครเห็นตรา Logo ฟ้า-ขาว แม้ตาบอดสีก็รู้แจ้งได้ในทันทีว่า มันคือ Logo ของแบรนด์รถยนต์ที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านสมรรถนะและความหรูหรา หลายต่อหลายคน จดจำมันได้เป็นอย่างดี เห็นแค่เสี้ยวเดียวก็รู้ทันทีว่ามันคือแบรนด์ BMW แต่ความหมายที่แท้จริงของมันนี่สิ ที่เราเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ หรืออาจจะเข้าใจผิดมาตลอดว่า Logo ทรงกลมที่มีช่องสีฟ้า-ขาว นั้น มันเป็นสัญลักษณ์ของใบพัดเครื่องบินที่ตัดกับท้องฟ้า ถูกนำมาใช้เพื่อที่จะทำให้ทุกคนหวนกลับไปนึกถึงรากเหง้าที่แท้จริงของบริษัท ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการผลิตเครื่องยนต์เครื่องบิน แต่ทว่าเรื่องดังกล่าวนั้น กลับเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดอันยาวนานเท่านั้น!! เราจะพาไปไขความลับ เกี่ยวกับเรื่องราวของตราสัญลักษณ์ BMW ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน ถึงจุดกำเนิดที่มาของโลโก้ BMW ตั้งแต่รูปทรงกลม ตำแหน่งตัวหนังสือ รวมไปถึงสีฟ้าขาวด้านใน
ถือเป็นข่าวใหญ่พอสมควรเมื่อเว็บไซต์ New York Post ได้นำเสนอเรื่องราวของคลับเซ็กซ์สุดหรูที่เต็มไปด้วยเหล่าบรรดาเศรษฐี ไฮโซ คนดัง ซึ่งจัดงานขึ้นอย่างอลังการภายในย่าน เบฟเวอรี่ ฮิลล์ นคร ลอสแอนเจลิส เพื่อสนองความอภิรมย์ทางเพศ ผู้สื่อข่าวของ New York Post ได้ร่วมเป็นแขกในปาร์ตี้สุดลับเฉพาะในครั้งนี้ก่อนที่จะนำเรื่องราวมาถ่ายทอดต่อ สำหรับปาร์ตี้อีโรติกนี้มีชื่อว่า Snctm จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2013 เริ่มขึ้นครั้งแรกที่ Bali พวกเขาไม่ได้เปิดคลับเพื่อให้มามั่วสุมเรื่องเพศ แต่จะมีกิมมิคในงานเช่นจะรับแขกจำนวนปาร์ตี้ละไม่เกิน 99 คน ผู้ชายจะต้องสวมชุดทักซิโด้พร้อมหน้ากากปิดบังใบหน้า ส่วนผู้หญิงต้องแต่งกายด้วยชุดชั้นใน หรือ ค็อกเทลเดรส ซึ่งภายในงานจะมีโชว์การแสดงทั้ง threesome และ sexy fire eating ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้ามาร่วมงานได้ หากคุณอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์สุดแปลกตานี้จะต้องจ่ายเป็นค่าเข้างานจำนวนเงิน $1,850 (6x,xxx บาท) แต่จะได้ส่วนลดทันทีเหลือ $1,500 (5x,xxx บาท) เมื่อพาผู้หญิงมาร่วมงาน สำหรับสุภาพสตรีจะได้เข้างานฟรี แต่ต้องส่งใบสมัครโดยการส่งรูปถ่ายของตัวเองมาให้ทีมงาน Snctm คัดเลือกก่อนเข้างาน แถมจะมีการมาตราการตรวจตราอย่างเข้มงวด โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูปจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปภายในงานเพื่อสงวนความเป็นส่วนตัวของแขกที่มาร่วมปาร์ตี้สุดสวิงริงโก้ในแต่ละครั้ง
อาดิดาสฟุตบอล เปิดตัวเสื้อแข่งทีมเยือนของ 3 สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ เอซี มิลาน ยูเวนตุส และบาเยิร์น มิวนิค ในดีไซน์ที่โดดเด่นผสานความเป็นเอกลักษณ์และกลิ่นอายประวัติศาสตร์ของช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของแต่ละทีม สำหรับฤดูกาล 2017/2018 ที่จะถึงนี้ AC Milan เริ่มที่เอซี มิลาน ครั้งนี้ออกแบบมาเพื่อแสดงออกถึงภาพลักษณ์ฟุตบอลทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีจุดเด่นที่ลายกราฟฟิกดีไซน์ที่สร้างสรรค์มาให้แมตช์กับสตรีทสไตล์ร่วมสมัย ซึ่งชุดเยือนใหม่นี้ ทางอาดิดาสฟุตบอลได้พยายามนำกลิ่นอายในอดีตที่เป็นจุดเด่นของคลับยักษ์ใหญ่อิตาเลียน มาผสานเข้ากับเทรนด์สมัยใหม่ผ่านลายกราฟฟิกที่อยู่บริเวณโลโก้ตัว M และรูปแบบของตัว M นี้เองก็ได้รับแรงบันดาลใจและปรับแต่งมาจากในช่วงฤดูกาล 1982/83 และ 1983/84 ที่ปรากฏในเอกสารของทางคลับว่ามีการนำสีแดงและสีดำมาใช้ อีกหนึ่งจุดเด่นของเสื้อรุ่นนี้อยู่ที่การนำเอกลักษณ์จากช่วงเวลาอันโดดเด่นของรอสโซเนรี่มาใช้ออกแบบแถบสีดำและแถบสีแดงให้ตัดกับพื้นเสื้อสีขาว คล้ายกับรุ่นที่ทีมใส่คว้าชัยชนะในการแข่งขันยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ปี 2002/2003 และ 2006/2007 นอกจากนี้ ดีไซน์ในส่วนของคอเสื้อและขอบของแขนเสื้อยังได้รับการดัดแปลงจากเสื้อแข่งในฤดูกาล 1966/1967 ชุดทีมเยือนสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน จะวางจำหน่ายที่ร้านอาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์ และอาดิดาสออนไลน์ช็อป http://shop.adidas.co.th/men/clothing/jerseys.html ในราคา 2,790 บาท Juventus ส่วนชุดเยือนของสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสรุ่นใหม่นี้ มาในคอนเซ็ปท์ของช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ในอดีต
ดราม่ากันมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกับข้อถกเถียงที่ว่าการมีกล้องเทพ ๆ ช่วยให้คุณถ่ายรูปได้เทพกว่าคนอื่นจริงหรือไม่? หรือจริง ๆ แล้วรูปจะเทพหรือไม่เทพขึ้นอยู่กับฝีมือคนถ่ายต่างหาก? วันนี้ข้อถกเถียงเรื่องอุปกรณ์อาจจะตกไปชั่วคราว เพราะนี่คือ 10 รูปโคตรเทพที่อุปกรณ์เทพไม่เกี่ยว เนื่องจากมันถูกถ่ายด้วยกล้องไอโฟน! แม้จะถ่ายด้วยกล้องจากสมาร์ทโฟน แต่ UNLOCKMEN รับรองเลยว่า 10 รูปที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ จะทำให้คุณต้องอ้าปากค้าง เกาหัวแกรก ๆ ว่า เฮ้ย นี่ถ่ายด้วยไอโฟนจริงดิ? Children of Qayyarah Grand Prize Winner, Photographer of the Year Sebastiano Tomada Brooklyn, New York iPhone 6s Dock Worker 1st Place, Photographer of the Year Brendan O Se Cork, Ireland iPhone 6s The Performer
คำว่า “ฉลาม” เป็นสมญานามที่เรามักจะใช้เรียกนักกีฬาว่ายน้ำที่เก่งกาจ ในยุคหนึ่งที่บ้านเรามีนักว่ายน้ำขวัญใจชาวไทยอย่าง “ฉลามนุก” รัฐพงศ์ ศิริสานนท์ ส่วนนักกีฬาว่ายน้ำหญิงที่ว่ายได้เร็วก็มักจะได้สมญานำหน้าว่า “เงือกสาว” แต่ถ้าต้องพูดกันจริง ๆ แล้ว คงไม่มีใครกล้าเถียงอย่างแน่นอนว่า Michael Phelps คือ หนึ่งในนักกีฬาว่ายน้ำเพศชายที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการทำลายสถิติโลกถึง 39 ครั้ง และ 23 เหรียญทองในการแข่งขันกีฬา Olympic ดังนั้น ถ้าจะเปรียบเทียบนักว่ายน้ำสักคน ที่มีศักยภาพและความรวดเร็วสมกับฉายา “ฉลาม” แล้วล่ะก็ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่นักว่ายน้ำหนุ่มชาว American ผู้นี้ แต่ใครล่ะจะคิดว่า การเปรียบเทียบความเก่งกาจ ระหว่างนักกีฬาที่ว่ายน้ำได้รวดเร็ว กับ ฉลาม กำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เมื่อมีการยืนยันออกมาแล้วว่า Micheal Phelps สุดยอดนักว่ายน้ำ จะทำการประลองความเร็วกับ Great White Shark ตัวเป็น ๆ ผ่านรายการโทรทัศน์ในช่วงสัปดาห์ปลาฉลามให้รู้กันไปเลยว่า ระหว่าง Great Gold