สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีนิสัยชอบความเร็วหรือไม่ก็ตาม เราเชื่อว่า ทุกคนคงต้องเคยผ่านการลงสนามแข่งขับ Go-Kart กันมาบ้างอยู่แล้ว และยิ่งถ้าได้ขับแข่งกับเพื่อนๆ เป็นกลุ่มด้วยแล้วล่ะก็ การขับ Go-Kart ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ให้ความบันเทิงกับผู้ชายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ในคนที่เคยขับรถ Go-Kart คงจะรู้ดีว่า เห็นรถคันเล็กๆ แบบนั้น เวลาวิ่งอยู่ในสนามอาจดูเหมือนไม่เร็วนัก แต่ถ้าได้ลองขับเอง รถจิ๋วแบบนี้ก็มีพิษสงมากพอจะทำให้อดีนารีนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่างได้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเคยสัมผัสประสบการณ์ความแรงจากไหนมา ก็ต้องลดหดตัวกลายเป็นเพียงอารมณ์จักรยานเด็กเล่น เพราะสำหรับ Go-Kart คันนี้ เรียกได้ว่า เปิดตัวมาไม่ทันไร ก็กลายเป็นตำนานบทใหม่ Run วงการไปเป็นที่เรียบร้อย มันคือ Go-Kart ที่มีชื่อเต็มๆ ว่า “The Daymak C5 Blast” คันนี้ ได้เปิดตัวออกมาอย่างยิ่งใหญ่ แถมยังพ่วงคำต่อท้ายเป็นลายสักเสือเผ่นว่า ‘เร็วที่สุดบนโลกเท่าที่เคยมีมา’ อีกด้วย หลายคนคงสงสัยว่า จะไม่มีรถ Go-Kart คันไหน จะเร็วไปกว่าคันนี้อีกแล้วจริงหรือ? คำตอบที่ได้ก็ต้องทำให้ข้อสงสัยทั้งหมดจบลง เมื่อมีการเผยสถิตความแรงของมันออกมาว่า Super Go-Kart คันนี้สามารถทำความเร็วจาก 0-100 km/h ได้ ภายในเวลา
เมื่อการไปเมาร่วมกันไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือส่วนหนึ่งของธุรกิจ!
แต่ถ้าใครที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ แบบลุยๆ อย่าง “เซิร์ฟบอร์ด” จะต้องทำยังไง จะให้ขนบอร์ดไปเล่นสระว่ายน้ำก็คงจะแปลกและไม่ตอบโจทย์สักนิด
นาฬิกาเป็น Lifestyle Investment ที่นักลงทุนสามารถทำเงินได้มากมายมหาศาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความ Rare และ Story ของนาฬิกาเรือนนั้นด้วย แต่คงไม่มีนาฬิกาเรือนไหนจะแพงสะใจเราเท่า Rolex 6062 Black Dial ครอบครองโดยอดีตสมเด็จพระจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย (Vietnam’s last emperor Bao Dai) จักรพรรดิองค์ที่ 13 พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เหงียน ตั้งแต่ ค.ศ. 1926 – ค.ศ. 1945 ล่าสุดได้รับตำแหน่ง “The most expensive watch in the world” นาฬิกาข้อมือที่แพงที่สุดในโลก ประมูลจบไปในราคา 173 ล้านเหรียญ Rolex reference 6062 Black Dial “Bao Dai” 36mm นาฬิกาของรักของหวงของ Vietnam’s last emperor Bao
ด้านมืดของโลกคอมพิวเตอร์ที่ถูกเผยออกมาและได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยตรงอย่างแท้จริง ทำให้ตอนนี้เราเริ่มเห็นหลายฝ่าย เริ่มสำรวจตรวจสอบและป้องกันคอมพิวเตอร์ภายใต้การดูแลกันทั่วหน้า
หากพูดถึง Dreadlocks น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ทำผมทรงนี้กับตัวเองก็ตาม สำหรับในต่างประเทศ Dreadlocks ถือเป็นสิ่งที่เห็นกันได้อยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับในไทยนั้น Dreadlocks เหมือนเป็นเรื่องไกลตัวและนาน ๆ จะเห็นคนทำผมทรงนี้สักที อาจจะด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวสุด ๆ หรือเพราะเป็นทรงผมที่ดูโดดเด่นเกินไป ไหนจะไม่เข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมอยู่ดี ๆ ต้องหาเรื่องทำผมตัวเองที่สลวยสวยเก๋ให้กลายเป็นคนที่เหมือนผมเป็นสังกะตัง แต่จริง ๆ แล้ว Dreadlocks นั้น ไม่ได้เป็นแค่ทรงผมของเด็กแนว หรือสาวกสายเขียวอย่างที่หลายคนคิด มันมีความสำคัญกว่านั้นมาก เพราะนี่คือวัฒนธรรมที่มีความละเอียดอ่อนและแฝงความหมายซ่อนเร้นเอาไว้ภายใต้เส้นผมที่ดูรกรุงรัง ทรงผม Dreadlocks เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากจนไม่น่าเชื่อ นั่นเป็นเพราะว่าทรงผมที่มีความเป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ทรงนี้ มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องสีผิว ความเชื่อทางศาสนา ปรัชญาในการใช้ชีวิต และยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราจึงได้นำเอาเรื่องราวของ “Dreads” มาให้ชาว UNLOCKMEN ทำความรู้จักกันแบบลึก ๆ เผื่อใครที่กำลังลังเลว่าจะทำดีไหมจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนคนที่เคยมีอคติ และมองว่าผมทรงนี้มันโคตรจะขัดใจ อาจจะถึงขั้นเปลี่ยนมุมมองความคิดที่เคยมีมาทั้งหมดไปเลยก็ได้ถ้าคุณอ่านบทความนี้จบ Dreadlocks Formation Technique การทำผมปกติให้กลายเป็นผมแบบ Dreadlocks นั้น แบ่งการทำเป็น
เบียร์แรง ๆ ถึงใจที่ออกแบบมาให้เราฟังเสียงฝน เปิดน้ำอุ่น แล้วกระดกมันไป อาบน้ำไปให้ฉ่ำใจ
เมื่อใคร ๆ ก็เป็นโรคซึมเศร้า นอกจากหาหมอแล้ว คนดังเขาทำอะไรเพื่อเอาชนะโรคนี้กัน?
ถ้าหากลองมองย้อนกลับไปในปี 2011 มันมีภาพยนตร์อยู่เรื่องหนึ่งที่จุดไฟ และเป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นหลายคน พยายามที่จะลุกขึ้นมาทำธุรกิจของตัวเองกันเป็นแถว โดยภาพยนตร์ที่ว่านี้ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากชีวิตเบื้องลึกของ ต๊อบ อิทธิพัฒน์ หรือที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะเจ้าของธุรกิจสาหร่ายเถ้าแก่น้อย แต่นอกจากในประเทศของเราแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีเรื่องราวอะไรทำนองนี้เช่นกัน จริงอยู่ที่มันเป็นเรื่องยาก ที่คนคนนึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อย ที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังไม่ขึ้นเลข 2 ด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งเว็ปไซต์ชื่อดัง Facebook ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน แต่นอกจาก Mark Zuckerberg แล้ว ยังมีหนุ่มนักธุรกิจอีกคนนึงที่น่าจับตามอง และน่าเอาเป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ Dan Price หนุ่มมาดเซอร์วัย 32 ปี ซึ่งได้รับการกล่าวขานให้เป็น The Best Boss In America เลยทีเดียว เมื่อมีการยกย่องกันขนาดนี้ มันจึงต้องมีอะไรไม่ธรรมดาอยู่เบื้องหลังแน่ๆ วันนี้เราจึงขอนำเอาเรื่องราวเจ๋งๆ ของผู้ชายคนนี้ มาให้กับชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกัน รับรองว่า คุณจะต้องชื่นชม และได้รับแรงบันดาลใจจากหนุ่มเซอร์คนนี้กันไปแบบเต็มๆ อย่างแน่นอน สำหรับ
คบเพื่อนน้อย ชอบอยู่คนเดียว มักโดนหาว่าแปลกแยก จริง ๆ เราอาจแค่ IQ สูงก็ได้…