GADGETs

TECH-UP: อัพเดทให้หายงง สเปคกล้อง HUAWEI P40 SERIES ทั้ง 3 รุ่น ต่างกันอย่างไร?

By: NTman April 12, 2020

เพิ่งเปิดตัวกันไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อตอนปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา กับ Huawei P40 Series รุ่นล่าสุดของอีกหนึ่งสมาร์ตโฟนบนพื้นพิภพนี้ที่มีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องถ่ายภาพไม่เป็นรองใคร

ชนิดที่ว่าเปิดตัวปุ๊บก็สามารถส่งพี่คนกลางอย่าง Huawei P40 Pro ไปทวงบัลลังก์แชมป์สมาร์ตโฟนกล้องแจ่มที่สุดในปัจจุบันจากสำนัก DXOMARK กลับมานอนกอดอีกครั้ง ด้วยคะแนน 128 แต้ม ทิ้งห่างอันดับสองร่วมอย่าง Oppo Find X2 Pro และ Xiaomi Mi 10 Pro อยู่ถึง 4 คะแนนด้วยกัน

แต่ก่อนที่จะไปเจาะรายละเอียดเรื่องกล้องเราขอพูดถึงเรื่องของประสิทธิภาพสักเล็กน้อย ซึ่งเราบอกได้เลยว่าแรงหายห่วงสมศักดิ์ศรีซีรีส์เรือธงอย่างแน่นอน เพราะแม้จะเปิดตัวออกมา 3 รุ่นย่อย แต่ Huawei P40, P40 Pro และ P40 Pro+ นั้นมาพร้อมชิปเซ็ต Kirin 990 5G ตัวแรงอันดับต้น ๆ ของวงการสมาร์ตโฟนตอนนี้ พร้อม RAM 8GB เท่ากันทุกรุ่น จะเล่นเกมหนัก ๆ แต่งรูป, ตัดคลิปในมือถือ หรือทำงานอื่น ๆ แบบ Multitasking ก็จัดเต็มได้แบบชิล ๆ โดยไม่มีอืดค้างให้รำคาญใจ

ดังนั้นสเปคพื้นฐานที่แตกต่างกันของทั้ง 3 รุ่นจึงเป็นแค่รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ทั้งเรื่องหน่วยความจำภายในไล่ตั้งแต่น้องเล็ก P40 (128GB), P40 Pro (256GB) และ P40 Pro+ (512GB) ตามลำดับ รวมถึงขนาดหน้าจอ, ดีไซน์ วัสดุและสีสันตัวเครื่อง โดย Huawei P40 มาพร้อมจอ OLED ดีไซน์แบนราบขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีค่ารีเฟรชเรท 60Hz

ในขณะที่รุ่นพี่อย่าง P40 Pro และ P40 Pro+ มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Quad-curve Overflow Display ที่ขอบจอทั้ง 4 ด้านมีดีไซน์โค้งมนให้ความรู้สึกเสมือนไร้ขอบ พร้อมความละเอียด 2640 x 1200 พิกเซล มีค่ารีเฟรชเรท 90Hz แสดงผลภาพได้ลื่นไหลเนียนตา

ทางด้านวัสดุและสีสันตัวเครื่องของ HUAWEI P40 และ P40 Pro มีวัสดุให้เลือกทั้งผิวกระจกชนิดเงาและชนิดด้าน โดยผิวกระจกชนิดเงามีด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Ice White, Deep Sea Blue และ Black ส่วนผิวกระจกชนิดด้านมีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Blush Gold และ Silver Frost

Huawei P40 Pro+

ส่วนด้านหลังตัวเครื่องของรุ่นท็อปสุดอย่าง HUAWEI P40 Pro+ จะใช้วัสดุเซรามิกนาโนเทคโนโลยีที่ผ่านกระบวนการเผาและเคลือบอย่างดีเพื่อตอบโจทย์ทั้งความสวยงามทนทาน โดยจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่ White Ceramic และ Black Ceramic

หลังจากเล่าสเปคความต่างเบื้องต้นไปคร่าว ๆ ราว ๆ 7 ย่อหน้า (คร่าวตรงไหนวะเนี่ย) แต่สุดท้ายประเด็นหลักที่เรารู้อยู่เต็มอกว่าเป็นสิ่งที่แฟน ๆ Huawei P Series นั้นให้ความสำคัญ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องราวของกล้องถ่ายภาพที่ได้พัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันกับ Leica ซึ่งเราจะมาสรุปให้ฟังว่ากล้องของทั้ง 3 รุ่นนี้ ที่แบ่งออกเป็น 3 กล้อง 4 กล้อง และ 5 กล้อง นั้นมีคุณสมบัติการถ่ายภาพที่แตกต่างกันอย่างไร โดยเริ่มต้นจาก Huawei P40 รุ่นน้องเล็กสุดในซีรีส์ก่อนเลยก็แล้วกัน

 

HUAWEI P40

แม้จะเป็นรุ่นเล็กสุดในตระกูล แต่บอกเลยว่าความสามารถในการถ่ายภาพนั้นไม่ได้เล็กตามพิกัดรุ่น เพราะ Huawei P40 นั้นมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง f/1.9 ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ชนิดเดียวกันกับรุ่นพี่อย่าง P40 Pro และ P40 Pro+

ซึ่งเซ็นเซอร์นี้มีชื่อเรียกว่า Huawei Ultra Vision Sensor ซึ่งมีขนาดใหญ่ 1/1.28 นิ้ว รองรับเทคโนโลยีรวมพิกเซล หรือ Pixel binning จนได้ขนาดพิกเซลอยู่ที่ 2.44μm  ที่ให้รายละเอียดความคมชัดสว่างใสและจับโฟกัสได้รวดเร็ว พร้อมให้สีสันที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็น Skin tone หรือ Texture ของวัตถุที่ถูกถ่าย จะได้รับการปรับแต่งด้วยเซ็นเซอร์อุณหภูมิสี Multi-spectrum Colour Temperature Sensor และอัลกอริทึม AI AWB ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการจับสีสันของวัตถุได้มากกว่าเดิมถึง 45 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้เจ้า P40 ยังมีกล้องตัวที่สองเป็นกล้อง Tele หรือเรียกง่าย ๆ ว่ากล้องซูมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่น OIS ในตัว รองรับการซูม Optical หรือซูมด้วยตัวเลนส์แบบไม่สูญเสียรายละเอียดของภาพได้ 3 เท่า, ซูมแบบ Hybrid ได้ 5 เท่า และซูมแบบ Digital ได้ 30 เท่า

มาต่อกันที่กล้องตัวที่สาม จะเป็นกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษเทียบเท่าระยะเลนส์ 17mm สำหรับกล้องหน้า Huawei P40 มาพร้อมกล้องหน้าคู่แบบรุ่นพี่ทั้ง 2 โดยจะมีความละเอียดอยู่ 32 ล้านพิกเซลแบบ Fixed Focus ส่วนกล้องอีกตัวคือ IR Camera มีหน้าที่เอาไว้สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคหน้าจอนั่นเอง

 

HUAWEI P40 Pro

กระเถิบมาที่พี่คนกลางอย่าง Huawei P40 Pro ที่เพิ่มกล้องถ่ายภาพมาเป็น 4 ตัว นำทัพมาด้วยกล้องหลัก Ulta Vision ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลเหมือนรุ่นน้อง แต่ได้เพิ่มระบบกันสั่น OIS เข้ามา ตามมาด้วยกล้อง Ultra Wide Cine กล้องถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษที่อัพเกรดความละเอียดเป็น 40 ล้านพิกเซล แลกกับมุมภาพที่แคบลงเล็กน้อย (เทียบเท่าระยะเลนส์ 18mm)

ต่อด้วยกล้องตัวที่สามตัวที่สาม จิ๋วแต่แจ๋ว เห็นเลนส์เล็ก ๆ แบบนี้ แต่มันคือกล้อง ToF (Time of Flight) ซึ่งใช้เทคโนโลยีการยิงแสงอินฟราเรดใส่วัตถุ เพื่อจับเวลาขณะที่แสงสะท้อนจากวัตถุกลับสู่เลนส์กล้อง เพื่อนำเวลาที่ได้ไปคำนวณเป็นระยะความลึกของวัตถุ เอาไปต่อยอดในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ, ละลายฉากหลัง หรือทำเอฟเฟ็กต์ใด ๆ บนพื้นหลังได้อย่างเนียบกริ๊บ มีมิติสมจริงกว่าที่เคย

ปิดท้ายด้วยกล้องตัวที่สี่ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของรุ่นนี้ เพราะ HUAWEI P40 Pro นั้นมีความโดดเด่นด้วยกล้องซูมความละเอียด 12 ล้านพิกเซลพร้อมระบบกันสั่น OIS ที่รองรับการซูมภาพแบบ Optical ได้ 5 เท่า, ซูมแบบ Hybrid ได้ 10 เท่า และซูม Digital สูงสุดถึง 50 เท่า นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกของโลกที่เลนส์ซูม Periscope มาพร้อมกับฟิลเตอร์สีแบบ RYYB ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับแสงและช่วยให้ภาพที่ถ่ายขณะซูมมีคุณภาพที่ดีขึ้น

 

HUAWEI P40 Pro+

ถึงคิวพี่ใหญ่ของซีรีส์ที่ถือเป็นตัวจบมาครบจัดเต็มแบบไม่ยั้ง ด้วยกล้องถ่ายภาพที่ใส่มาให้ถึง 5 ตัว ทั้งกล้องหลัก Ultra Vision ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS, กล้อง Ultra Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล และกล้อง ToF (Time of Flight) สำหรับวัดระยะถ่ายภาพละลายหลังได้เนียนตา

นอกจากนี้ยังเอาใจสายซูมด้วยกล้อง Tele ที่ใส่มาให้ถึง 2 ระยะด้วยกัน ตัวแรกจะเป็นกล้องซูม Optical 3x ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเหมือนในรุ่นน้อง P40 เติมเต็มความโหดด้วยกล้องซูมระยะที่สองซึ่งดีไซน์เลนส์แบบ Periscope ที่สะท้อนแสงถึง 5 ครั้ง ขยายระยะการเดินทางของแสงในเลนส์ได้สูงสุดถึง 178 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยให้สามารถซูมแบบ Optical แท้โดยไม่สูญเสียรายละเอียดได้ไกลถึง 10 เท่า พร้อมฟีเจอร์ SuperZoom ซึ่งทำงานร่วมกับ AI ผสานทั้งระบบกันสั่นแบบ OIS ในตัวเลนส์ และระบบกันสั่นแบบ AIS (AI Image Stabilization) เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถซูมแบบ Digital ได้ไกลจัดถึง 100 เท่าด้วยกัน

สำหรับใครที่คิดว่าจะเอากล้องซูมเยอะไปทำไม บอกเลยว่าจากประสบการณ์จริงของเราที่ชอบถ่ายภาพแนวสตรีท คอย Snap สิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจไปเรื่อย การได้กล้องมือถือที่ซูมไกลโดยไม่เสียรายละเอียด มันทำให้ได้ภาพจังหวะดี ๆ มุมมองแปลก ๆ มาเติมเต็มอัลบั้มภาพได้อีกเพียบ

หรือสำหรับสายแฟนคลับทั้งหลาย การได้ไปในคอนเสิร์ตหรืออีเว้นต์ต่าง ๆ ที่มักจะห้ามเอากล้องใหญ่เข้าไป บอกเลยว่ากล้องมือถือซูมไกลนี่แหละคือตัวช่วยชั้นดี ที่จะทำให้ได้ภาพศิลปินที่โปรดปรานมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก

และทั้งหมดนี้คือสเปคกล้องคร่าว ๆ ของ Huawei P40 Series ทั้ง 3 รุ่น ที่เราพอจะแนะนำเบื้องต้นได้ว่า ใครที่ไม่ได้เน้นซูมมากมาย ถ่ายละลายหลังโหด ๆ แค่ตัวเริ่มต้นอย่าง P40 ก็น่าจะเพียงพอต่อการถ่ายภาพสวย ๆ แล้ว ส่วนใครที่เน้นการใช้งานถ่ายภาพที่มากมายกว่านั้น จะเขยิบไปรุ่น P40 Pro หรือ P40 Pro+ ก็สามารถจัดได้ตามกำลังทรัพย์และความต้องการในการใช้งานได้เลย

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line