“CHAMPAGNE SUPERNOVA” ความอัจฉริยะของ NOEL GALLAGHER กับเพลงที่ยาวกว่า 7 นาที

การจะนั่งฟังเพลงที่มีความยาวเกิน 5 นาที ดูจะเป็นอะไรที่ไม่คุ้นชินและดูเหมือนว่าเราจะต้องใช้ความอดทนมากกว่าปกติเพื่อฟังให้จบ เพราะโดยปกติทั่วไปแล้วเพลงที่ฮิต ๆ ติดตลาดมักจะมีความยาวที่ไม่เกิน 3 หรือ 4 นาที

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่วง Oasis เลือกที่จะทำตาม พวกเขาเลือกจะฉีกกฎเพื่อแสดงความเป็นตัวเองออกมาในเพลงบัลลาดสุดคลาสสิคอย่าง “Champagne Supernova” ผลงานจากอัลบั้ม (What’s the Story) Morning Glory? ที่มีความยาวมากถึง 7:27 นาที และที่สำคัญพวกเขาทำเพลงนี้ให้กลายเป็นเพลงฮิตขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจ อะไรคือความลับที่ซ่อนอยู่ในเพลงนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญอย่างแน่นอน

โครงสร้างเพลงเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา

โครงสร้างของเพลงนี้คือการวางแบบสูตรตายตัวทั่ว ๆ ไปคือมีท่อนเวิร์ส, พรีฮุก และฮุก ตามปกติ เป็นของเบสิคที่วงไหน ๆ ก็ใช้กัน แต่ความแตกต่างมันขึ้นอยู่กับที่คนใช้งานมันมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อมันผ่านมันสมองการเขียนเพลงสุดอัจฉริยะของ Noel Gallagher มันก็ยิ่งทำให้เพลงนี้ดูมีความพิเศษและมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาดใจ

เมโลดี้สะกดคนฟัง

บรรยากาศของเพลงค่อนข้างจะไปทางเนิบ ๆ ลอย ๆ เหงา ๆ อินโทรด้วยเสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่ง ตามมาด้วยซาวด์กีตาร์ที่มีเมโลดี้สวยงาม

ทันทีที่นิ้วกรีดกรายลงไปบนเส้นลวดกีตาร์จนเกิดเป็นโน้ตตัวแรกมันก็สัมผัสได้ถึงพลังอะไรบางอย่างที่พาเราหลุดเข้าไปในโลกของบทเพลงนี้โดยทันที ริฟฟ์กีตาร์คิดไลน์ออกมาได้ไพเราะมีมิติ เป็นเลเยอร์ซ้อนกันระหว่างซาวด์ของกีตาร์ไฟฟ้าและกีตาร์อะคูสติกที่ตีคอร์ดเบา ๆ คลอไปด้วย 

ตามมาด้วยเสียงร้องของของน้องชายตัวแสบ Liam Gallager ที่น้ำเสียงในตอนนั้นมันเต็มไปด้วยเสน่ห์ ความห้าวและความเท่ แต่เมื่อต้องมาถ่ายทอดเพลงช้า ๆ อย่างเช่นเพลงนี้เขาก็สามารถใส่ความนุ่มนวลลงไปได้อย่างน่าฟัง 

เนื้อเพลงจำง่าย

การวางเนื้อเพลงและการวางคีย์ร้องในแต่ละท่อนมันเหมือนมีความเป็นท่อนฮุคอยู่ในตัว นี่คืออาวุธลับที่วง Oasis ใช้ได้ผลเสมอในทุก ๆ เพลง ไม่เว้นแม้แต่เพลง “Champagne Supernova”

สังเกตได้เลยว่าพวกเขาจะเน้นประโยคซ้ำ ๆ วนไปสลับมาฟังรอบแรกก็จำได้ทันที แต่นอกเหนือจากการวางท่อนสิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ  คือการเล่นคำในท่อน “Where were you while we were getting high?” ที่ได้ฟังครั้งแรกก็รู้สึกว้าวเอามาก ๆ 

เลือกจังหวะโซโล่กีตาร์ได้ชาญฉลาด

ส่วนเทคนิคการยืดตัวเพลงออกไปให้ไม่ซ้ำซากจำเจมันก็มาจากพาร์ตดนตรี โดยเฉพาะท่อนกีตาร์โซโล่เพื่อตัดความเลี่ยนและปรับอารมณ์ของเพลง ซึ่งมันปรากฎหลังท่อนฮุกเป็นจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกมาแบบกระชับรวดเร็วมาตอนหลังท่อนฮุกที่ 2 บ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่านี่เป็นแค่การเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เพราะของจริงแบบจัดเต็มไปโผล่อีกครั้งในช่วงหลังท่อนฮุกรอบที่ 3

Noel Gallagher ปล่อยจินตนาการถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ทรงพลังและเฉียบคม มีกลิ่นอายของความเป็นไซคิดิริกพอประมาณ มันไม่ใช่การโซโล่ไฟแลบแบบกีตาร์ฮีโร่ แต่มันโชว์ให้เห็นถึงเซนส์ทางดนตรีที่เหนือชั้นอย่างชัดเจน มันทำให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับอารมณ์ที่พุ่งพล่านสุดขีด นี่คือจุดพีคสูงสุดของเพลงนี้ ซึ่งกินเวลาไปรวม ๆ กว่านาทีครึ่งเลยทีเดียว

พอขึ้นสุดแล้วดนตรีก็ค่อย ๆ ประคับประคองคุณลงมาอย่างช้า ๆ และเพลงก็จบลงไปอย่างดงาม

ตลอดระยะเวลา 7:27 นาที ทุก ๆ พาร์ตของดนตรีมันถูก Noel Gallagher วางกลยุทธ์ให้ทุกคนต้องสยบและฟังเพลงจนจบโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าความหมายของเพลงนี้อาจจะไม่ได้มีอะไรพิเศษซ่อนอยู่เลยก็ตาม (ตามคำสัมภาษณ์ของ Noel)

เชื่อว่าแฟนเพลงของ Oasis หลาย ๆ คนน่าจะชื่นชอบเพลงนี้กันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครยังไม่ค่อยอินอยากให้ลองกลับไปตั้งใจฟังกันดูอีกซักครั้ง เพราะว่าบางทีความรู้สึกที่มีต่อเพลง “Champagne Supernova” อาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาได้เช่นกันครับ