

Entertainment
The DJ’s cash Kings เปิดโผรายได้ประจำปี 2017 ช่วงนาทีทองของศิลปิน EDM
By: unlockmen August 11, 2017 72283
อาชีพศิลปินดีเจเป็นอะไรที่ฮอตฮิตอย่างมากในปัจจุบัน เพราะไม่ว่าจะเป็นงานเทศกาลดนตรีต่าง ๆ ทั่วโลก ศิลปินประเภท EDM ล้วนกลายเป็นแม่เหล็กในการดูดคนเข้างาน จึงไม่น่าแปลกใจหากช่วงนี้จะเป็นนาทีทองให้พวกเขาได้โกยรายได้อย่างอู้ฟู่ขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สามารถทำเพลงฮิตออกมาเขย่าชาร์ตเพลงได้
รายได้ของดีเจที่ถือว่าดีกว่านักดนตรีคือ พวกเขาสามารถตะลอนทัวร์ไปทั่วโลกได้อย่างง่ายดายเพียงแค่พก flashdrive หรือ laptop เท่านั้น เสียบเข้ากับเครื่องเล่นเท่านี้ก็เปิดการแสดงได้ จนสามารถมีโชว์ได้มากกว่า 200 โชว์ต่อปี
ล่าสุด Forbes มีการจัดอันดับรายได้ประจำปี 2017 ของเหล่าดีเจบิ๊กเนม มาลองดูกันว่าปีที่ผ่านมาใครสามารถทำเงินไปมากน้อยเท่าไหร่ แถมมีหน้าใหม่เข้ามาด้วย
อันดับหนึ่งยังคงเป็นของศิลปิน นักแต่งเพลงชาวสก็อต ที่ปีล่าสุดกดรายได้รวมไปที่ $48 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,5xx ล้านบาท) แม้ว่าตัวของ Calvin Harris จะไม่ได้มีงานแสดงโชว์มากมาย แต่รายได้หลักของเขาน่าจะมาจากการขายเพลงที่ตัวเขาเองเป็นคนโปรดิวซ์ รวมถึงมีงานเปิดเพลงประจำคลับดังในอเมริกา
อันดับสองเป็นของดีเจรุ่นเก๋าอย่าง Tiesto ที่ช่วงหลังกลับมาโหมงานหนักเดินสายทัวร์เป็นว่าเล่นชนิดวันเว้นวันไม่ปล่อยให้เด็กรุ่นหลังทำมาหากินกันเลย อีกทั้งค่าจ้างต่อโชว์ที่สูงลิบ ทำให้เขากวาดรายไปเพิ่มขึ้นจนตอนนี้มีเงินในกระเป๋าราว ๆ $39 ล้านเหรียญ (1,2xx ล้านบาท)
อันดับสามถือว่าก้าวกระโดดอย่างมาก ซึ่งจากเมื่อปีก่อนพวกเขายังไม่ติด Top 10 ด้วยซ้ำสำหรับ The Chainsmokers อาจเพราะพวกเขามีวิธีการหาเงินที่หลากหลายกว่าดีเจคนอื่น อาทิ การปล่อยอัลบั้มเต็ม เวิล์ดทัวร์แล้วก็โชว์ตามเฟสติวัลต่าง ๆ ทำให้พวกเขาสามารถกวาดรายได้ทั้งสิ้น $38 ล้านเหรียญสหรัฐ ( 1,2xx ล้านบาท) ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี แต่อย่าลืมว่าพวกเขาต้องหาร 2
Skrillex อาจะไม่ได้มีงานโชว์อะไรมากมาย แถมหลัง ๆ มีเปรยแล้วว่าอาจจะพักงานดีเจไปทำไซด์โปรเจค วงเมทัล ด้วยซ้ำ แต่รายได้หลัก ที่ทำให้เขาสามารถชิลได้ขนาดนี้น่าจะมาจากการที่เขาเป็นเจ้าของค่ายเพลงทำให้มีเงินเข้ากระเป๋าอยู่ราว ๆ $30 ล้านเหรียญสหรัฐ (99x ล้านบาท)
ดีเจบ้าดีเดือดเชื้อสายญี่ปุ่นคนนี้ ความจริงแล้วสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายเนื่องจากมีธุรกิจส่วนตัวของครอบครัว แต่นั่นอาจไม่ใช่ความสุขของเขา ทำให้ Steve Aoki เลือกเดินสายดีเจ และก็ยังสามารถทำได้ดีอีกด้วย เนื่องจากในปัจจุบันเขาสร้างรายได้อยู่ประมาณ $29 ล้านเหรียญสหรัฐ (96x ล้านบาท)
รายได้ของ Diplo ถือว่าแซงหน้าเพื่อนร่วมวง Major Lazer ไปไกล เนื่องจากเขามีทั้งค่ายเพลง และไซด์โปรเจคต์มากมาย และงานโชว์มากกว่า 100 โชว์ต่อปี ทำให้ดีเจหน้าหล่อคนนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 2 เท่าตัว ซึ่งปัจจุบัน Diplo ก็มีเงินราว ๆ $28 ล้านเหรียญสหรัฐ (93x ล้านบาท)
ถือว่าร่วงไปไกลเหมือนกันสำหรับ ดีเจรุ่นเก๋าอีกหนึ่งคนที่แม้จะครองความยิ่งใหญ่มานาน ซึ่งเราก็ไม่ค่อยได้เห็นผลงานรวมถึงโชว์ในช่วงหลัง ๆ ของเขาสักเท่าไหร่ อาจเพราะ David Guetta กำลังซุ่มทำอัลบั้มใหม่อยู่เป็นแน่แท้ ทำให้รายได้ตกไปบ้าง แต่ด้วยชื่อชั้นของเขาแล้ว หากกลับมาทัวร์บวกกับปล่อยเพลงจริงจัง แป๊ปเดียวก็คงสามารถกลับไปอยู่อันดับสูง ๆ แบบที่เคยได้ไม่ยาก $25 ล้านเหรียญสหรัฐ (83x ล้านบาท)
แม้จะไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของ Marshmello เป็นใคร แต่เขาสามารถฟันรายได้ไปแล้วกว่า $21 ล้านเหรียญสหรัฐ (69x ล้านบาท) ซึ่งหลัก ๆ น่าจะเป็นงานโชว์ที่มีถี่ยิบ ไม่ว่าจะเป็นโซน ยุโรป เอเชีย อเมริกา พี่ Mello เรากวาดเรียบ
เขาน่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีรายได้อันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยวัยเพียง 21 ปี แต่กับควบตำแหน่งทั้งเจ้าของค่ายเพลง โปรดิวเซอร์ รวมถึงศิลปิน ทำให้ปัจจุบัน Martin Garrix มีรายได้ราว ๆ $19 ล้านเหรียญ (63x ล้านบาท) เราจึงขอซูฮกให้กับความเจ๋งของหนุ่มน้อยคนนี้
หนึ่งในศิลปินอัจฉริยะแห่งยุคที่สร้างเพลงฮิตมากมาย แต่อาจเพราะในช่วงแรกติสต์ไปหน่อย ไม่ค่อยรับงานโชว์ ทำให้รายได้ยังตามหลังเพื่อนบางคนที่เดบิ้วท์มาพร้อม ๆ กัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างน้อย Zedd ก็ยังคงติดท็อป 10 ได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งกวาดรายได้ไปราว $19 ล้านเหรียญ (63x ล้านบาท)
และนี่ก็เป็นรายได้ของเหล่าดีเจประจำปี 2017 ที่ทีมงานได้นำมาฝากกันจาก Forbes ซึ่งต้องบอกเลยว่านี้มันคือยุคแห่ง EDM อย่างแท้จริง ที่ศิลปินต่างกอบโกยเงินกันเป็นว่าเล่น ใครที่มีฝันอยากจะเป็นดีเจก็ขอให้ดูไว้เป็นตัวอย่างว่า การเต้นกินรำสามารถทำเงินได้แล้วในปัจจุบัน
ที่มา Forbes