CARS

THE ICONIC CAR: ‘BMW R5’ 84 ปีของโมเดลคลาสสิกที่เป็นต้นแบบของ BMW Motorrad ทุกยุคสมัย

By: SPLESS October 30, 2020

ถ้าพูดถึงเรื่องราวของรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิก เชื่อว่าชื่อของค่ายรถอย่าง BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) คือหนึ่งในค่าย 2 ล้อที่หนุ่ม ๆ หลายคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามตลอดช่วงเวลาเกือบ 100 ปี นับตั้งแต่บีเอ็มดับเบิลยูตัดสินใจเริ่มพัฒนาและสร้างรถมอเตอร์ไซค์เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาได้ฝากผลงานเป็นรถมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่น บางรุ่นยังคงมีอิทธิพลต่องานออกแบบต่อรถรุ่นหลังมาจนถึงปัจจุบันและ BMW R5 ก็เป็นหนึ่งในตำนานเหล่านั้น

BMW


BMW R5 ถือเป็นมอเตอร์ไซค์ไอคอนที่กลายมาเป็นมรดกทางความเร็วอันล้ำค่าของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู โดยการเปิดตัวของรถรุ่นนี้ได้ทำลายขนบในการสร้างรถมอเตอร์ไซค์แบบเดิม ๆ ในยุคสมัยนั้นทั้งในเรื่องงานออกแบบและขุมพลัง

เริ่มจากงานออกแบบที่เป็นตำนานของ BMW R5 ต้องยกเครดิตให้กับ รูดอล์ฟ ชไลเชอร์ (Rudolf Schleicher) ชายผู้หลงรักรถมอเตอร์ไซค์แบบฝังอยู่ในสายเลือด เริ่มต้นเส้นทางจากการเป็นนักแข่งรถหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงเรียนวิศวกรรมเครื่องกลควบไปพร้อมกัน โดยผลของการได้คลุกคลีกับเครื่องยนต์รวมถึงการปรับแต่งรถในทุก ๆ วัน ทำให้ฝีมือการทำงานของรูดอล์ฟไปเข้าตาของ แมกซ์ ฟริสซ์ (Max Friz) ซึ่งในขณะนั้นรับตำแหน่งหัวหน้าทีมออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู ก่อนแมกซ์จะตัดสินใจดึงตัวรูดอล์ฟเข้ามาร่วมงานในปี 1923 เพื่อร่วมกันผลิตรถมอเตอร์ไซค์

Rudolf Schleicher

รูดอล์ฟ ชไลเชอร์ เข้ามามีส่วนร่วมสำคัญกับงานสร้างรถมอเตอร์ไซค์ของบีเอ็มดับเบิลยูหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น “BMW R32” รถมอเตอร์ไซค์โมเดลแรกของค่ายใบพัดสีฟ้ารวมถึงโมเดล “BMW R37” ที่ตัวเขาเป็นผู้ร่างแบบเองกับมือ และสำหรับโมเดลที่ถูกยกให้เป็นผลงานที่ดีที่สุดตลอดกาลของเขาก็คือ “BMW R5”

BMW R5 คือผลงานชิ้นเอกของบีเอ็มดับเบิลยูที่เปิดตัวในปี 1936 ก่อนจะพลิกโฉมหน้าของวงการมอเตอร์ไซค์ในเวลานั้นด้วยงานออกแบบและระบบที่ถือว่าทันสมัยมาก ๆ โดดเด่นด้วยโครงสร้างที่แปลกตาไม่ว่าจะเป็นเฟรมแบบ Double-Cradle รวมถึงตะเกียบหน้าที่มาพร้อมกับระบบโช๊คอัพไฮดรอลิกซึ่งออกแบบมาได้อย่างสวยงาม แถมยังช่วยในการควบคุมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทั้งหมดเป็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบการสร้างที่เราสามารถเห็นได้ในรถมอเตอร์ไซค์หลายรุ่นในยุคปัจจุบัน

ไม่เพียงงานออกแบบและระบบที่โดดเด่น BMW R5 ยังถูกยอมรับในเรื่องขุมกำลังโดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Boxer 2 สูบขนาด 500 ซีซี ที่ให้พลัง 24 แรงม้า หรือ 17.7 kW แถมยังเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของบีเอ็มดับเบิลยูที่ใช้ระบบเกียร์เดินเท้าแบบ 4 จังหวะอีกด้วย ทำให้รถรุ่นนี้สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 140กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือซิ่งจี้ท้ายรถสปอร์ตในสมัยนั้นได้สบาย ๆ เรียกได้ว่าเป็นยนตรกรรม 2 ล้อที่เหมือนหลุดมาจากยุค 50’s มากกว่ายุค 30’s เสียอีก

อีกเหตุผลที่ทำให้ R5 กลายเป็นโมเดลคลาสสิกที่หายากคือ ช่วงเวลาในการผลิตและวางขายที่ค่อนข้างสั้น เหตุผลเพราะ BMW R5 ใช้เวลาอยู่ในตลาดไม่ถึง 2 ปี ทำยอดขายไปทั้งหมด 2,652 คัน ก่อนจะสิ้นสุดสายการผลิตในปี 1937 เพื่อหลีกทางให้กับการพัฒนารถโมเดลใหม่ แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามกันคืออิทธิพลที่ยาวนานในงานงานออกแบบของรถคันนี้ที่ถูกนำมาพัฒนาและใช้ซ้ำยาวนานจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่ารถรุ่นดั้งเดิมก็ล้วนแต่อยู่ในมือนักสะสมที่เห็นคุณค่าของมันเป็นอย่างดี

BMW Blog


ย้อนกลับไปในปี 2016 ความคลาสสิกของ BMW R5 เคยถูกปลุกให้กลับมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้งหลังจาก 80 ปีที่เผยโฉมสู่สายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรก โดยการกลับมาในครั้งนั้นเป็นการร่วมมือระหว่าง BMW Motorrad และสำนักแต่ง Unique Custom Cycles ที่ทำทีมโดย 2 พี่น้อง Ronna Noren และ Benna Noren และใช้ชื่อว่า “BMW R5 Homemage”

 

 

BMW R5 Homemage ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่รถรุ่นต้นแบบคือ BMW R5 ด้วยการใช้เครื่องยนต์ Boxer 500cc ตัวดั้งเดิม และคงดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้หลายจุด ผลที่ได้คือรถมอเตอร์ไซค์ที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิคและนวัตกรรมสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเฟรมคัสตอมพิเศษที่สร้างขึ้นมาได้อย่างลงตัวกับถังน้ำมันทรงหยดน้ำที่ขึ้นรูปจากโลหะแผ่นเดียว ก่อนตกแต่งด้วยโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูแบบวินเทจ รวมไปถึงเบาะหนังสั่งทำพิเศษที่เย็บด้วยมือ

การเปิดตัวของ BMW R5 Homemage ในงาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este เมื่อปี 2016 ยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ถึงขนาดที่เซียนมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่หลายคนต่างยกย่องให้เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของวงการมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเลยทีเดียว

BMW


 

แม้ว่าเรื่องราวของ BMW R5 จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่นาน แต่เสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ว่าจะเป็นขุมพลังรวมถึงงานดีไซน์ที่โดดเด่นของรถรุ่นนี้กลับกลายมาเป็นต้นแบบให้กับรถรุ่นใหม่ในทุกยุคสมัย และถือเป็นข่าวดีสำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในดีเอ็นเอของ BMW R5 เพราะตำนานคันนี้ได้กลับมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับรุ่นมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยูอีกครั้งนั่นก็คือ “BMW R18”

การมาของ BMW R18 ไม่เพียงดึงเอาดีไซน์ของเฟรมและตัวถังที่ย้อนยุคให้กลับคืนมา แต่ยังถอดแบบเอกลักษณ์ของชิ้นส่วนดั้งเดิมทั้งส่วนของบังโคลนและท่อไอเสียด้วย ที่สำคัญคือขุมพลังเครื่องยนต์ Boxer 2 สูบขนาด 1800 ซีซี ที่ทรงพลังซึ่งน่าจะสร้างความประทับใจให้กับคนรักความเร็วได้ไม่แพ้รุ่นต้นแบบอย่างแน่นอน

BMW

ต้องยอมรับเลยว่า BMW R5 ได้กลายมาเป็นมรดกทางความเร็วที่คนรักรถมอเตอร์ไซค์ของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกฝันอยากมีเก็บสะสมเอาไว้ เพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการเก็บสะสมเพียงความสวยงามที่เหนือกาลเวลา แต่ยังรวมถึงเรื่องราวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและคุณค่าของรถรุ่นนี้ไปพร้อม ๆ กัน


 

SOURCE: 1/2/3/4

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line