CARS

THE ICONIC CARS: FIAT 500 ตำนานซิตี้คาร์ไซซ์เล็กเปลี่ยนโลกที่มีเสน่ห์ต่อผู้คนในทุกยุคสมัย

By: SPLESS March 12, 2020

หนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในรถยนต์โดยเฉพาะโมเดลคลาสสิกที่ปล่อยออกมาระหว่างยุค 50’s-70’s คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของยนตรกรรมคันจิ๋วแต่โคตรแจ๋วอย่าง FIAT 500 (เฟียต 500) ตำนานซิตี้คาร์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและรูปแบบใช้งานรถยนต์ของผู้คนในทวีปยุโรปและทั่วโลก

แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ Fiat 500 ครองความยิ่งใหญ่ได้ทั้งในยุคก่อนรวมถึงสามารถยืนระยะโมเดลตั้งแต่วันแรกมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้ THE ICONIC CARS พาทุกคนไปทำความรู้จักยนตรกรรมคันจิ๋วเปลี่ยนโลกคันนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

S3

Fiat 500 เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดย Fiat Automobiles ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ที่ตั้งอยู่ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี เรื่องราวของมันเริ่มต้นในช่วงปลายยุค 50’s เป็นยุคสมัยที่เฟียตมีความคิดที่จะสร้างรถยนต์ขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อใช้งานในเมืองที่มีถนนแคบและมีประชากรแน่นหนาให้เป็น People Cars เหมือนกับโฟล์คสวาเกนบีทเทิลในเยอรมนี

Fiat

พวกเขาต้องการผลิตรถยนต์ Economy Car ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ผู้คนสำหรับการใช้งานใช้ชีวิตประจำวัน แต่อีกเหตุผลสำคัญที่สุดคือมันต้องเป็นรถยนต์ที่มีราคาไม่สูงมาก มีค่าบำรุงรักษาต่ำ โดยได้นำแนวคิดรถยนต์ขนาดเล็กแบบวางเครื่องหลังเหมือนในบีทเทิลมาใช้ แต่ถ่ายทอดออกมาภายใต้งานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเฟียต

งานออกแบบในครั้งนั้นตกเป็นหน้าที่ของ ดานเต้ จิอาคอซา นักออกแบบรถยนต์ชาวอิตาเลียนและพัฒนาจนสามารถเปิดตัวครั้งแรกในปี 1957 โดยตั้งชื่อว่า Fiat 500 ซึ่งในเจเนอเรชันแรกประกอบไปด้วยรถรุ่นที่มีความแตกต่างกัน 6 โมเดลด้วยกัน

favcars

Fiat 500 หรือ Fiat Cinquecento รุ่นแรกเปิดตัวในชื่อ Nouva เป็นรถยนต์ 2 ประตู 4 ที่นั่งที่มาพร้อมความยาว 9 ฟุต ความกว้างตัวรถที่ 4.3 ฟุตและฐานล้อขนาด 6 ฟุต และน้ำหนักเพียง 1,100 ปอนด์หรือ 498 กิโลกรัม ใช้เครื่องยนต์ขนาด 479 ซีซี ให้กำลัง 13 แรงม้า เป็นรถยนต์ที่มี Top-speed อยู่ที่ 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต่อมาในปี 1,958 เฟียตก็เสริมด้วยรุ่นสปอร์ตอย่าง Fiat 500 Nouva Sport ที่เพิ่มพลังขึ้นมาเป็น 21 แรงม้ามาในรถสีขาวที่ตกแต่งด้วยแถบที่สีแดงอย่างสวยงาม

recordrentacar

เช่นเดียวกับ Citroen 2CV คู่แข่งในยุคสมัยนั้นเพราะ Nouva มาพร้อมกับหลังคาผ้าใบแบบพับได้รวมถึงถูกรู้จักในฐานะโมเดลที่ใช้ประตูแบบ “Suicide  Door” หรือประตูที่มีบานพับอยู่ด้านหน้า โดยทั้ง 2 ส่วนถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นในรุ่นต่อมา แต่ ณ เวลานั้นมันครอบใจผู้คนไปเต็ม ๆ จากการเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่สมรรถนะดี ที่สำคัญคือโคตรประหยัดน้ำมัน

recordrentaca

แม้รถรุ่นแรกอย่าง Nouva จะไม่ได้ทำยอดขายอย่างถล่มทลาย แต่มันก็ช่วยเปิดตลาดให้ชาวอิตาเลียนได้รู้จักเฟียต 500 ให้ดีขึ้น ในปี 1960 เฟียตทำการเปิดตัว Fiat 500 Giardiniera ที่ออกแบบเป็นเวอร์ชันครอบครัวมากขึ้น โดยเป็นรถ 3 ประตูที่เพิ่มพื้นที่เก็บของ และใช้ขุมพลัง 17 แรงม้าที่ทำความเร็วสูงสุดถึง 95 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในโมเดลคลาสสิกที่คงสายการผลิตยาวนานไปถึงปี 1970

Giardiniera Netcarshow

ในปีเดียวกันเฟียตยังเปิดตัว Fiat 500 D ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายกับ Nouva แต่ต่างการกันในเรื่องเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนมาใช้เป็นเครื่องขนาด 499 ซีซีที่ให้พลัง 17 แรงม้าและหลังคาที่สามารถพับให้เพียงครึ่งเดียว ไม่สามารถเปิดได้เต็มบานเหมือนใน Nouva

ก่อนในปี 1965 เฟียตตัดสินใจเลิกการใช้งานประตู “Suicide Doors” ในรถทุกรุ่น เหตุผลมาจากฟังก์ชันการใช้งานที่ไม่ตอบโจทย์และไม่ปลอดภัยนัก แต่สำหรับผู้ชายอิตาลีในยุคนั้นต่างพูดเป็นติดตลกเสียงเดียวกันว่า ประตูแบบนี้ทำให้พวกเขาแอบมองขาของสาว ๆ เวลาที่หรือลงรถไม่ได้ จึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนรูปแบบประตู อย่างไรก็ตาม “Suicide Doors” กลายเป็นรูปแบบเฉพาะและหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของ Fiat 500 รุ่นคลาสสิกในเวลาต่อมา

ปีเดียวกันเฟียตยังเปิดตัวไลน์การผลิตใหม่ของ Fiat 500 ขึ้นมาในชื่อ F หรือ Berlina ซึ่งผลิตระหว่างปี 1965 – 1972 โดยจับรุ่น D มาพัฒนาใหม่ สามารถสังเกตความแตกต่างได้ง่าย ๆ คือประตู “Suicide Doors” แบบเก่าจะเป็นรุ่น D และประตูแบบ Conventional จะเป็นรุ่น F

recordrentaca

จนกระทั่งปี 1986 เฟียตเดินหน้าพัฒนารถรุ่นใหม่ที่มีกลิ่นอายสปอร์ตมากขึ้น และยังมาพร้อมงานตกแต่งภายในที่หรูหราและทันสมัย ชื่อของมันคือ Fiat 500 L หรือ Lusso เป็นรถคันเล็กที่มีสมรรถนะไม่แพ้ใคร แถมยังเหมาะสมกับการใช้งานสำหรับคนเมืองยุคนั้นได้เป็นอย่างดี มันจึงได้รับความนิยมไปทั่วประเทศอิตาลีอย่างรวดเร็ว

รวมถึงอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1972 – 1975 กับ Fiat 500 Rinnovata หรือ R ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 594 ซีซี ให้กำลัง 23 แรงม้า แต่ช่วงเวลาในการเปิดตัวของมันคาบเกี่ยวกับการเปิดตัวกับรถรุ่นใหม่ของค่ายอย่าง Fiat 126 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ยนต์ที่ทรงพลังมากกว่า ที่สำคัญคือเทคโนโลยีและระบบอำนวยความสะดวกใน Fiat 126 ที่ทันสมัยมากกว่านำมาสู่การยกเลิกสายการผลิตของ 500 ลงในปี 1975 รวมระยะเวลากว่า 17 ปี

Fiat Rinnovata

ตลอดระยะเวลา 17 ปี ระหว่างปี 1957 – 1975 รถยนต์ในตระกูล Fiat 500 ไม่เพียงเป็นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จพิสูจน์ด้วยยอดขายกว่า 3,800,000 คัน โดยเฉพาะในประเทศอิตาลีที่ยุคสมัยหนึ่ง Fiat 500 เปรียบเสมือนพาหนะแห่งชาติที่มีให้เห็นทั่วแทบทุกหัวมุมถนน รวมถึงยังคงความนิยมของได้อย่างต่อเนื่องจากราคาและอัตราประหยัดน้ำมันสุดคุ้มค่าซึ่งได้พลิกโฉมหน้า City-Car ของทวีปยุโรปในยุคนั้นไปตลอดกาล

อีกทั้งมันยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Steyr-Daimler-Puch แบรนด์รถยนต์จากประเทศออสเตรียให้สร้างรถที่มีรูปแบบคล้ายกับ Fiat 500 ขึ้นในยุคต่อมาโดยใช้ชื่อมา Puch 500 ส่วน Fiat Automobiles ก็พอใจมากกับสายการผลิตของ Fiat 500 เพราะเป็นสายการผลิตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดที่เคยมีมา

รถยนต์ Puch 500

จวบจนเวลาเดินทางมาถึงปี 2007 ซึ่งเป็นวาระถึงวันครบรอบ 50 ปีการผลิต Fiat 500 ตัวคลาสสิก และทางค่ายผู้ผลิตอย่างเฟียตได้นำโมเดล 500 มาปัดฝุ่นใหม่ก่อนผสมผสานเข้ากับโมเดลต้นแบบคือ Fiat Panda ที่เข้ากับยุคปัจจุบันมากขึ้น

Fiat Panda

การเปิดตัวครั้งนั้น เหมือนการเปิดศักราชใหม่เพราะ Fiat 500 รุ่นปี 2007 มาพร้อมทางเลือกการปรับแต่งอย่างอิสระไม่ว่าจะเป็นสีของตัวรถ กราฟิก การออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่ปรับเปลี่ยนได้มากกว่า 500,000 สไตล์ ทำให้คนทั่วโลกที่เคยหลงใหลและยังหลงใหลในเสน่ห์ของ Fiat 500 อยู่มีโอกาสได้ครอบครองรถรุ่นนี้อีกครั้ง

Autoexpress

ความนิยมครั้งนั้นเป็นยังปลุกชีพชื่อของ Fiat 500 ให้กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง โดยในปี 2008 Fiat 500 คว้ารางวัล European Vehicle of the Year มาครองได้สำเร็จ รวมถึงทำยอดการผลิตได้มากกว่า 1 ล้านคันนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2007-2012

Fiat 2015

เมื่อโอกาสมาถึงเฟียตก็ต่อยอดความสำเร็จด้วยรถยนต์เจเนอเรชันที่ 2 ที่เปิดตัวในปี 2015 โดยยังรักษาขนาดและรูปลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ แต่มีการปรับปรุงงานดีไซน์ด้านหน้าตัวรถไม่ว่าจะเป็น ชุดไฟหน้าและไฟตัดหมอกที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ แถมยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 ตัวซึ่งยังคงโดดเด่นในเรื่องอัตราประหยัดพลังงานเหมือนเคย

ล่าสุดในปี 2020 หลังจากโลดแล่นและสอดแทรกตัวเองอยู่ในโลกของยนตรกรรมตั้งแต่ยุคคลาสสิกมาจนถึงยุคสมัยปัจจุบัน ในที่สุด Fiat 500 ก็ปูถนนสู่อนาคตให้กับตัวด้วยโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของรถยนต์ตระกูล Fiat 500 เป็นรถยนต์เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งยังคงดีไซน์เอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ แต่เปลี่ยนพลังขับเคลื่อนมาเป็นแบบ EV 100% แทน

Fiat 500 Electric Car ย้ายฐานผลิตกลับไปที่บ้านเกิดของแบรนด์คือเมืองตูริน ประเทศอิตาลีซึ่งถือเป็นการกลับสู่มาตุภูมิครั้งแรกในรอบ 63 ปี โดย Fiat 500 Electric Car มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 42 kWh เชื่อมต่อกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พลัง 117 Bhp ที่ทำให้รถมีอัตราเร่ง 0-100 ใน 9 วินาทีและความเร็วสูงสุดที่ 149 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้งของ Fiat 500 Electric Car คือ 320 กิโลเมตร และพลังงานสำรองที่สามารถวิ่งได้อีก 48 กิโลเมตรและใช้เวลาเพียง 35 นาทีต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 80 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่าเป็นเจเนอเรชันใหม่ที่เกิดมาเพื่อเป็น EV City-Cars ที่น่าครอบครองอีก 1 คัน

ความสำเร็จและการกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งของ Fiat 500 เป็นผลที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นดีไซน์และสมรรถนะของตัวรถ หรือช่วงเวลาของการกลับมาอีกครั้งซึ่งอาจเหมารวมไปถึงโชคเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย

แต่เราเชื่อเหลือเกินว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่ผู้คนให้ความนิยมรถคันนี้ในทุกยุคสมัยเป็นเพราะว่า Fiat 500 คือรถยนต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนทุกระดับสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นมาเมื่อ 63 ปีที่แล้วหรือรุ่นใหม่ล่าสุดที่กำลังจะวางขายในเร็ว ๆ นี้

SOURCE: 1/2/3/4/5/6/

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line