CARS

THE LUXURY: “สู่ขวัญ บูลกุล” ตัวตนชัดเจนผสานทัศนคติเรียบง่าย สู่ความสง่างามและหรูหราในแบบของเธอ

By: SPLESS April 28, 2020

ผู้ชายอาจจะหลงใหลผู้หญิงแตกต่างกันไป แต่จะมีผู้หญิงที่ผู้ชายพร้อมใจละลายได้ นั่นคือผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งทักษะการทำงาน ทัศนคติที่ดี และมีความเป็นตัวเองอันโดดเด่นจนผู้ชายอย่างเราต้องยอมให้

“สู่ขวัญ บูลกุล” คือหนึ่งในผู้หญิงมากความสามารถที่เรายกให้เป็นหนึ่งใน Hero ตัวจริง พวกเราจดจำเธอในหลายบทบาท ทั้งผู้ประกาศข่าวฝีมือเยี่ยม พิธีกรมากความสามารถ รวมถึงนักแสดงเจ้าบทบาท และหลายคนคงรู้จักเธอในฐานะ Celebrity Blogger ที่รสนิยมเรียบง่ายแต่หรูหรา และน่าจับตามองที่สุดในขณะนี้

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะนัดพูดคุยกับคุณสู่ขวัญได้ ต้องขอขอบคุณโอกาสดี ๆ ครั้งนี้จาก BMW Thailand ภายใต้แคมเปญ “EXPERIENCE THE 7 : THE 7 STORIES” ที่ช่วยให้เราได้สนทนากับเธอภายใต้นิยามคำว่า ” THE LUXURY ” อย่างใกล้ชิด ไปค้นหาตัวตนของเธอพร้อมกันกับเรา แล้วคุณจะหลงรักเธอมากกว่าที่ผ่านมา

นิยามคำว่า The Luxury ของ สู่ขวัญ บูลกุล คืออะไร ?

“ถ้าตามความหมายของคำนี้ The Luxury หมายถึงความหรูหรา สวยงาม สง่างาม แต่สำหรับเรา The Luxury จะมีความสมบูรณ์แบบที่ลงตัว เวลาที่เรามองเห็นเราจะรู้สึกว่ามันคือการผสมผสานหลาย ๆ คำจนไม่สามารถที่จะหาคำในภาษาไทยมาแปลได้โดยตรง

ยกตัวอย่างเช่นความยิ่งใหญ่ของภูเขา ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติก็สามารถใช้คำว่า Luxury ได้ การให้จำกัดความอาจจะเป็นเรื่องยาก ในเวลาที่เราได้เห็นอะไรที่สวยงามและอลังการในความรู้สึก นั่นแหละคือความ Luxury หรือบางสถานที่มีความสวยงาม ที่มาพร้อมกับความน่าเคารพ น่ายำเกรง รวมถึงสิ่งที่ทำให้มองแล้วเรารู้สึก Calm & Cool อยู่ในนั้น”

 

เวลาที่คนบอกว่าสู่ขวัญคือผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของคำว่า The Luxury คุณรู้สึกอย่างไร?

“ทุกครั้งที่ได้ยินจะตั้งคำถามว่า เราเป็นแบบนั้นจริงเหรอ ? ถ้าให้พี่ขวัญพูดถึงตัวเองพี่ก็จะบอกว่า เราเป็นคนง่าย ๆ อะไรก็ได้ เฮฮาสนุกสนาน ออกจะติดบ้า ๆ บอ ๆ ด้วยซ้ำ แต่พอคนเริ่มพูดถึงเรา อาจเพราะว่าเราทำงานอยู่ในจุดที่คนได้เห็นเราเยอะ ซึ่งบางครั้งจะมี Feedback ว่า “สู่ขวัญเนี่ยมีความสง่างาม”

ตอนแรกที่ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกแปลกใจนะ เพราะเราไม่เคยมองตัวเองอยู่ในจุดนั้นเลย อาจจะด้วยบุคลิก คำพูดคำจา หรือสิ่งที่เราทำไปโดยไม่รู้ตัวที่ทำให้คนอื่นมองเห็นเราเป็นแบบนั้น”

คิดว่าเป็นเพราะรสนิยมของเราด้วยไหม คนถึงมองเราเป็นแบบนั้น?

“เรามักได้ Feedback คำว่าสง่างามซึ่งอาจเป็นส่วนผสมของหลายอย่าง ต่างจากคำว่าสวย ที่หลายคนอาจมองเห็นและสามารถบอกได้ว่าสวยหรือไม่สวย ถ้าถามว่าเกี่ยวกับรสนิยมของเราด้วยหรือเปล่าก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ พี่ขวัญมองว่ามันเกี่ยวกับทัศนคติของเราเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติต่อตัวเอง ทัศนคติต่อคนรอบข้าง ซึ่งคนที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเรา สัมผัสเรา รู้จักเรา เขาจะรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้ ทัศนคติน่าจะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพของเรามากกว่าที่เราจะแต่งตัวอย่างไร”

 

สู่ขวัญ บูลกุล คิดว่ารสนิยมที่ดีควรเกิดจากอะไร?

“ทุกอย่างที่สร้างให้เราเป็นคน ๆ หนึ่ง พี่มองว่ามันเกิดจากประสบการณ์ชีวิต ยกตัวอย่าง ถ้าเราหยิบคนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้าย ๆ กัน จับให้แต่งตัวเหมือนกัน แต่งหน้าเหมือนกัน ให้ทำเหมือนกันทุกอย่างมันก็จะเหมือนกันหมด

แต่เมื่อไหร่ที่เกิดการเคลื่อนไหว เกิดการติดต่อสื่อสาร หรือเกิดการแสดงออกต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่อยู่ข้างในที่แสดงออกมาจะไม่สามารถบิดเบือนได้  สิ่งสำคัญคือการหล่อหลอมคุณค่าที่เราคิดและมีให้กับสิ่งรอบตัว ว่าเรามีทัศนคติอย่างไรกับสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่หล่อหลอมให้เรามีบุคลิกแบบนี้พี่คิดว่ามันเกิดจากประสบการณ์ชีวิต และการเรียนรู้ในแบบของเราเอง”

สำหรับ สู่ขวัญ บูลกุล นิยามความหมายของคำว่า รสนิยมที่ดีหรือสไตล์ที่ดีไว้ว่าอย่างไร?

“บางทีเราก็ไม่กล้าที่จะบอกว่าตัวเองมีรสนิยมที่ดี เรารู้สึกว่ารสนิยมเป็นเรื่องที่จับต้องได้ค่อนข้างยาก ยกตัวอย่างเช่นวันหนึ่งเรารู้สึกว่าตัวเองแต่งตัวสวยออกนอกบ้านมาแล้ว แต่คนอื่นอาจมองว่าน่าเบื่อไม่มีสีสันก็ได้ เพราะฉะนั้นพี่ขวัญจะไม่ชอบตัดสินใคร สิ่งที่พี่ชอบคือความเป็นตัวของตัวเองมากว่า เราชอบที่แต่ละคนต่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง

บางครั้งในสังคมก็มักจะมีการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แต่สำหรับเรา เรารู้สึกว่าสไตล์เนี่ยไม่มีถูกหรือผิด เพราะเสน่ห์ของโลกใบนี้คือความหลากหลาย เสน่ห์ของโลกคือความไม่สมบูรณ์แบบนี่แหละ ไม่ใช่ว่าเรามีรสนิยมที่ดีที่สุดและสไตล์ของเราก็ไม่ใช่สไตล์ที่ดีที่สุด

เพราะฉะนั้นพี่ขวัญคงจะไม่บอกว่าต้องทำอย่างไรถึงจะมีรสนิยมที่ดี เพราะส่วนตัวไม่ใช่คนแบบนั้น และชอบที่จะบอกให้ทุกคนเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเองมากกว่า เพราะไม่ว่าคุณจะชอบสไตล์ไหน คุณก็สามารถเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองว่าเราไม่สมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบนั้นน่าเบื่อ”

 

ใคร ๆ ก็มองคุณเป็นต้นแบบด้านความหรูหราคุณมองเรื่องนี้อย่างไร?

“การที่คนมองว่าเราเป็นแบบไหน ให้เรารับรู้ว่าคนมองเราอย่างไร แต่ถ้าถามว่าเราเป็นคนอย่างไรเราจะบอกว่าจริง ๆ แล้วเราเป็นคนธรรมดามาก เป็นคนง่าย ๆ ติดดินมาก ๆ แต่ถ้าจะบอกว่าการติดดินของเราคือการที่วันเสาร์-อาทิตย์เราไม่แต่งตัว สะพายย่ามมันก็ไม่ใช่

เราแค่รู้สึกสนุกกับชีวิต สิ่งที่คนให้เราใส่มากที่สุดก็อาจจะเป็นอะไรที่เรียบ ๆ บางครั้งเรานึกสนุกขึ้นมา อยากเล่นใหญ่เราก็สามารถที่จะแต่งตัวอลังการได้เลย

ถ้าคนมองเห็นความหรูหราจากเรา คือเราไม่ได้ตั้งใจทำให้ตัวเองดูหรูหรือดูแพง แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เราเป็น เป็นสิ่งที่ทำให้คนรอบตัวมองเราเป็นแบบนี้  แต่เราอาจอธิบายว่า เราเป็นในสิ่งที่เราเป็นค่ะ เพราะถ้าให้เราเป็นในแบบที่เราไม่ใช่ เราก็เป็นได้ แต่ท้ายที่สุด เราก็จะคืนกลับมาสู่ตัวตนที่แท้จริงของเราอยู่ดี”

คุณเลือกใช้สิ่งของจากความสวยงาม การออกแบบ หรือราคามากกว่ากัน ?

“จริง ๆ เป็นคนที่ชอบการออกแบบ ด้วยหน้าที่เรายิ่งต้องคอยคิดว่าเราจะแต่งตัวแบบไหน และเราก็แต่งมาแล้วทุกแบบที่อยากแต่ง ซึ่งบางทีเราก็อยากบอกหลาย ๆ คนว่า เสื้อทุกอย่างมันสวย แต่บางครั้งที่เราไม่เลือกหยิบมาใส่เพราะมันไม่เหมาะกับเรา ไม่เข้ากันซึ่งไม่ได้แปลว่าไม่สวย แต่เพราะของทุกชิ้นไม่ได้ดึงดูดเรา

สำหรับพี่ขวัญรู้สึกว่าแค่สวยอย่างเดียวไม่พอ มันจะต้องมีอะไรที่ดึงดูดเรามากกว่านั้น อย่างเช่นเครื่องเพชร มันมีความสวยมีมูลค่าอยู่แล้ว คนอื่นก็มองว่ามันดูสวยดูแพง ต่างกับสร้อยเส้นหนึ่งเรียบ ๆ มีขีดแค่ขีดหนึ่งเป็นแค่งานดีไซน์อย่างเดียวไม่ได้มีมูลค่าอะไร แต่พอเราใส่แล้วมันเป็นสิ่งที่เราอยากให้คนเห็นเราในแบบนี้มากกว่า มันแสดงถึงตัวตนของเรา หรือเวลาเรามองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าทำไมเราดูดีจังเลย มันทำให้เราลืมไม่ลง ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร

เพราะฉะนั้นของที่สวยไม่ใช่ของที่แพงเสมอไป การที่เราเลือกอะไรสักชิ้นที่มันเกี่ยวกับดีไซน์ มันต้องสะท้อนตัวตนของเราได้ดีกว่าคำพูดว่าเราคือใคร

“คุณค่าของสิ่งของ” ในนิยามของคุณคืออะไร ?

“จริง ๆ พี่ขวัญเป็นคนที่ชอบกระเป๋ายากมาก พร้อมจะซื้อแต่ไม่รู้จะซื้ออะไร แล้วก็ไม่ชอบอะไรแบบที่คนอื่นถือกัน  บางอย่างที่ทำอยู่มันก็สวยดี แต่ทำไมเราไม่ซื้อก็ไม่รู้ แต่บางใบที่ไม่มีอะไรเลย สำหรับเรากลับลงตัวมาก

เราเลยรู้สึกว่าการดีไซน์มันยากมาก โดยเฉพาะรายละเอียดที่ทำให้ทุกอย่างแพงมากอย่างคู่ควร ความพิเศษไม่ใช่ความเยอะ แต่มันทำให้คนอื่นทำแบบนี้ไม่ได้ เช่นรองเท้า 78,000 บาท แพงไหม แพง แต่ถ้าลองคิดดี ๆ 78,000 บาท ทำออกมาในแบบที่คนอื่นทำแบบเขาไม่ได้

จนถึงวันนี้เราก็ไม่มีคำตอบให้กับมันว่าทำไมเราถึงชอบการดีไซน์ มีแต่ความหลงใหลกับรายละเอียดที่เขาทำได้ พี่รู้สึกว่าบางครั้งของชิ้นนี้แหละ มันเป็นราคาที่เราต้องจ่ายก็เพราะรายละเอียดที่ไม่มีใครทำได้เหมือน

แม้กระทั่งรถยนต์ก็เหมือนกัน บางทีเราเห็นรถรุ่นเก่าบางรุ่น เช่นรถคลาสสิกที่ผ่านไป 50 ปี แต่รถยังสวยละมุนอยู่เลย บางคันผ่านไปแค่ 8 เดือนเราก็ไม่เอาแล้ว พี่ถึงบอกว่าการดีไซน์มันเป็นเรื่องที่เราไม่มีวันเข้าใจ เราบอกไม่ได้ว่าอะไรที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้

ของแบบนี้มันถึงทำให้เราชอบมาก เพราะมันไม่ใช่แค่การมองแล้วจบ แต่ทำให้เรารู้สึกว่าของชิ้นนี้เจ๋ง ของชิ้นนี้สวย มันให้ความรู้สึกที่เรามองไปแล้วมันมีเรื่องราวออกมาจากสิ่งนั้น และเราจะให้คุณค่ากับสิ่งนั้นมาก”

ถ้าตัดสินใจเลือกใช้อะไรสักอย่างในชีวิต คุณเลือกจากปัจจัยอะไรบ้าง?

“พี่คิดว่าทุกอย่างมันเริ่มจากทัศนคติและค่านิยม และสิ่งนี้มักถูกถ่ายทอดไปกับทุกอย่างที่เราคิด พูด และทำ รวมไปถึงสิ่งที่เราเลือกในชีวิตด้วย

ถ้าจะถามพี่ว่าอะไรที่พี่เคยเห็นมาในชีวิตแล้วมันสวยติดตา ซึ่งถามว่าภาพที่เราเห็นมันสลับซับซ้อนไหม ไม่ ถ้าให้เราวาดรูปออกมา มันก็เป็นแค่รูปภูเขาซ้อนกัน ข้างหน้ามีต้นไม้นิดนึง แต่ ณ ตอนนั้น ถ้าบนโลกมีคำจำกัดความว่าสง่างามภาพที่เราเห็นตรงนี้แหละคือความสง่างามที่แท้จริง

เพราะฉะนั้นเมื่อเรามองหาหรือเลือกอะไรเข้ามาในชีวิต เราน่าจะเลือกอะไรที่มันซับซ้อนมากไปหรือเปล่า? มันอยู่ที่ตาเราว่าเรามองอะไรสวย ซึ่งถ้าจะถามพี่ว่าสิ่งที่สวยงามที่พี่เคยเจอมาสิ่งไหนที่มันสวยมาก ที่พี่ลืมไม่ลง ปรากฏว่ามันเป็นอะไรที่ดูธรรมชาติมาก ไม่ได้สลับซับซ้อน

สิ่งที่พี่เลือกในชีวิตจริงมันก็อาจเป็นแบบนั้น มันอาจจะสะท้อนจากประสบการณ์ของเรา จุดตั้งต้นของพี่ พี่มองว่าธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่มันสวยงามและสง่างาม เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่เลือกในชีวิต มันอาจจะสะท้อนค่านิยมกับมุมมองส่วนตัวของพี่ก็ได้”

หนึ่งสิ่งที่คุณคิดว่าควรค่ากับคำว่าสง่างามที่สุด ?

พี่ขวัญว่ามันคือธรรมชาติ ความคิดนี้มันเกิดจากวันหนึ่ง เราไปเที่ยวแล้วมองเห็นเทือกเขาใหญ่ คือมันไม่มีคำ ๆ อื่นเลยนอกจากคำว่าสง่างาม ณ ตรงนั้นเราเข้าใจแล้วถึงความหมายของคำว่าสง่างาม ว่ามันต้องรู้สึกอย่างไร มันต้องรู้สึกอะไรข้างใน มันถึงจะเหมาะสมกับคำว่าสง่างาม

ถ้าเราเทียบกับสิ่งของที่มนุษย์สร้างขึ้น หลายอย่างก็เรียกได้ว่าสวยงามและสง่างาม อย่างที่ไม่มีอะไรเทียบได้ เช่น ปราสาทราชวัง แต่ท้ายที่สุดแล้วความรู้สึกของเราคือไม่ว่ามนุษย์จะทุ่มเทใช้ความพยายามแค่ไหนในการสร้างสรรค์สิ่งใดก็ตามขึ้นมาในโลก สุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะทดแทนสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นได้

ถ้าเทียบกับเพชร นิล จินดา มรกตที่มีมูลค่าสูงมากจริง ๆ กับภาพวิวที่เรากำลังมองเห็นอยู่ด้านหน้าแล้วถามเราว่าอะไรสวย เราก็คงจะต้องเลือกว่าภูเขาที่สูงตระหง่านอยู่ด้านหน้านั่นแหละคือความสง่างามที่แท้จริง

เพราะคำบางคำที่เราได้ยินมาตลอด ไม่ได้ยากหรือซับซ้อนเลย หลาย ๆ ครั้งเราไม่ได้เข้าใจมันจริง ๆ จนสิ่งเหล่านั้นได้เกิดขึ้นกับเรา อย่างเช่นคำว่าชื่นใจ คำว่าชื่นใจเกิดขึ้นตอนไหน ตอนที่เรากำลังวิ่งมาเหนื่อย ๆ แล้วมีคนส่งน้ำเย็น ๆ ใส่น้ำแข็งให้ กินแล้วชื่นใจไหม ก็ชื่นใจระดับหนึ่ง แต่คำว่าชื่นใจจริง ๆ มันเกิดขึ้นตอนที่พี่หอมหัวลูก เราจึงเข้าใจว่าภาษาไทยมันลึกซึ้งมากถึงคำว่าชื่นใจ คือมันได้กลิ่นที่จมูก แต่มันรู้สึกที่หัวใจ เหมือนตอนที่เรายืนมองภูเขาสูง แล้วรู้สึกว่าตัวเรานิดเดียว นี่แหละมันคือคำว่าสง่างามอย่างหาใครเทียบไม่ได้

คำว่า Luxury ในชีวิตพี่มันเกิดขึ้นตอนพี่วิ่งอยู่ในฟาร์ม สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าธรรมดา ไม่มีอะไรเลยที่ดูแพง ตอนนั้นแหละ คือการที่พี่รู้สึกสัมผัสได้ถึงคำว่า Luxury ว่าความ Luxury ที่แท้จริงเงินซื้อไม่ได้ แต่เป็นประสบการณ์ในชีวิตที่ใครก็มีเหมือนเราไม่ได้”

คุณชอบศิลปะแบบไหน?

“เราเห็นความสวยงามในทุกรูปแบบ ถ้าขึ้นชื่อว่ามันเป็นงานศิลปะแล้ว เราไม่ได้ดูว่ามันสวยหรือไม่สวย เราดูเรื่องราวของมันด้วย เพราะฉะนั้น เวลาที่เราดูงานศิลปะ เรารู้สึกสนุกในการดูเพราะแต่ละรูป แต่ละเรื่องราวมันแตกต่างกันออกไป

ถ้าถามว่าเราชอบงานศิลปะแบบไหน พี่คิดว่าชอบทุกรูปแบบ เพราะแต่ละชิ้นงานเกิดขึ้นเพราะมีเรื่องราวที่ต่างกัน ชิ้นงานที่สวยงามของศิลปะ ไม่ใช่คำว่าสวยงาม หรือสมบูรณ์แบบ แต่ชิ้นงานนั้น มันต้องเล่าเรื่องได้และเรื่องที่เขาเล่าให้เราฟัง มันต้องเป็นเรื่องที่ถูกใจเราด้วย”

คติพจน์เกี่ยวกับความสง่างามของคุณคืออะไร ?

“จากประสบการณ์ที่เราเจอมาทั้งหมด เราเชื่อคำว่า SIMPLICITY IS THE BEST” 

แม้ในสายตาใครหลายคน “สู่ขวัญ บูลกุล” จะเป็นตัวแทนของคำว่า THE LUXURY ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ตลอดบทสนทนาสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจถึงคำนิยามของความหรูหราได้มากขึ้น ว่ามันคือการหลอมรวมของทัศนคติอันเรียบง่าย แต่ต้องใส่ใจการใช้ชีวิตอย่างพิถีพิถัน โดยเธอเลือกสิ่งของแต่ละชิ้นที่จะใช้อย่างละเมียดละไม เนื่องจากสิ่งของทุกชิ้นสามารถบ่งบอกตัวตนได้  เธอจึงเลือกใช้สิ่งที่มีดีไซน์ เต็มไปด้วยเรื่องราว และไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนสิ่งนั้นก็ยังคงหรูหราและสง่างามโดยไม่สนกาลเวลา

สำหรับใครที่ชื่นชอบแรงบันดาลใจจาก THE LUXURY และสนใจแรงบันดาลใจในรูปแบบอื่น ๆ โปรดติดตามแคมเปญ “EXPERIENCE THE 7 : THE 7 STORIES” ไว้อย่าให้คลาดสายตา เพราะ BMW จะพาไปสัมผัสนิยามใหม่ ๆ จากบทสัมภาษณ์พิเศษบุคคลต้นแบบจากหลากหลายวงการ รับรองว่า THE 7 STORIES จะสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่จะพัฒนาตัวเองและสังคมได้อย่างแน่นอน

 

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line