DESIGN

THE NEW BREITLING CHRONOMAT COLLECTION: สานต่อตำนานนาฬิกาสปอร์ตอเนกประสงค์สุดเท่จากยุค 80

By: NTman September 14, 2020

หากเอ่ยถึงชื่อแบรนด์ Breitling (ไบร์ทลิ่ง) ขึ้นมา สาวกเรือนเวลาน่าจะรู้กันดีถึงกิตติศัพท์ด้านการจับเวลาที่เที่ยงตรงแม่นยำของจักรกลบอกเวลา ที่มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใน Saint-Imier (แซงต์ อิมิเยร์) ตั้งอยู่ใกล้เทือกเขา Jura (ชูรา) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งก่อตั้งโดยนาย Leon Breitling ช่างทำนาฬิกาที่ริเริ่มประดิษฐ์นาฬิกาจับเวลาในปี 1884

ด้วยชื่อเสียงเรื่องความแม่นยำทำให้จักรกลจับเวลาภายใต้ชื่อแบรนด์ Breitling ถูกนำไปใช้งานสำหรับภารกิจเหินเวหาอย่างมากมาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้บุกเบิกในการพัฒนานาฬิกาข้อมือแบบจับเวลาซึ่งได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในช่วงเวลาสำคัญในการพิชิตเวหาของมวลมนุษยชาติ

จวบจนปัจจุบัน Breitling ยังเดินหน้าพัฒนานาฬิกาคุณภาพสูงขึ้นมาด้วยเป้าหมายเดียวกันกับวันแรกที่ Leon Breitling ผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้เริ่มประดิษฐ์นาฬิกาจับเวลาขึ้นมา นั่นก็คือการสร้างสรรค์นาฬิกาจับเวลาที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมระดับโลก และยังคงผลิตกลไกเองแบบ In-House ซึ่งนาฬิกาทุกเรือนของ Breitling นั้นผ่านการผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้รับรองคุณภาพตามมาตรฐาน Chronometer จากสถาบัน COSC

Breitling Chronomat from 1984

และเมื่อได้พูดคุยถึงเรื่องราวของ Breitling สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือ Chronomat (โครโนแมท) เรือนเวลาที่เปรียบเสมือนคอลเลคชันสําคัญในประวัติศาสตร์ของ Breitling ที่เปิดตัวมาในปี 1984 ซึ่งเป็นยุคที่นาฬิกา Quartz เรือนบางเฉียบจากญี่ปุ่นกําลังเป็นที่นิยมจนสามารถครองตลาดมาตั้งแต่ช่วงยุค 70s สวนทางกับนาฬิกาจักรกลสวิสเมดที่ความนิยมหดหายจนแทบเข้าขั้นวิกฤติ

แต่ถึงกระนั้น Breitling ก็ไม่ได้หวั่น และเลือกที่จะวางเดิมพันด้วยนาฬิกาจักรกลอันยอดเยี่ยม ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกา Frecce Tricolori (เฟรคเซ่ ทริโคโรรี่) ที่ได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือระหว่างฝูงบิน Frecce Tricolori ฝูงบินชื่อดังของอิตาลี

Breitling Catalog from 1987 showing the Chronomat

COOL FACT: Breitling เคยใช้ชื่อ Chronomat กับนาฬิกาบางรุ่นในยุค 1940 โดยในช่วงแรก Chronomat มีที่มาจากคําผสมระหว่าง “Chronograph for Mathematics”
ส่วน Chronomat ปี 1984 ซึ่งทุกคนรู้จักกันดีนั้นมีที่มาของชื่อที่ต่างกัน โดยมาจากคําว่า “Chronograph and Automatic” ที่มาจากชื่อของกลไกขึ้นลานแบบ “Self Winding” ที่ใช้กับนาฬิการุ่นนี้

ด้วยเทคนิคการผลิตที่ตกทอดมาอย่างยาวนาน ผสานกับหลักการออกแบบอย่างมีสไตล์ทำให้ Chronomat กลายเป็นนาฬิกาสปอร์ตสุดเท่แห่งยุคที่สื่อถึงสุนทรียภาพและความมั่นใจของผู้สวมใส่ และถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการกลับมาของนาฬิกาจักรกลสวิสเมดได้อย่างเต็มภาคภูมิ จนกระทั่งผ่านเวลามาเกือบ 40 ปี ตอนนี้ Chronomat ได้รับการสานต่อตำนาน ด้วยการออกแบบใหม่อีกครั้งเพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงที่เปี่ยมไปด้วยแพสชัน มีรูปแบบชีวิตที่หลากหลาย และให้สำคัญกับลุคที่ดูดีด้วยความแตกต่างอย่างมีสไตล์

 

the New Breitling Chronomat Collection

ต้องบอกว่า Breitling Chronomat คอลเลคชันใหม่ นั้นถูกออกแบบให้เป็นนาฬิกาสปอร์ตอเนกประสงค์อย่างแท้จริง กับดีไซน์ที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ใช้งานได้ตั้งแต่ที่บ้าน, ออกไปเดินเล่น, พักผ่อนริมชายหาด ไปจนถึงออกงานเลี้ยงสุดหรู ด้วย DNA ซึ่งถ่ายทอดจากจุดเริ่มต้น ที่ Chronomat ถูกสร้างขึ้นสําหรับนักบิน แต่ความอเนกประสงค์ของนาฬิการุ่นนี้ไม่ว่าจะเป็นขอบสเกล Tachymeter ที่เหมาะสําหรับทีมรถแข่ง F1 และหลักหมุดบนขอบหมุนที่เหมาะสําหรับทีมแข่งเรือใบ ทำให้ Chronomat ขยายความนิยมไปสู่ผู้ที่หลงใหลในการผจญภัยทั้งบนบก ผิวน้ํา หรือใต้ท้องทะเล

และคงไม่ใช่เรื่องยากที่คนรุ่นใหม่ จะตกหลุมรัก Chronomat Collection ใหม่นี้ ด้วยการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ดีไซน์มีความร่วมสมัย ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และจิตวิญญาณของ Chronomat รุ่นดั้งเดิมเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็น

  • ขอบหน้าปัดหมุนได้พร้อมหลักหมุดอันมีเอกลักษณ์ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยปกป้องกระจกหน้าปัดจากการกระแทกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การหมุนปรับตั้งเวลาเป็นไปได้อย่างสะดวกง่ายดาย
  • หลักหมุดที่ตําแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา สามารถหมุนสลับตําแหน่งกัน เพื่อใช้งานในการจับเวลาถอยหลังได้
  • สายนาฬิกา Rouleaux (โรลอซ์) มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ผลิตจาก Stainless Steel (สเตนเลสสตีล) และมาพร้อมกับบานพับแบบปีกผีเสื้อ

โดยนาฬิกาจับเวลารุ่นใหม่ในคอลเลคชันนี้ทุกเรือนขับเคลื่อนด้วยกลไก Breitling Manufacture Caliber 01 ซึ่งกลไกจักรกลแบบ In-House ซึ่งสร้างสรรค์และพัฒนาจาก Breitling โดยตรง สามารถสํารองพลังงานได้ยาวนานถึง 70 ชั่วโมง

ทางด้านเข็มของนาฬิกา Chronomat B01 42 ทุกชิ้นจะเคลือบสาร SuperLuminova® วัสดุเรืองแสงที่เพิ่มความ ชัดเจนในการบอกเวลาทุกสภาพแสง และนาฬิกาทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่น Frecce Tricolori Limited Edition) จะมาพร้อมเข็มจับเวลาสีแดงที่ ทําให้อ่านค่าจับเวลาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

และอย่างที่เราได้บอกไว้ในตอนต้น นาฬิกา Chronomat ทุกรุ่นได้ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงในระดับสูงสุดตามมาตรฐาน Chronometer จากสถาบัน COSC เหมือนกันนาฬิกาทุกเรือนของ Breitling

 

Your Perfect Chronomat Is Here

การกลับมาของตำนานนาฬิกาในคอลเลคชัน Chronomat นั้นมีรูปแบบให้เลือกมากมายทั้งวัสดุตัวเรือน และสีของหน้าปัด บอกเลยว่ายากจะหักห้ามใจ ไม่ว่าจะมีรสนิยมแบบไหน Cronomat ก็พร้อมตอบสนองความชอบได้แทบทุกรูปแบบ จะใส่เดินเล่นริมชายหาด ใส่ไปทํางานที่ออฟฟิศ หรือใส่ออกงานหรู รับรองว่าดูดีทุกสถานการณ์แน่นอน และเราจะมาพรีวิวให้อ่านคร่าว ๆ ว่าแต่ละรุ่นในคอลเลคชันนั้นมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

เริ่มต้นด้วยนาฬิกา Chronomat B01 42 ที่มีตัวเรือน Stainless Steel ขนาด 42 มิลลิเมตร สามารถเลือกสีหน้าปัดได้หลากหลายทั้ง สีเงิน สีทองแดง หรือสีน้ําเงิน ตัดกับหน้าปัดย่อยจับเวลาสีดํา อีกทั้งยังมีรุ่นหน้าปัดสีดําที่มีหน้าปัดย่อยจับเวลาสีเงิน โดยทุกรุ่นมาพร้อมกับสาย Rouleaux Stainless Steel และบานพับแบบปีกผีเสื้อซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Chronomat

Chronomat Bentley

มาต่อกันที่ Chronomat Bentley นาฬิการือนพิเศษสําหรับการเฉลิมฉลองการร่วมเป็นพันธมิตรกับ “BENTLEY” แบรนด์สุดยอดรถยนต์หรูจากประเทศอังกฤษ ด้วยตัวเรือน Stainless Steel ขนาด 42 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวตัดกับหน้าปัดย่อยจับเวลาสีดํา ขาดไม่ได้กับสาย Rouleaux Stainless Steel และบานพับแบบปีกผีเสื้อ เพิ่มความพิเศษด้วยการสลักตัวอักษร “BENTLEY” รอบฝาหลังแบบโปร่งใส

Chronomat Frecce Tricolori Limited Edition

อีกเรือนที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ Chronomat Frecce Tricolori Limited Edition รุ่นสดุดี Breitling Frecce Tricolori ปี 1983 ที่เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจในการผลิตนาฬิกา Chronomat ซึ่งเรือนพิเศษรุ่นนี้มาพร้อมหน้าปัดสีน้ําเงินและหน้าปัดย่อยจับเวลาสีเดียวกัน มีโลโก้ Frecce Tricolori แทนที่ตําแหน่งโลโก้ Breitling ในรุ่นปกติ มาพร้อมกับสาย Rouleaux Stainless Steel และบานพับแบบปีกผีเสื้อ ผลิตขึ้นมาเพียง 250 เรือน ฝาหลังสลักคําว่า “One of 250” เพื่อยืนยันการผลิตแบบจํานวนจํากัด

Chronomat 2tones

สําหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกา Chronomat ที่ต้องการความหรูหราเป็นพิเศษ เราขอแนะนำ Chronomat B01 42 2tones หน้าปัดสีเงิน โดยที่เม็ดมะยม, ปุ่มกดจับเวลา, หลักหมุดที่ขอบหมุนทั้ง 4 จุด, ชุดเข็ม, หลักชั่วโมง และขอบของหน้าปัดย่อยใช้วัสดุ Red Gold 18K มาพร้อมกับสาย Rouleaux Stainless Steel และบานพับแบบปีกผีเสื้อ

นอกจากนี้ Chronomat 2tones ยังมีแบบหน้าปัดสีน้ําเงินและหน้าปัด Anthracite กับหน้าปัดย่อยจับเวลาสี ดํา โดยเม็ดมะยม, ปุ่มกดจับเวลา, ชุดเข็ม, หลักชั่วโมง รวมถึงขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียวทั้งชิ้นแบบพิเศษใช้วัสดุ Red Gold 18K มาพร้อมกับสาย Rouleaux Stainless Steel สลับกับข้อสาย Red Gold 18K และบานพับแบบปีกผีเสื้อ

Chronomat Red Gold 18K

ปิดท้ายสําหรับผู้ที่ต้องการความโดดเด่นในแบบนาฬิกาสปอร์ตสุดหรูกับ Chronomat B01 42 – Red Gold 18K ซึ่งตัวเรือน, ขอบหน้าปัดหมุนได้, เม็ดมะยม, ปุ่มกดจับเวลา, ชุดเข็ม, รวมถึงหลักชั่วโมง ทั้งหมดใช้วัสดุ Red Gold 18K มีหน้าปัด Anthracite กับหน้าปัดย่อยจับเวลาสีดํา มาพร้อมสายยางสีดําและตัวยึดสายแบบบานพับที่ใช้วัสดุ Red Gold 18K เช่นกัน

สำหรับใครที่หลงใหลในคุณสมบัติอันเลื่องชื่อจนเป็นที่น่าจดจําของนาฬิกาสุดคลาสสิกจากยุค 80s ไม่ว่าจะเป็นสายนาฬิกา Rouleaux ที่สะดุดตา พร้อมบานพับแบบปีกผีเสื้อ รวมถึงขอบหมุนพร้อมหลักหมุดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งสื่อให้เห็นถึงสไตล์ย้อนยุคที่แฝงความทันสมัยของ Breitling สามารถจับจองเป็นเจ้าของ Breitling Chronomat คอลเลคชันใหม่ที่เปรียบเสมือนการเฉลิมฉลองช่วงเวลาสําคัญในประวัติศาสตร์ของ Breitling ได้แล้ววันนี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 610 9423, 02 481 9260  หรือทาง Line OA: https://lin.ee/khtoh08

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line