“WONDERWALL” บทเพลงอมตะของวง OASIS ที่เกือบได้ใช้ชื่อเพลงเป็น “WISHING STONE”

“Wonderwall” คือหนึ่งในบทเพลงของวง Oasis สุดยิ่งใหญ่ ที่คงมีน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินผ่านหู ในปัจจุบันมันมียอดวิวห่างจากเพลง “Don’t Look Back In Anger” อีกหนึ่งฮิตมากถึง 200 ล้านวิว ซึ่งทั้ง 2 ผลงานก็มาจากอัลบั้มขึ้นแห่งยุคบริตป๊อป “(What’s The Story) Morning Glory?” เช่นกัน จะต่างกันตรงที่เพลงแรกเป็นเสียงร้องของ Liam Gallagher ส่วนเพลงหลังเป็นเสียงร้องของ Noel Gallagher

ว่ากันตามตรงแล้วเพลง “Wonderwall” ไม่ได้มีดนตรีที่หวือหวาเวอร์วังอลังการแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกันมันเป็นเพลงที่ดูเรียบง่าย ใช้เสียงกีตาร์อะคูสติคเป็นตัวชูโรง เล่นตีคอร์ดไปมาคลอไปกับภาคริธึ่มที่เล่นด้วยไดนามิคสุดนุ่มนวล มีเสียงเครื่องสายมาขยายมิติให้กับเพลง ปิดท้ายด้วยเสียงร้องสุดเท่ที่พร้อมสะกดคนฟังได้จากทุก ๆ ตัวโน๊ตที่เขาถ่ายทอดออกมา

ปกซิงเกิ้ล “Wonderwall”

“Wonderwall” ถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1995 โดยก่อนที่เพลงนี้จะถือกำเนิด พวกเขาได้ยกพลกันไปอัดเพลงที่ Rockfield Studio ณ ประเทศเวลส์ เพื่อบันทึกเสียงอัลบั้ม “(What’s The Story) Morning Glory?” กัน มันกินเวลาไปทั้งหมด 2 สัปดาห์ พร้อมด้วย Owen Morris โปรดิวซ์เซอร์ของวง ณ เวลานั้น ซึ่งในช่วงก่อนที่จะทำการอัดลอง Noel ได้ให้ Liam เป็นคนเลือกว่าจะร้องเพลงไหนระหว่าง “Wonderwall” หรือ “Don’t Look Back In Anger” ซึ่งก็อย่างที่เห็นว่านักร้องสุดแสบได้เลือกเพลงไหนไป

แต่รู้หรือไม่? เดิมทีเพลง “Wonderwall” เคยถูกตั้งชื่อไว้ว่า “Wishing Stone” ซึ่ง Noel ได้เขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการ มอบให้ Meg Matthews อดีตภรรยาของตนเอง อย่างไรก็ตามหลังทางทั้งคู่ได้หย่าร้างกัน Noel ก็ได้กลับคำบอกว่าเพลงนี้ไม่มีความหมายถึง Matthews แต่อย่างใด แต่โบ้ยไปยังเรื่องเพื่อนในจินตนาการที่ออกมาช่วยคุณจากตัวของพวกคุณเอง รวมไปถึงที่มี่ที่ไปของชื่อเพลงยังได้มาจากชื่ออัลบั้ม “Wonderwall Music” ของ George Harrison อดีตสมาชิกวง The Beatles 

แต่ไม่ว่าความหมายมันจะเป็นอย่างไร ก็ไม่อาจฉุดกระแสความร้อนแรงของ “Wonderwall” ได้ เพราะพวกเขาสามารถจำหน่ายเฉพาะซิงเกิ้ลได้มากถึงเกือบ ๆ 5 ล้านก็อปปี้ แถมยังติดชาร์ตมากมายไปทั่วโลก และมันยังได้กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ไม่ว่าเราจะไปไหน ก็จะยังคงได้ยินเพลงนี้ถูกเปิดขึ้นบรรเลงอยู่เสมอ