พูดถึงชื่อวง Oasis หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึงเพลงอย่าง “Wonderwall” หรือ “Don’t Look Back In Anger” มาเป็นอันดับแรก ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันคือเพลงที่โด่งดังมากที่สุดของวงร็อกจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ แต่หากจะให้พูดถึงบทเพลงที่โชว์ความอัจฉริยะของ Noel Gallagher ในการครีเอตท่วงทำนองของดนตรีขึ้นมา จะต้องมีเพลง “All Around The World” อยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน “All Around The World” คือผลงานจาก “Be Here Now” อัลบั้มที่ 3 ของวง Oasis ที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1997 แต่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาให้ฟังทาง BBC Radio 1 ก่อนวันวางแผงอัลบั้ม 10 วัน แต่หากให้มองไปถึงแบ็คกราวน์ของ “All Around The World” แท้จริงแล้วมันเป็นบทเพลงที่ถูกทำไว้ตั้งแต่ปี 1992
“Wonderwall” คือหนึ่งในบทเพลงของวง Oasis สุดยิ่งใหญ่ ที่คงมีน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินผ่านหู ในปัจจุบันมันมียอดวิวห่างจากเพลง “Don’t Look Back In Anger” อีกหนึ่งฮิตมากถึง 200 ล้านวิว ซึ่งทั้ง 2 ผลงานก็มาจากอัลบั้มขึ้นแห่งยุคบริตป๊อป “(What’s The Story) Morning Glory?” เช่นกัน จะต่างกันตรงที่เพลงแรกเป็นเสียงร้องของ Liam Gallagher ส่วนเพลงหลังเป็นเสียงร้องของ Noel Gallagher ว่ากันตามตรงแล้วเพลง “Wonderwall” ไม่ได้มีดนตรีที่หวือหวาเวอร์วังอลังการแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกันมันเป็นเพลงที่ดูเรียบง่าย ใช้เสียงกีตาร์อะคูสติคเป็นตัวชูโรง เล่นตีคอร์ดไปมาคลอไปกับภาคริธึ่มที่เล่นด้วยไดนามิคสุดนุ่มนวล มีเสียงเครื่องสายมาขยายมิติให้กับเพลง ปิดท้ายด้วยเสียงร้องสุดเท่ที่พร้อมสะกดคนฟังได้จากทุก ๆ ตัวโน๊ตที่เขาถ่ายทอดออกมา “Wonderwall” ถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1995 โดยก่อนที่เพลงนี้จะถือกำเนิด พวกเขาได้ยกพลกันไปอัดเพลงที่ Rockfield Studio ณ ประเทศเวลส์ เพื่อบันทึกเสียงอัลบั้ม “(What’s The Story) Morning
Blur คือหนึ่งในวงร็อกแห่งอาณาจักรบริตป๊อปที่รุ่งเรืองสุดขีดในช่วงยุค 90’s พวกเขาฝากผลงานไว้ทั้งหมด 8 อัลบั้มพร้อมด้วยเพลงฮิตติดหูผู้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “Girls And Boys”, “Beetlebum”, “Coffee And Tv” และอีกหนึ่งเพลงที่แม้ไม่ใช่แฟนของวง Blur ก็ต่างรู้จักกันดี มันคือเพลง “Song 2” นั่นเอง “Song 2” เป็นเพลงที่รวมอยู่ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกับวง ถูกปล่อยให้ฟังครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน ปี 1997 หรือ 25 ปีที่ผ่านมา ตัวดนตรีแม้จะดูง่าย ๆ ไม่มีความซับซ้อนแต่ก็มีความโดดเด่นด้วยความมันส์กับซาวด์กีตาร์แตกสนั่น เสียงร้องยียวนกวนประสาท และมีความกระชับด้วยความยาวเพียง 2:02 นาที พร้อมด้วยการบิวด์ท่อนฮุคที่จดจำง่ายด้วยคำว่า “วู้ฮู้” เป็นตัวเลือกในการปลดปล่อยอารมณ์ความสนุกออกมาได้ดีมาก จนสุดท้ายมันได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่ประสบความสำเร็จของวง Blur แต่รู้หรือไม่จริง ๆ แล้วเราเกือบจะไม่ได้ฟังเพลง “Song 2” ในเวอร์ชั่นที่มันส์สะใจ เพราะจุดเริ่มต้นของเพลงนี้มันมาจากดนตรีที่บรรเลงด้วยอะคูสติคกีตาร์ที่มีคำร้องในท่อนคอรัสว่า “วู้ฮู้” แถมยังมาในรูปแบบเพลงช้าอีกต่างหาก แต่โชคดีที่ทาง Graham
อีกหนึ่งความคลาสสิกที่หยิบเอามาฟังได้ตลอดกับเพลงจากวงอังกฤษ ที่จะมีเอกลักษณ์ของเขาเองจนเกิดเป็นคำเฉพาะที่เรียกกันว่า “Britpop” เราอาจคุ้นเคยกับรุ่นใหญ่อย่าง Pulp, Elastica, Blur, Oasis, The Smiths อะไรทำนองนั้น แต่วันนี้เราขอหยิบยก Britpop ที่เป็นยุคใหม่ขึ้นมาหน่อย อาจจะมีเพลงเก่าปะปนไปบ้าง เพราะเราเข้าใจดีว่าชาว Britpop มักจะคุ้นเคยกับเพลงจากวงรุ่นใหญ่มากกว่า มาฟังเพลงรุ่นใหญ่ที่ฮิตกันสุด ๆ ช่วงแรก และฟังเพลงจากวงอังกฤษในยุคถัดมาในช่วงหลังที่เจ๋งไม่แพ้กัน สำหรับ Britpop รุ่นใหญ่เจอกันในคอนเทนต์หน้า สำหรับใครที่สะดวกฟังใน Spotify เราจัด Playlist มาให้แล้ว Supergrass – Alright มาเริ่มกันด้วยเพลงนี้ จากอัลบั้มเดบิวต์ที่ทำให้พวกเขาดังเปรี้ยงขึ้นมา ที่กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตในหลายที่โดยเฉพาะในอังกฤษเอง Suede – Metal Mickey เพลงจากอัลบั้มเดบิวต์ชื่อเดียวกันกับชื่อวง ซึ่งเพลงนี้ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมายในบริตอะวอร์ด และเป็นอีกเพลงที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของ Britpop ได้แบบชัดเจน Oasis – Supersonic คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก กับวงระดับตำนานอย่าง Oasis ที่เพลงฮิตมากมายของพวกเขา สามารถแทรกตัวเข้าไปได้แทบจะในทุก Playlist เลยด้วยซ้ำ Blur – Parklife Oasis มาแล้ว