Life

THE SUBCULTURE: “ปอ TATTOO BROTHERS” จากคนชอบสักสู่ YOUTUBER ผู้ตีแผ่เรื่องการสักในสังคมไทย

By: anonymK September 2, 2020

ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ใครจะเชื่อว่า “รอยสัก” ที่เคยเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว ถูกตีตราว่าจะเป็นหนทางดับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ติดอยู่กับวงจรภาพลักษณ์สีเทา-ดำ วันนี้จะพลิกผันกลายเป็นสิ่งที่สังคมเปิดรับในฐานะศิลปะ เป็นจุดเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างคนแปลกหน้า และถึงขนาดส่งเสริมคาแรกเตอร์ให้กับคนบางสาขาอาชีพเสียด้วยซ้ำ

เวลาเปลี่ยนขั้วลบเป็นขั้วบวก เปลี่ยนมุมมองผู้คน แต่ทุกอย่างยังต้องอาศัยความกล้าจากการบุกเบิกทั้งนั้น

“ปอ หรือดีเจปอ – วรฐก์ ปิฏกานนท์” เท่าที่คนทั่วไปและเรารู้จักคือชายในวงการบันเทิงคนแรก ๆ ที่เปิดเผยรอยสัก และวันนี้เขาเองก็ยังคงเป็นคนไทยคนแรก ๆ ที่สร้างแชนแนลพูดถึงศิลปะบนเรือนร่างแขนงนี้อย่างเปิดเผยในรายการ “Tattoo Brothers สักแต่พูด” รายการมันส์ ๆ เสพง่ายที่ไม่ได้เริ่มต้นมาง่าย ๆ แต่มีเบื้องหลังมากมายที่ทำให้ UNLOCKMEN ต้องหาโอกาสคุยกับเขาวันนี้

 

“สักตามใจ” ที่ไม่ได้แปลว่า “สักตามใคร”

วัย 17-18 ปี ปอมีรอยสักรอยแรกจากความผิดพลาด
วัย 47 ปีในวันนี้ ปอมีรอยสักหลายตำแหน่งบนร่างกาย เขาอยู่ในวงการบันเทิง และผันตัวกลายเป็น YouTuber รายการ “Tattoo Brothers – สักแต่พูด” ที่ใครหลายคนติดตาม บางคนก็ได้เขาเป็นไอดอลจนอยากไปเริ่มสัก

ปอ ดีเจปอ หรือเฮียปอ ไม่ว่าจะคุณจะคุ้นเคยกับชื่อไหน เขาก็คือคนในวงการบันเทิงที่เปิดเผยรอยสักในยุคที่คนยังไม่ค่อยยอมรับเหมือนทุกวันนี้ โดยเขามักจะบอกเราและคนอื่น ๆ เสมอว่าเขาโชคดี โชคดีที่ได้รับโอกาสในการทำงานจากคาแรกเตอร์ของตัวเอง และโชคดีที่การสักครั้งแรกของเขา แม้มันจะผิดพลาดเพราะทำไปจากความอยากเท่เหมือนนายแบบสิงคโปร์ แต่ก็ได้ช่างสักมีฝีมือระดับท็อปวงการเวลานั้นอย่าง JUKKOO WONG เป็นคนสักให้

“ผมเริ่มสักมาตั้งแต่ตอนนั้นผมอายุสัก 17-18 ตอนนั้นผมอยากเท่เหมือนนายแบบคนนึง พูดแล้วก็อายนะ ลีออน จำได้เลยนายแบบสิงคโปร์ เขาสักกุหลาบไว้ ผมยังไม่รู้เลยว่าสักจริงหรือเอาสติ๊กเกอร์มาแปะตอนนั้นก็เลยไปสักกุหลาบ เนี่ยคิดดูดิ เวลาคุณจะไปเล่าอะไรให้คนอื่นเขาฟัง มันควรจะแบบ เฮ้ย สักรอยแรกมันเป็นอย่างนี้นะเว้ย นี่มันคือตัวตนจริง ๆ ของเรานะเว้ย แต่ในเวลาเดียวกันผมแม่งไปเลียนแบบนายแบบคนอื่นไง เพราะฉะนั้นผมก็เลยบอกว่าคิดดี ๆ นะ อย่าทำอย่างนั้น”

จากโปรเจกต์เล็ก ๆ ในร่มผ้ากับความผิดพลาดครั้งแรก ต่อมาปอจึงเริ่มศึกษาเรื่องรอยสักและ Custom ลายที่จะมาอยู่บนเรือนร่างของเขามากขึ้น ซึ่งถ้าจะแบ่งให้ชัดทั้งประเภทและความหมาย ปอบอกเราว่าแบ่งออกเป็น 2 ช่วงใหญ่ ๆ ตามสไตล์การสัก คืองานแนวทิเบตและ Old School New School

ศิลปะรอยสักแบบทิเบตและภาพเทพเจ้าทิเบตเหนือไหล่ซ้าย

Art Form ลายสักแนวทิเบตส่วนใหญ่ที่เขาเลือกคือการสักลวดลายเทพเจ้าและสัญญะอย่าง “ดวงตาที่สาม” ซึ่งให้ความหมายเชิงคุ้มภัยและการหยั่งรู้ หากสังเกตให้ดีเราจะเห็น “ดวงตา” แทรกอยู่ตามตำแหน่งต่าง ๆ ของรอยสักที่มีทั่วตัวของปอ ทั้งหมดนี้เพราะเขาต้องการสื่อความหมายว่ามนุษย์เราไม่รู้อนาคต ไม่รู้จิตใจของคนที่อยู่ตรงหน้า หรือกระทั่งแนวการดำเนินชีวิต ดังนั้นการมีดวงตาแห่งความหยั่งรู้จึงแสดงความได้เปรียบและเป็นเครื่องคุ้มภัยตนเอง ขณะที่บางส่วนงานสไตล์ทิเบตเป็นลวดลายสื่อตัวตน เช่น หอยสังข์ ที่เป็นทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเปรียบเสมือนเครื่องดนตรีต้นกำเนิดเสียงเพลงเชื่อมกับอาชีพของเขาที่เป็นดีเจ

ส่วน Art Form ช่วงสุดท้ายคือลาย Old School, New School ที่สักแยกเป็นชิ้น ๆ แม้จะไม่มีความหมายลึกซึ้งตามประเภทของงาน แต่ก็เลือกมาเพราะความชื่นชอบศิลปะและตั้งใจสะสมไว้บนตัวเป็นการส่วนตัว

“30 ปีที่ผ่านมา มุมมองของผู้คนเรื่องการสักจากอดีตถึงปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเยอะไหม” เราตั้งคำถามรุ่นพี่ในฐานะที่เห็นและผ่านประสบการณ์มาหมดแล้วด้วยตัวเอง

“ต่างไปเยอะนะผมว่า สมัยนี้ถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้ทำงานที่เป็นงาน service หมายถึงว่าทำงานโรงแรมห้าดาวอย่างงี้ เข้าใจได้ว่าพอ 5 ดาวเขาต้องเสิร์ฟกับคนที่ conservative การมีรอยสักอาจจะไม่เหมาะสม

แต่ทีนี้สังเกตไหม อย่างน้อง ๆ มีรอยสักก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับรอยสักเลย คนไม่ได้มาวัดว่าคุณจะเก่งไม่เก่ง รอยสักสร้างคาแรกเตอร์ให้คุณด้วยซ้ำไป แล้วก็ผมว่าบางอาชีพอย่างบาร์เทนเดอร์ บาร์เทนดี้เจ้าของร้านมีรอยสักที่สวยกลายเป็นว่ามันเสริมคาแรกเตอร์ของเขา”

 

“สักแต่พูด” ที่ไม่ได้ “สักแต่ทำ”

“ผมมีความรู้สึกว่าการที่เราจะทำอะไรสักอย่างนึง อย่างน้อย ๆ เราจะต้องรู้กับมันจริง ๆ มีความสามารถมากกว่าคนอื่นที่เขามี”

ด้วยแพสชันเรื่องการสักที่เคยพลาดจากประสบการณ์ตรง ไม่กี่ปีที่ผ่านปอจึงลุกมาฉีกกฎ บุกเบิกการนำเรื่องรอยสักมาเปิดเผยเรื่องราวเรื่องเล่าในพื้นที่สาธารณะ สร้างรายการที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในไทยอย่าง “Tattoo Brothers – สักแต่พูด” เพราะถึงช่วงเวลานี้แม้รอยสักจะได้รับการยอมรับมากขึ้นแต่ก็ยังไม่มีรายการไหนที่ผลิตคอนเทนต์การสักจริงจัง ส่วนใหญ่หากมีก็มักจะเป็นรายการที่ช่างสักผลิตขึ้นเองเพื่อโปรโมตร้าน

ปอผลิตคอนเทนต์ทั้งการสัมภาษณ์พูดคุยเรื่องราวชีวิตและรอยสักคนดัง สไตล์การสัก พูดคุยกับช่างสัก ฯลฯ จำนวนรวม ๆ แล้ว 100 กว่า Episodes และสร้างงานที่น่าสนใจเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้เรียกได้ว่าแทบจะครอบจักรวาลข้อมูลการสักไว้ในแชนแนลเดียว

ทำให้เรื่องที่เคยต้องหาข้อมูลเฉพาะจากต่างประเทศวันนี้ก็มีข้อมูลในเวอร์ชันภาษาไทยให้เข้าถึงได้มากขึ้น

ที่สำคัญแม้รายการจะใช้ชื่อว่า “สักแต่พูด” แต่สิ่งที่ปออธิบายทุกขั้นตอนก่อนจะสร้างรายการขึ้นได้ ไม่ได้ง่ายหรือสักแต่ทำ เพราะเขาวางแผนทำตามฝันทุกขั้นตอน ทั้งการลงทุนเม็ดเงินและลงแรง โดยเขาแบ่งรายได้ก้อนหนึ่งที่ได้จากการทำงานมาลงทุนทำแชนแนลนี้ ติดต่อขอสัมภาษณ์และเดินทางไปหาแขกรับเชิญทุกคนถึงที่และเป็นคนดำเนินรายการสัมภาษณ์ด้วยตัวเองมาเรื่อย ๆ แม้ช่วงแรกจะยังไม่มีสปอนเซอร์รองรับ กระทั่งวันนี้ที่เริ่มมีสปอนเซอร์เข้ามา

“สเต็ปความฝันของผม ที่บอกว่ารายการของผมประสบความสำเร็จหรือเปล่า คนดูก็ส่วนนึง แต่ผมอยากให้เวลาขอสัมภาษณ์ใครแล้วคนนั้นให้ผมสัมภาษณ์ เมื่อไรที่มันถึงจุดนั้นแล้ว ผมถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว เพราะทุกวันนี้มันยังติดอยู่ก็ต้องยอมรับ ผมไม่ได้มี budget ให้เขา”

ตลอดทุกตอนที่ลงมือทำตามฝัน ปอบอกเราอย่างจริงจังด้วยประกายตาซ่อนความสนุกไม่มิดว่า เขาประทับใจทุกคลิปที่ได้สัมภาษณ์ ทุกคนที่พูดคุย เพราะมักจะได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ ๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทบาทความสำคัญของการสักในสมัยก่อนที่บ่งบอกถึงความเป็นชาย ชนิดที่ถ้าคุณไม่สักผู้หญิงจะไม่ยอมแต่งงานด้วย หรือเสน่ห์การสัก Irezumi แบบญี่ปุ่นที่เป็นการสักแนวโบราณซึ่งตอนนี้คนกลับมาให้ความนิยมอีกครั้ง รวมทั้งที่มารอยสักของแต่ละคนกับเรื่องเล่าชีวิตของคนคนนั้น

และหนึ่งในคนที่ปอยกตัวอย่างให้เราฟังคือคลิปล่าสุดที่ไปสัมภาษณ์ช่างกลิ้ง ช่างสักผู้มีชื่อเสียงในกลุ่มชิคาโน่

“อย่างล่าสุดเป็นชิคาโน่ ชื่อช่างกลิ้ง old school มาก เป็นช่างสักมา 20 กว่าปีแล้ว เขาก็จะมีมุมมองของเขาจนกระทั่งมีอยู่วันนึงชีวิตเขาเปลี่ยนเพราะว่าเขามานับถือศาสนาอิสลาม พระอัลเลาะห์ก็บอกไว้ว่าการสักเป็นสิ่งที่บาป แต่เขาก็ต้องใช้ความคิดส่วนตัวของเขาตัดสินใจ อยู่ดี ๆ เขาจะมาเปลี่ยน ไม่สักแล้วก็ไม่ได้ เพราะว่าเขายังต้องสนับสนุนครอบครัวเขาอยู่ ทำมาหากินมาให้ครอบครัวเขา

เขาเคยหยุดสักเลยนะเพราะว่าเขาอยากจะเคร่งในศาสนา แต่เขาก็รู้ตัวว่าเขาทำไม่ได้ หยุดเลยไม่ได้ ตอนนี้เขาก็เลยพยายามจะสักให้น้อยลง ปั้นคนใหม่ขึ้นมา มันมีอะไรที่น่าสนใจเยอะ ต้องลองไปดูแต่ละคลิป หรืออย่างคนที่บ้าสักจัด ๆ เลยที่ผมเคยไปเจอมานะ เล็ก The Voice โอ้โห โคตรสนุกเลย ผมหยุดหัวเราะไม่ได้ รอดูเลย อันนี้เจ๋งมาก”

ทำไปแล้วพี่ได้อะไรกลับมา? เราอดโพล่งถามคำถามออกไปไม่ได้ เพราะถึงสปอนเซอร์จะเข้าแต่อาจไม่เป็นกอบเป็นกำเท่ารายการอื่นเพราะยังมีประเด็นภาพลักษณ์สินค้าที่กังวลเรื่องรอยสัก

“ไม่งั้น UNLOCKMEN จะมาสัมภาษณ์ผมเหรอฮะ ก็แปลว่าผมได้ทำอะไรบางอย่างให้กลุ่มคนที่เขาสนใจตรงนี้ เขาเสพงานแล้วเขาชอบ ผมว่าอันนี้มันคือ Reward อย่างนึงนะ

มันเช่นเดียวกัน มองกลับไปวันนั้นผมก็ขอเขาสัมภาษณ์ ไอ้สิ่งนั้นน่ะ มันก็เป็น Reward อย่างนึงแล้ว แล้วก็ Feedback ของคนดูที่เขาคอมเมนต์มา เช่น พี่ผมชอบจังเลย ผมสักครั้งแรกเพราะพี่เลยนะ (หัวเราะ) แต่อะไรแบบนี้มันก็เป็นอะไรที่เป็น Reward อย่างนึง ให้เขามาได้ถูกทาง มันเปิดมุมมองของเรื่องรอยสักเขาน่ะ แล้วเขาก็จะไม่ผิดพลาด นั่นแหละคือ Reward ของผม”

ก่อนจบบทสนทนานี้ UNLOCKMEN ขอคำแนะนำเรื่องการสักมาฝากกับแบบเรียล ๆ จากปอ – Tattoo Brothers 2 ข้อด้านล่างจากปัญหาที่คนส่วนใหญ่ต้องเจอเกี่ยวกับรอยสัก ถ้าเป็นสิ่งที่คุณยังกังวลลองนำไปปรับใช้ดู!

Q1: เด็กยุคใหม่อยากสักควรเริ่มต้นยังไง

ปอ: คือผมว่า ผมพูดมันอาจจะดูหรูหราไปเนอะ เพราะว่าการที่เราบอกว่าอยากจะสักก็สักไปดิ มันไม่ได้ คุณจะต้องรู้จักการดีลกับผู้ปกครองของคุณ มีข้อตกลง และคุณพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าคุณทำได้ แล้วก็มีข้อตกลงกับเขาว่าคุณทำได้ ได้ไหม ในร่มผ้านะ ไม่เป็นไรหรอก อะไรอย่างนี้ สมัยนี้ผมว่าเปิดใจไปเลยกับพ่อแม่ ไม่เหมือนสมัยก่อน ผมว่าพ่อแม่เขาเข้าใจพอเพราะเขาอาจจะดู Tattoo Brothers ก็ได้ (ยิ้ม)

Q2: ถ้าสักแล้วพลาดควรแก้ไขยังไง

ปอ: พลาดไปแล้ว ผมว่ามันคือชีวิต ไม่ต้องคิดมาก ผมพลาดตั้งหลายลาย ถ้าพลาดไปแล้วไม่ชอบ ช่างเก่ง ๆ เยอะแยะ ไปทำ cover up เลย สักทับเลย เนี่ยเดี๋ยวผมก็จะไปทำ cover up เหมือนกัน ผมก็ยังเสียว ๆ นะ ว่ามันจะเป็นยังไงวะ ไปทำ cover up แล้วมันจะกลบหมดรึเปล่า แต่อะไรอย่างนี้ผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่ตื่นเต้นดีนะ

ใครที่อยากติดตามเรื่องรอยสักหรืออยากสนับสนุนเป็นสปอนเซอร์ให้แชนแนลดี ๆ ของเฮียปอเขาอยู่กับเราต่อไป ที่สำคัญในอนาคตเขาบอกเราว่าวางโปรเจกต์ผลิตผลงานใหม่ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรอยสักให้เราลุ้นกันด้วย ทุกคนสามารถเข้าไปติดตามได้ตามช่องทางต่าง ๆ นี้

Facebook: https://www.facebook.com/portattoobrothers/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCwhnogg9L2oNcLmGXqfWOzg

ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ: 350 Station Cafe & Homestay

Photographer: Warynthorn Buratachwatanasiri

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line