CARS

DRIVE: Mercedes-Benz GLC 250d 4Matic SUV สายลุยสุดหรูที่มาคู่แรงบิด 500Nm

By: Chaipohn July 27, 2017

ใครกำลังอยู่บนท้องถนนตอนนี้ อาจจะสังเกตเห็นเทรนด์ที่น่าสนใจว่าจำนวนรถประเภท SUV บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีอาจจะมากกว่าจำนวนรถ Mid-Size car ด้วยซ้ำไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก นี่คือเทรนด์ที่เกิดขึ้นในตลาดรถยนต์หลายประเทศ อย่างเช่นใน USA ยอดขายรถ Mid-Size car ครึ่งปีแรกนั้นลดลงเกือบ 18% เนื่องจากคนหันไปถอยรถ SUV แทน เช่นเดียวกับในฝั่งยุโรป ที่รถกลุ่ม SUV เข้ามามีบทบาทมากขึ้นตั้งแต่ปี 2015 โดยจำนวนความนิยมเทไปทาง Compact SUV มากเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย Mid-Size, Large และ Compact SUV ตามลำดับ

กลับมาที่ประเทศไทยบ้านเรา แม้ภาพของยอดขายรถ SUV จะไม่เด่นชัดเท่าต่างประเทศ แต่ก็เป็นเทรนด์ที่กำลังโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ด้วยสภาพถนนที่ดูแลโดยหน่วยภาครัฐที่ทำงานแบบขรุขระ พวกเราก็เลยได้ถนนแบบขรุขระเช่นเดียวกันมาใช้งานอย่างไม่เต็มใจนัก ซึ่งค่อนข้างจะเหมาะกับการใช้งานรถ SUV ยิ่งนัก แต่ก็ไม่อยากได้รถที่ภาพพจน์ดูบุกตะลุยเกินไป อยากได้ทั้งความคล่องตัว หรูหรา ขับสนุก และพร้อมบุกเมื่อจำเป็น ด้วยความคิดนี้เอง ทำให้เราสนใจในตัว Mercedes-Benz GLC ราวกับเป็นเนื้อคู่ที่เจอกันถูกที่ ถูกเวลา

Overview 7/10: From GLK to GLC. The C-Class that can go OFF-ROAD 

หลายคนอาจจะงงกับซีรีย์ที่เยอะแยะมากมายของ Mercedes-Benz แต่ถ้าตั้งใจดูดี ๆ จะเห็นว่าทางแบรนด์เองได้พยายามทำให้มันเข้าใจง่ายขึ้นกว่าในอดีต โดยจำกัดรถแต่ละประเภทตามรุ่นหลักของค่าย เช่นเดียวกับตระกูล GL ที่มาจากความหลากหลายของรถกลุ่ม SUV ของค่าย GL-class Large size ตัวใหญ่สุด ถูก renamed เป็น GLS, ML-class Mid-Size ตัวรองลงมา ถูก renamed เป็น GLE และ GLK compact SUV ที่คนไทยอาจจะไม่คุ้นหูกันมากนัก ได้ถูก renamed เป็น GLC โดยตัว G ในอนุกรมนี้หมายถึง Gelandewagen ในภาษาเยอรมัน แปลว่า off-road vehicle นั่นเอง

GLC จึงหมายถึงรถอเนกประสงค์ที่อยู่บนพื้นฐานของ C-class W205 แต่ก็มีการขยับระยะฐานล้อมากกว่ารถ Passenger car เพื่อให้เหมาะกับจุดประสงค์การใช้งานมากขึ้น ดูแว้บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าดึงเอาการออกแบบของ W205 มาค่อนข้างครบทั้งภายนอกภายใน แต่ใส่ option มาเต็มมากกว่าตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นของ GLC ความบึกบึนทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร แรงบิดที่จัดมาเต็มถึง 500 Nm และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC เมื่อบวกกับความสดใหม่ล่าสุดในตลาด SUV เมืองไทย GLC จึงได้เปรียบแบบสุด ๆ (อย่างน้อยก็จนกว่า X3 ตัวใหม่จะออกมาประชันโฉม)

รถคันที่เราขับอยู่เป็นรุ่นเริ่มต้น GLC 250d 4MATIC OFF-ROAD ที่มีออพชั่นมาตรฐานเยอะกว่า C-class พอสมควร มาพร้อมไฟหน้า LED Intelligent Light System, ไฟ Ambient Light 3 โทนสีภายในห้องโดยสาร, ระบบความปลอดภัย Active Safety, ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ Active Parking Assist, เปิด-ปิด บานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า เรียกว่ามีครบทุกอย่างที่จำเป็นในตัวเริ่มต้นราคา 3.2 ล้านบาท แต่ถ้าอยากเท่มากขึ้น ก็สามารถจ่ายเพิ่มอีก 300,000 บาท ขยับไปเป็นรุ่น AMG Dynamic หรือจ่ายเพิ่มขึ้นไปอีกเพื่อข้ามไปเป็น GLC Coupe’ ที่มีความ Sport มากกว่า

Driving 8/10: Smooth as Silk, Reliable, Easy to drive

ในวันปกติ เราไม่ค่อยได้สัมผัสรถ SUV มากนัก เพราะในบ้านมีแต่รถ Passenger cars ตั้งแต่ Benz W204, BMW F10, F30 และ Honda Accord G8 จึงไม่ได้คาดคิดว่ารถ Compact SUV จะขับได้คล่องแคล่วในเมืองมากนัก แต่ GLC กลับทำให้เราประทับใจไดในเวลาไม่นาน แม้รถจะดูหนักและใหญ่ สัมผัสแรกก็ทำใจว่าท่าทางจะขับยาก แต่ที่จริงแล้วสมรรถนะของรถคันนี้น่าประทับใจมาก เครื่องยนต์ diesel 2.1-liter twin-turbo ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic ให้กำลังสูงสุด 204 hp/3,800 rpm และแรงบิดที่เซ็ทมาให้ขับสนุกถึง 500Nm/1,600-1,800 rpm เห็นหุ่นบึกบึนแบบนี้ก็อย่าคิดจะแหย่หนวดเสือ ด้วยอัตราเร่ง 0-100km/h ภายใน 7.6 วินาทีเท่านั้น

การขับใช้งานไหลลื่นได้ตามสั่ง เร่งแซงแบบไม่ต้องลุ้น ผลจากการปรับจูนระบบให้ทำงานร่วมกันได้ดีเยี่ยม พวงมาลัยปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ, เกียร์ 9G-Tronic เปลี่ยนได้รวดเร็ว นุ่มนวล แม่นยำ รักษารอบเครื่องได้ดี เทอร์โบคู่แบ่งหน้าที่การทำงานระหว่างตัวเล็กกับตัวใหญ่ในรอบเครื่องยนต์ต่ำไปถึงสูง ช่วยรักษารอบเครื่องยนต์ต่ำแม้ในย่านความเร็วสูง จึงมีเรี่ยวแรงให้ใช้เหลือเฟือ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันมากอีกด้วย เราขับทั้งในเมืองรถติด ๆ นอกเมืองวันเสาร์อาทิตย์ที่ติดสลับโล่ง รวมระยะทาง 371 km เผาผลาญน้ำมันยังไม่ถึงครึ่งถัง ตัวเลขเฉลี่ยที่รถรายงานคือ 6.2 l/100km เท่านั้นเอง ยิ่งทำให้รู้สึกดีกับรถคันนี้มากขึ้นไปอีก

เช่นเดียวกับ C-class, GLC คันนี้สามารถเลือกปรับรูปแบบการขับขี่ (Dynamic Select) ได้ถึง 5 แบบ ประกอบด้วย Eco เน้นประหยัดเชื้อเพลิง, Comfort โหมดมาตรฐาน เน้นความนุ่มนวล, Sport คล่องแคล่วมากขึ้น ทำงานร่วมกันกับน้ำหนักพวกมาลัยและจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่กระชับขึ้น, Sport+ ทุกอย่างที่มากกว่า Sport และสุดท้าย Individual แยกปรับได้ตามสัดส่วนที่ต้องการ ช่วยปรับอารมณ์ของรถยนต์ให้ตอบสนองอารมณ์ของคนขับได้ดีขึ้น เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่เล่นสนุกได้ดีทีเดียว

อีกจุดที่ต้องพูดถึงคือระบบ 4MATIC ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ช่วยให้ GLC เข้าโค้งในย่านความเร็วสูงได้แบบชิว ๆ ไม่มีอาการเครียดหรือลุ้นแต่อย่างใด เหยียบ 120-140 km/h ผ่านทางโค้งได้สบาย ๆ เกือบลืมไปเลยว่านี่คือรถ SUV รูปร่างสูงใหญ่ ห้องโดยสารเก็บเสียงได้อย่างดี ในรอบเครื่องปกติแทบไม่มีเสียงเครื่องยนต์ดีเซล หรือเสียงจากภายนอกและด้านล่างเล็ดลอดเข้ามาได้เลย แต่ถ้าเร่งแบบ Kick Down ก็อาจจะมีบ้างเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เป็นธรรมชาติของรถ SUV ที่จะมีอาการสะเทือนเมื่อเจอหลุมเจอบ่อมากกว่าช่วงล่างของรถ Passenger Car สำหรับคนที่เพิ่งเปลี่ยนมาขับ SUV ช่วงแรกอาจจะไม่ชิน แต่ผ่านไปสักพักก็จะไม่รู้สึกว่าแปลกแต่อย่างใด

Inside 7/10 : Luxury, Comfortable but a little complicated

ไม่ใช่ว่าไม่ดี ภายในของ GLC นั้นกว้างขวาง หรูหรา สวยงาม แผงคอนโซลลายไม้ ปุ่มฟังก์ชั่นทุกอย่างเหมือนใน C-class W205 เบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO นั่งสบาย ไฟ Ambient เพิ่มลูกเล่นให้รถไม่น่าเบื่อ และ Interface ปรับตั้งค่ารถยนต์ที่ออกแบบได้สวยงาม ให้ความรู้สึกดีเมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร แต่เนื่องจาก GLC คันที่เรายืมมาขับนั้น มี option หลายอย่างที่ใส่มาให้ไม่ครบ อย่างเช่น Air Balance ฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร, ระบบ Navigation system ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นนี้ แต่ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาในรถสำหรับ Review คันนี้ ก็เลยไม่ได้ทดลองใช้งานอย่างเต็มที่

สิ่งที่เรารู้สึกขัดใจคือก้านเปิดปิดไฟเลี้ยว และควบคุมที่ปัดน้ำฝน ซึ่งรวมอยู่ด้วยกัน แต่วางตำแหน่งอยู่ใต้ก้าน Cruise Control จากเดิมที่อยู่บน ใน W204 ทำให้เราพลาดไปกดโดน Cruise Control เมื่อต้องการเปิดไฟเลี้ยวอยู่หลายครั้ง รวมถึงก้านเกียร์ที่อยู่ด้านขวาของพวกมาลัย ซึ่งคนที่ย้ายมาจากรถญี่ปุ่นอาจต้องตั้งสติกันให้ดีมากเป็นพิเศษ

อีกจุดคือการตอบสนองของ Interface ที่ตอบสนองค่อนข้างช้า (อารมณ์เหมือนคอม lag ยังไงยังงั้น) ซึ่งในรถราคานี้ น่าจะตอบสนองได้รวดเร็วกว่านี้ ส่วนการใช้งาน Touch Pad Operation ก็สะดวกดี แต่มีหลายจังหวะที่สั่งงานผิดพลาด ต้องมีควานหาปุ่มเพื่อหมุนหรือกดกันอยู่บ้าง และต้องใช้ระยะเวลาสักพักในการสร้างความคุ้นเคย เพื่อใช้งานแผงฟังก์ชันรอบ ๆ อย่างคล่องแคล่ว แต่สำหรับคนที่คุ้นเคยกับ Mercedes-Benz generation นี้ดีแล้วไม่น่าจะมีปัญหาตรงนี้

UNLOCKMEN says 7.5/10 : Great Choice of SUV if 3 million+ Baht is not a problem

“ไม่อยากคืนเลยเว้ย” นี่คือคำพูดที่เราอุทานเมื่อมือถือมี notification เตือนว่าถึงเวลาต้องคืน GLC คันนี้ให้กับทาง Mercedes-Benz Thailand แล้ว เพราะมันเป็นรถ Compact SUV ที่ขับง่าย คล่องแคล่ว และมันส์มากเท่าที่เคยขับมา การประหยัดน้ำมัน การเข้าโค้งของ 4MATIC ความหรูหราที่เป็นจุดเด่นของ Benz generation นี้ สร้างความภูมิใจให้เจ้าของได้ไม่ยาก ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ เรารู้สึกว่าได้รับความสำคัญมากขึ้น ได้รับความสะดวกสบายในการหาที่จอดรถตามห้าง ตามตึก มากขึ้นกว่าตอนขับ C-class W204 ในชีวิตประจำวันมากอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งถ้าให้เทียบสเปคกับตัวเลือก SUV เท่าที่มีในตลาดตอนนี้ ถ้าเรามีเงินสำหรับซื้อรถประมาณ 3 ล้านบาทโดยไม่ลำบากเงินในบัญชี Mercedes-Benz GLC 250d 4MATIC OFF-ROAD ตัวเริ่มต้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เมื่อเทียบกับสเปค สิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้ เป็นรถที่ให้ประสบการณ์ที่ดีมากจนเราอยากได้มาครอบครองจริง ๆ

เอาเป็นว่าเราแนะนำให้ไปลอง GLC ก่อนตัดสินใจซื้อ SUV คันต่อไป มันเป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยทีเดียว

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line