FASHION

เยี่ยมชมร้าน V.A.C สโตร์โฉมใหม่ พร้อมแนวทางการแต่งตัวแบบฉบับ BOB VAC

By: Thada July 28, 2017

หากพูดถึงร้านขายสินค้าแฟชั่นที่เรียกว่า retailer store ที่อยู่ยง และเป็นที่คุ้นเคยกันดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นสตรีทในบ้านเรา คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก Vii Athletic Club หรือ  VAC ร้านตัวแทนจำหน่ายสินค้าทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รวมถึงรองเท้าชั้นนำของประเทศไทย

ซึ่งล่าสุดพวกเขาได้มีการปรับโฉมร้านใหม่เพื่อตอบรับกับกระแสสตรีทแฟชั่นที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในบ้านเราอย่างไม่ลดละ ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมเยียนร้านในรูปโฉมใหม่ พร้อมพูดคุยกับ คุณ บ๊อบ วรากฤช วิวัฒนาเกษม เจ้าของร้าน และผู้ก่อตั้ง VAC สำหรับคนที่อาจจะรู้จัก หรือยังไม่รู้จัก VAC  พร้อมขอคำชี้แนะ และมุมมองสังคมไทยในเรื่องสไตล์การแต่งตัว

 

เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงร้านใหม่ เหตุผลเพราะอะไรทั้งที่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว?

ในส่วนของสินค้าที่ขายก็ยังคงเหมือนเดิม เป็นสินค้าแฟชั่นเป็นหลัก แต่เราจะทำร้านให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น จะทำให้ VAC เป็นร้านแบบครบวงจร อย่างเช่น เราเป็นคนชอบอาร์ต ดีไซน์ ก็จะมีเพิ่มเติมเข้ามา ดังนั้นในอนาคต เราคิดว่าจะดึงแบรนด์ที่มีดีไซน์ซึ่งจะเป็นอะไรก็เช่น แก้ว หมอน เข้ามาขายมากขึ้น

อย่างนั้นคุณ บ๊อบ จะมีวิธีนำสินค้าเข้ามาขายยังไง?

คือหลัก ๆ เราก็จะดู identity ของสินค้าว่าต้องเป็นแบรนด์ที่ชัดเจนในเรื่องของ value คือเราจะไม่เอาพวกแบรนด์ที่แบบเกาะกระแสขึ้นมาแล้วประเดี๋ยวประด๋าว แล้วแป๊ปเดียวก็จะตายจากไป เพราะว่า brand identity เขาไม่ชัด แล้วเราก็จะดูในเรื่องของราคาที่มันไม่ได้แพงมาก เราจะเน้นของที่เข้าถึงง่ายแล้วก็ราคาดีเหมาะสมกับคนไทย

จากที่เราเดินดูเหมือนว่าจะมีการเน้นที่ตัวแบรนด์ VAC มากขึ้นด้วย?

จริง ๆ เราทำของแบรนด์ตัวเองตั้งแต่เปิดร้านแล้ว แต่เราไม่ได้ปูทางมาอย่างชัดเจนขนาดนี้ อาจด้วยเพราะชื่อร้าน และดีไซน์โลโก้ในเริ่มแรกเรามองว่าตัวโลโก้ของร้านเนี่ย มันไม่เหมาะกับการที่เอามาทำแบบลายโลโก้เสื้อผ้า

ก็ทำให้มีการดีไซน์ใหม่ในสองปีที่ผ่านมา  ประจวบเหมาะกับแผนที่ต้องการทำร้านใหม่เผื่อว่าอนาคตเรามีโปรเจคที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวเนื่องกับแบรนด์เราก็ได้

สินค้าที่ผ่าน ๆ มา รวมถึงในปัจจุบันของ VAC คุณบ๊อบเป็นผู้ออกแบบเลยหรือเปล่า?

โดยตัวผมเองจะเป็นคนไกด์ไลน์ คิดคอนเซ็ปต์ และดูภาพรวมทุกอย่าง บางทีถ้าจะเจาะอย่างอื่นก็จะลงไปดูเอง แต่ส่วนใหญ่จะมีทีมที่เป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ หรืออาร์ตไดเรคเตอร์ที่คอยช่วยหนุนจนออกมาเป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้า

ขอถามแทนคนที่อาจจะยังไม่รู้จัก VAC สักหน่อยว่าจริง ๆ แล้ว VAC เกิดขึ้นเพราะเหตุใด?

ก่อนหน้านี้ผมทำงานอยู่ที่ Nike Thailand ซึ่งทำหน้าที่หลากหลายอย่างมาก พอทำมาสักประมาณ 4-5 ปี ผมเริ่มอินกับแบรนด์มาก เลยถามไปยัง Country Director ว่า ถ้าผมยังเป็นพนักงานของ Nike อยู่จะเปิดร้านรองเท้าเป็นของตัวเองได้ไหม เขาตอบกลับมาไม่อนุญาติ

เราก็มาคิดว่าทำไมในเมืองไทยไม่มีร้านรองเท้าแฟชั่นที่ใหญ่ ๆ แบบที่เมืองนอก ในสมัยนั้นเต็มที่ก็มีร้านขายรองเท้าด้วยขนาดประมาณ 20 ตารางเมตร และขายเพียงไม่กี่แบรนด์ เรารู้สึกว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ ร้านรองเท้ามันก็ควรจะมีหลายแบบหลายแบรนด์ไม่ใช่แค่แบรนด์เดียว จึงมาเปิดร้านเรียกว่าร้านรองเท้าร้านแรก ๆ ที่มีขนาด 200 ตารางเมตร และเลือกขายมากกว่าหนึ่งแบรนด์

ส่วนชื่อ Vii Athletic Club โดย Vii มาจากชื่อและนามสกุลของผม Athletic ก็จะมีความเป็นกีฬาซึ่งรองเท้าแฟชั่นที่เราเห็นอยู่ทั้งหมดเนี่ย มันเคยเป็นรองเท้ากีฬามาก่อนทั้งนั้น Club เราอยากมันเป็นสถานที่สนุกสนาน เป็นชุนนุมที่คนมารวมตัวกัน

เป้าหมายอนาคตของร้านเป็นอะไรบ้าง?

เป้าหมายในอนาคตคิดว่าอยากทำให้ทุกอย่างมันชัดเจนคือตอนนี้โลกของเราคือ  VAC เป็นมากกว่าแค่ร้าน ๆ หนึ่ง เพราะฉะนั้นที่เราบอกไป เราต้องการเติมเต็มทุกส่วนของ คน ๆ หนึ่งที่จะเดินเข้ามาในร้านของเรา

อย่างเช่น ที่บอกไปคือเราเองก็มีความชอบหลายอย่างไม่ใช่แค่แฟชั่น ดังนั้นอนาคตพอลูกค้าเดินเข้าร้านมาก็จะเจออะไรที่หลากหลายไม่ใช่แค่รองเท้า หรือเสื้อผ้าอีกต่อไป เราอยากจะเติมเต็มประสบการณ์ตรงนี้ ให้รู้สึกเหมือนเดินเข้าห้างเล็ก ๆ ที่มีขายของทุกอย่างที่ เจ้าของร้านได้คัดสรรเลือกแบรนด์ที่มีความพิเศษเหล่านี้มาให้กับลูกค้า

ที่คุณ บ๊อบ เปิดร้านขายสินค้าแฟชั่น เพราะสนใจในเรื่องการแต่งตัวด้วยหรือเปล่า?

ผมเริ่มชอบการแต่งตัว จากการชอบรองเท้าก่อน เรามีรองเท้าผ้าใบอยู่หลายคู่ เริ่มรู้จักรองเท้าผ้าใบหลาย ๆ แบรนด์ พอเราได้ไปรู้จักกับมัน เราก็ต้องหาวิธีเพื่อแต่งตัวให้มันเข้ากับตัวรองเท้าที่มีอยู่ ก็เลยเริ่มชอบคิดว่าน่าจะเป็นช่วงอายุประมาน  .2 ขึ้นม.3 ที่สนใจเรื่องแต่งตัวแบบจริงจัง 

ถ้างั้นพอจะจำได้ไหมว่า รองเท้าคู่แรกที่ซื้อด้วยเงินตัวเองคือยี่ห้ออะไร?

ที่ชอบคู่แรก ๆ และซื้อเองก็จะเป็น dada royal classic ซึ่งตอนนี้คงไม่น่าจะมีขายแล้วมั้ง เป็นสายทางเลือกมากว่า ไม่ใช่สาย mass 

เกี่ยวมั้ยครับที่พี่ไปอยู่ต่างประเทศเลยซึมซับพวกวัฒนธรรมการแต่งตัวมาด้วย?

มันคือการเปิดโลกมากกว่า คืออย่างที่ผมไปมาตอน ม.3 ก็น่าจะประมานเกือบ 20 ปีที่แล้ว  ซึ่งยังจำได้ว่าความรู้สึกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ช็อปรองเท้าในบ้านเขาเอาจริง ๆ ผมยังคิดว่ามันน่าจะดีกว่าบ้านเราในตอนนี้ด้วยซ้ำ ผ่านมา 20 ปี บ้านเรายังสู้เขาไม่ได้เลยในแง่ของความหลากหลาย

ที่นู่นอะมันมีทุกแบรนด์จริง ๆ ตั้งแต่ Kswiss , adidas ,  Nike ,  Reebok ,  New Balance ,  Puma และก็อีกหลาย ๆ แบรนด์ แต่ว่าของเรามันไม่มีอะไรเลย มีแต่ Nike , adidas แค่นั้น เพิ่งจะไม่กี่ปีมานี้ที่บ้านเราเริ่มมีแบรนด์แปลก ๆ เข้ามาขาย ทำให้เรารู้สึกเปิดโลกไม่ต้องยึดติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง

ถ้าสมมุติมีลูกค้าท่านหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน แล้วขอคำแนะนำจาก คุณ บ๊อบ ในเรื่องของการแต่งตัว คุณ บ๊อบ จะแนะนำเขากลับไปว่าอย่างไร?

ผมคงจะถามเขาเรื่องไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตของเขาก่อน คือผมจะไม่บอกว่าอันนี้มันดีที่สุด เพราะไม่มีอันไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน ตัวอย่างเช่นรองเท้าวิ่งรองเท้าบาสอะ เวลาเราซื้อเราก็ต้องดูว่าลักษณะรองเท้าตัวเองเป็นแบบไหน เหมือนกันเราจะแต่งตัวแฟชั่น เราก็จะถามเขาก่อนว่ามีอะไรที่ชอบ เป็นคนขี้ร้อนหรือเปล่า เป็นคนง่ายเป็นคนเยอะ อะไรอย่างเงี้ย ก็ถามความชอบส่วนตัวแล้วก็ค่อยแนะนำต่อไป 

แล้วอย่างนั้นไอเทมอะไรที่ควรคิดถึงเป็นอันดับแรก? 

มันอยู่ที่โจทย์ของแต่ละคนที่ต้องแก้ เช่นถ้าเราเป็นคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วน ก่อนอื่นก็ต้องหาวิธีที่ทำให้เขาดูเหมาะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องทรงกางเกง หรือทรงรองเท้า แล้วก็ทรงเสื้อที่มาปกปิดตรงจุดนี้ 

หรือถ้าแบบเราเป็นคนปกติไม่ค่อยมีอะไร  ก็ดูที่ความชอบเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่เข้ามาร้านแนวสตรีทแวร์ จะเลือกแต่รองเท้าเป็นอันดับแรกเพราะว่าเป็นไอเทมที่เหมือนเด่นที่สุด เราก็จะดูรองเท้าประเภท Air Force , Stan Smith เริ่มจากต้น แล้วค่อย ๆ เลือกไอเทมอื่นให้มาเข้ากับตัวรองเท้า

คิดว่าเกี่ยวไหมที่บ้านเราอากาศค่อนข้างร้อน ทำให้คนไม่ค่อยแต่งตัว?

ก็มีส่วนนะ สมมุติเป็นพวกพนักงานออฟฟิศเนี่ย กลุ่มนี้ถือว่าโชคดีเพราะว่ามันสามารถแต่งหล่อได้ในระดับหนึ่ง เขามีช่วงเวลาร้อนแค่ในตอนเช้าที่เหลือทั้งวันก็อยู่ในห้องแอร์ก็สามารถสวมแจ็คเก็ต หรือ สเวตเตอร์ได้บ้าง

แต่อย่างเช่น VAC เราก็พยายามทำเสื้อผ้าที่มีเลเยอร์ เหมาะสำหรับคนขี้ร้อน แต่ยังชอบแต่งตัวได้ และก็มีอีกหลากหลายในแบรนด์ในปัจจุบัน

แล้วคุณ บ๊อบ เคยทำงบประมานในการแต่งตัว ตัวอย่างเช่นแบบอันนี้มันแพงเกินไปไม่ซื้อบ้างไหม?

ส่วนใหญ่ผมเป็นคนไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้าอยู่แล้วเพราะว่าพอเราทำเรื่องเสื้อผ้า แล้วเรารู้เลยว่าต้นทุนมันเป็นยังไง พอมาจับเนื้อแล้วทำใจไม่ได้ถ้าต้องมาซื้อของที่ไม่คุ้มราคา ดังนั้นเราก็จะมีงบของเราอยู่แล้วว่าถ้าเป็นเสื้อยืดไม่เกินเท่าไหร่ ถ้าเป็นรองเท้าจะยอมจ่ายมากหน่อยเพราะว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า

มีของสะสมที่มีคุณค่าทางจิตใจกับ คุณ บ๊อบ 

ก็หลัก ๆ เลือกมาสามอย่าง เลือกรองเท้ามาแค่รุ่นเดียว ซึ่งจริง ๆ มันมีหลายรุ่นแหละ

อันนี้จะเป็น Nike  Air Jordan ที่ทำกับการ์ตูน Slamdunk ซึ่งตัวนี้หาค่อนข้างยาก แล้วก็คือไม่คิดเลยแหละว่า Nike จะทำกับ slamdunk เพราะว่า เท่าที่พผมรู้มา แบรนด์ Nike ไม่เคยร่วมงานกับ คนวาดการ์ตูน manga การ์ตูนญี่ปุ่น

ซึ่งสำหรับคนในยุคผม Slamdunk ถือว่าเป็นการ์ตูนที่จะดังมาก ๆ คนส่วนใหญ่มาเล่นบาสเพราะการ์ตูนเรื่องนี้ รวมถึงตัวผมแล้วส่วนตัวก็เป็นแฟนของอาจารย์อยู่แล้วด้วย เค้าวาดสวยมาก

ชิ้นที่สองนี้เป็นเสื้อที่ได้พี่ตั้ม mamafaka ศิลปินสตรีทอาร์ตชื่อดังของไทยที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาได้ออกแบบมาให้ร้าน VAC ซึ่งตอนนั้นเราทำออกมาเป็นตัวพิเศษที่ทำการเปิดตัว Air jordan 1  ‘Chicago’ ตัวนี้ผมได้ให้พี่ตั้มเซ็นไว้แล้วก็มาใส่กรอบเพราะว่ามันคงหาไม่ได้แล้ว

ส่วนอันสุดท้ายก็จะเป็นหนังสือ คอลเล็คเตอร์ ไอเทม สำหรับการ์ตูนวันพีซซึ่งที่คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จัก หรือไม่ก็เคยอ่าน หนังสือเล่มนี้เป็นของอาจารย์ โอดะ ที่เหมือนเป็นต้นฉบับที่เขาวาดเลย เป็นมีรอยมาร์คว่าเคยแก้ไขตรงไหน หรือว่าทางกองบกบอกว่ามีตรงไหนต้องแก้ และก็ขยายใหญ่เป็นภาพสี รู้สึกว่าจะเป็นตอนแรกจะชื่อ romance dawn ก่อนที่มาเป็นตัววันพีซ ถือว่าเป็นชิ้นที่มีคุณค่ากับจิตใจมาก

อยากถามความเห็น คุณ บ๊อบ หน่อยว่ารู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนกับว่าผู้ชายหันมาแต่งตัวกันมากขึ้น?

ถ้าเทียบในแง่ของเรื่อง sneakers  ก็ต้องบอกว่าคนให้ความสนใจขึ้นเยอะถ้าเทียบกับเมื่อก่อน มันเป็นเรื่องปกติไปละที่พนักงานออฟฟิศจะใส่รองเท้าผ้าใบไปทำงานได้  แต่ถ้าเทียบในแง่ของการแต่งตัว ส่วนตัวไม่ได้คิดว่ามันต่างจากเมื่อก่อนนะ คือคนก็ยังแต่งตัวไม่เป็นเหมือนเดิม ก็ยังคงแต่งตัวแบบคนหมู่มาก ตามกระแสกันไปเรื่อย ๆ  ตรงนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเด็กสมัยใหม่ หรือคนสมัยก่อนมันไม่ต่างจากเดิม

ที่บอกว่า ตามกระแสไปเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากเดิม มันคืออย่างไร?

เหมือนเมื่อสัก 5 –ปีก่อนที่ผมเปิดร้าน VAC สิ่งที่เจอคือวัยรุ่น หรือวัยทำงานก็แล้วแต่ เดินมาสิบคน จะแต่งตัวเหมือนกันไปสะ 8 ใน 10 ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ผ้าดิบ รองเท้า converse 

พอมาสมัยนี้ลองดูสิมองไปทางไหนก็เจอรองเท้า  NMD , Yeezy  กางเกงยีนขาด ๆ และก็เสื้อโอเวอร์ไซส์ Anti Social ก็จะเป็นประมานนี้ ถึงบอกว่าสุดท้ายสิ่งที่เปลี่ยนคือเทรนด์ แต่พฤติกรรมของผู้ชายคนไทยยังติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม พออะไรฮิตก็แห่ไปตามเขา โดยไม่ได้รู้มันเหมาะกับตัวเองหรือเปล่า 

สุดท้าย หาก คุณ บ๊อบ สามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมนี้ได้จะเปลี่ยนอย่างไร หรือจะบอกอะไรกับพวกเขา?

บอกให้เป็นตัวของตัวเองคือสิ่งที่พวกเราทำกัน  คนที่รู้คนที่เป็นมันไม่ใช่ มันไม่ได้เป็นของจริง การที่คน ๆ หนึ่งสามารถซื้อรองเท้า adidas หรือรุ่นอะไรก็แล้วแต่คู่ละสองหมื่นถึงแสนได้ มันไม่ได้หมายความว่าคุณกลายแต่งตัวดี หรือเท่ขึ้นเลย  

หากคุณมีปัญญาซื้อ แต่ไม่มีปัญญาแต่งให้มันเข้ากับสิ่งที่คุณมี คนอื่นมองก็ไม่รู้คุณค่าของมันนอกจากสิ่งที่คุณใช้เพื่อโอ้อวดความรวยของตัวเอง  เพราะฉะนั้นบางทีพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร คุณค่ามันคืออะไร ชอบหรือเปล่าก็ยังไม่รู้

แต่เห็นมันแพงดี เพื่อนมี  ก็ขอตังแม่ไปซื้อ แล้วก็มาทับถมกันด้วยราคาของมากกว่าจะเป็นเรื่องสไตล์ แทนที่การแต่งตัวจะเป็นการแต่งเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเอง  ยุคนี้มันยุคที่เถียงกันด้วยมูลค่าของวัตถุไปแล้ว

และนี่ก็เป็นไอเดียมุมมอง ผ่านความคิดของ คุณ บ๊อบ วรากฤช วิวัฒนาเกษม รวมถึงอนาคตของร้าน VAC ที่ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของ retailer store ในเมืองไทย เพราะผู้บริโภคจะรู้สึกมีความสนุก มากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้าเพื่อมาแมทช์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของตัวเอง

สำหรับใครที่สนใจอยากเข้าไปช็อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าที่ VAC ร้านตั้งอยู่ที่ สยามสแควร์ ซอย 1  และอีก 4 สาขาทั่วกรุงเทพ หรือสามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 092-419-6442 อีกทั้งสามารถสั่งออนไลน์ได้ที่ Facebook : vacbkkth และเว็บไซต์ www.vacthailand.com

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line