Entertainment

Villain with Love – Derek Vinyard แห่ง American History X วายร้ายกลับใจในสังคมนีโอ-นาซี

By: Chaipohn October 2, 2021

ในค่ำคืนดึกสงัด ขณะที่คนอื่นกำลังหลับไหล และบางคู่กำลังระเริงรักอันเร่าร้อนบนเตียงนอน เสียงแห่งความน่าสงสัยด้านนอกปลุกให้ทั้ง Derek และ Danny พี่น้องต้องหยุดภารกิจทุกอย่าง เพื่อออกมาพบแก๊งทรชนผิวดำที่กำลังจะขโมยรถของเขา

Derek พี่ชายที่อยู่ในขุดกางเกงบ็อกเซอร์สีขาวเพียงตัวเดียว กับท่อนบนอันเปลือยเปล่าเผยให้เห็นรอยสักสัญลักษณ์สวัสดิกะตรงอกข้างซ้าย เขามาพร้อมปืนพกคู่ใจ จัดการยิงโจรผู้เคราะห์ร้ายจนหมดแม็ก และ 1 ใน 3 นอนหายใจรวยรินอยู่หน้าบ้าน

Derek สั่งให้ชายผิวดำคนนั้นเอาปากแนบกับฟุตบาท ชายผู้นั้นยอมทำตามแต่โดยดี แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา Derek ได้จัดการกระทืบหน้าอย่างไม่ยั้ง ชายผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นตายคาที Derek ถูกตำรวจจับกุมทันที สีหน้าของเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงความผิดที่เขาได้ก่อเอาไว้ ตรงกันข้ามเขากลับสะใจที่ได้ส่งพวกไอ้มืดตายอย่างสาสมใจ

นี่คือซีนหนึ่งในหนัง American History X ที่เล่าเรื่องเพียงไม่กี่นาที แต่กลับสร้างความช็อคให้กับผู้ชมที่ได้ชมหนังเรื่องนี้อย่างจัง ฉากๆนี้ได้รับการกล่าวถึงในวงกว้างในฐานะหนังที่เล่าเรื่องราวของ “นีโอ-นาซี” ได้อย่างทรงพลัง ขณะเดียวกันก็อธิบายความเกลียดชังของคนๆหนึ่งที่มีต่อการเหยียดสีผิวได้เป็นอย่างดี

แต่ภายใต้ความรุนแรงนี้ มีหลายสิ่งที่พลิกผัน ที่นำไปสู่เรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพี่น้องคู่นี้ไปตลอดกาล เรามาทำความรู้จักกับวายร้ายในคราบนีโอ-นาซี ที่ความรุนแรงได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาจากขาวเป็นดำ จนทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในวายร้ายที่ใช้ความเกลียดชังทำลายทุกอย่างให้พินาศในพริบตา…Derek Vinyard


American History X รายงานหัวข้อเลือด

3 ปีต่อมา…Danny น้องชายของ Derek ที่กำลังเรียนอยู่ไฮสคูล ถูกอาจารย์อาจารย์ใหญ่เรียกเข้าพบ เนื่องจากการบ้านที่เขาส่งไปนั้นสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับอาจารย์สอนประวัติศาสตร์อย่างมาก เพราะการบ้านที่เขาส่งไปนั้นคือการบูชาฮิตเลอร์อย่างออกนอกหน้า

3 ปีหลังจากพี่ชายติดคุก น้องชายกลับเดินตามรอยพี่ชายอย่างไม่ผิดเพี้ยน จนอาจารย์ใหญ่ต้องเรียกเขามาเตือนสติเนื่องจาก Danny น้องชายของ Derek นั้นกำลังมีพฤติกรรมที่เลียนแบบพี่ชายของเขาไปติดๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยสักเล็กๆตรงแขน ไปจนถึงการโกนหัวในแบบนีโอ-นาซี อาจารย์ใหญ่ที่รู้จักกับพี่ชายของ Danny ต้องการตัดไฟแต่ต้นลม จึงสั่ง Danny ให้กลับไปเขียนเรียงความใหม่ โดยหัวข้อที่เขียนคราวนี้คือเรื่องราวของพี่ชายของเขานั่นเอง เนื่องจากวันนี้พี่ชายของเขากำลังได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจองจำมาอย่างยาวนาน


ความสูญเสีย นำมาสู่การเปลี่ยนแปลง

ก่อนหน้านี้ Derek ไม่ใช่คนจิตใจโหดเหี้ยม เขาเป็นพี่ชายคนโตที่เป็นความหวังของคนในครอบครัว เป็นลูกที่ดีของพ่อและแม่ จนกระทั่งทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อผู้เป็นพ่อของทั้ง 2 ที่เป็นพนักงานดับเพลิง ถูกพ่อค้ายาชาวแอฟริกัน-อเมริกายิงตายระหว่างที่เขาพบเห็นการลอบวางเพลิง

ความเศร้าโศกเสียใจของ Derek แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นชิงชัง เขาได้รับการปลุกปั่นจาก Cameron Alexander ที่นำพาเขาสู่ด้านมืดด้วยการยุยงปลุกปั่นให้เกลียดคนเชื้อสายอื่นๆ และพาเข้ากลุ่ม Disciples of Christ หรือ D.O.C. แกีงนีโอนาซีที่พร้อมทำลายคนเชื้อชาติอื่นด้วยความรุนแรง Derek ไม่รอช้าที่จะเข้ากลุ่ม เขาไถผมเป็นสกินเอด และสักเต็มเนื้อเต็มตัวเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นปีศาจที่หวงแหนในชาติพันธุ์ของตนเองทันที

และด้วยความเป็นคนเลือดร้อนทำให้ Derek ไต่ระดับจนกลายเป็นหัวหน้าสายเพียงในเวลาไม่นาน เขารวบรวมไพร่พลสกินเฮดมากมายในย่านเวนิชบีช และพร้อมทำลายและทำร้ายคนที่แตกต่างทั้งเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนดำ คนเอเชีย หรือละตินอเมริกา พร้อมกับโทษว่าทุกวันนี้ที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยอาชญากรรมก็เพราะไอ้พวกผิวสีพวกนี้

และยิ่งอำนาจได้มาง่ายดาย Derek ก็ยิ่งลำพองตน เขาพาพวกไปบุกทำลายซูเปอร์มาร์เก็ตที่จ้างคนผิวสีมาทำงาน พร้อมทั้งท้าทายทีมบาสผิวดำ และการวางเดิมพันด้วยสนามใครแพ้ห้ามมาเหยียบสนามนั้นอีก ผลของการแข่งในวันนั้นคือพวกของ Derek คว้าชัยชนะ แต่ก็เป็นจุดหักเหที่พาให้เขาต้องข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนานั่นเอง


ก่อนที่เราจะไปตามติดชีวิตของ Derek เรามาทำความรู้จัก “นีโอ-นาซี” ให้ถ่องแท้กันก่อน

นีโอ-นาซี แก๊งโฉดที่กีดขวางเชื้อชาติด้วยความรุนแรง

หลายคนน่าจะรู้จักนาซี ระบอบสังคมนิยมของชาวเยอรมัน ที่มีอุดมการณ์อันแรงกล้า มีความมั่นใจในความเป็นอารยะของตนเอง กลุ่มนาซีที่นำโดย Adolf Hitler มีบทบาทสำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในการกวาดต้อนและเข่นฆ่าชาวยิวนับล้านด้วยข้อหาที่เป็นภัยต่อเชื้อชาติของพวกเขา ความเหี้ยมโหดของกลุ่มนาซีที่นำขบวนโดยฮิตเลอร์นั้นคงไม่ต้องสาธยายให้มากความ จนในที่สุดกลุ่มนาซีเก่าก็ล่มสลายไปพร้อมความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งนั้น

หากแต่ความเกลียดชังนั้นกลับได้ทิ้งเชื้อไว้ให้กับรุ่นหลัง จากนายทหารเยอรมันที่รอดชีวิตที่ฝังความคิดเกลียดชังส่งต่อให้รุ่นหลัง โดยริเริ่มจากประเทศเยอรมัน ก่อนจะกระจายไปยังประเทศต่างๆ และลามเป็นองค์กรใต้ดินทั่วโลก โดยแต่ละที่ต่างน้อมนำแนวคิดของฮิตเลอร์ และเปลี่ยนแปลงกฏไปตามภูมิภาคของตน หากแต่กฏข้อเดียวที่คล้ายกันคือการยกตนเป็นใหญ่ และจัดการปัญหาด้วยความรุนแรงสุดขั้ว จนกลายร่างในชื่อ Neo-Nazi นั่นเอง

โดยที่อเมริกานั้นนีโอ-นาซีนั้นก็ไม่ต่างกับกลุ่ม KKK หรือ Ku Klux Klan กลุ่มขวาจัดที่ไล่ล่าและเข่นฆ่าชาวผิวดำในยุคเก่าก่อน แต่เพราะอเมริกานั้นคือดินแดนแห่งเสรีภาพที่เป็นศูนย์รวมของผู้คนหลายเชื้อชาติ นีโอ-นาซีในอเมริกาจึงแทบจะหลอมรวมความเกลียดชังในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเชิดชูชาวผิวขาวเป็นใหญ่ และเกลียดชังทุกเชื้อชาติที่ไม่ใช่ผิวขาว ลามไปถึงการรังเกียจเพศที่ 3 โดยพวกนีโอ-นาซีได้สร้างสังคมของตนผ่านการไถหัวทรงสกินเฮด / สักเต็มเต็วโดยในรอยสักนั้นมักแฝงสัญลักษณ์ของนาซีฮิตเลอร์เอาไว้ บางแห่งก็จัดตั้งวง Neo-Nazi Punk เป็นของตัวเองเลยก็มี

แม้ยุคปัจจุบันจะเป็นยุคแห่งความเท่าเทียม แต่ทุกวันนี้ กลุ่มนีโอ-นาซีก็ยังไม่หายไปไหน ยังคงอยู่ในมุมมืดเพื่อคงไว้ซึ่งนโยบายถือมั่นและเชิดชูในตัวตนอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย และรอเวลาทำลายล้างตามโอกาสจะสมควร และตัวละครอย่าง Derek ก็สะท้อนภาพของนีโอ-นาซี


คุกที่เปลี่ยนแปลงชีวิต

จนเมื่อ Derek ใช้ชีวิตในคุกจนครบ 3 ปี เขาได้ออกมาพร้อมตัวตนที่เปลี่ยนแปลงไป เขาใจเย็นขึ้น ไว้ผมทรงปกติ และพยายามที่จะกันไม่ให้น้องชายของตนเดินตามเส้นทางสายมรณะที่เขาเคยเดิน น้องชาย, แฟนสาว และเพื่อนๆไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มผู้เกรี้ยวกราดที่เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของเหล่า D.O.C. ทำไมตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนละคน เขาไม่อธิบายให้ใครฟังนอกจากนอกชายของเขาถึงเรื่องราวในคุกที่เต็มไปด้วยความกดดันและเจ็บปวด

ในคุกนั้นแทบไม่ต่างกันกับข้างนอกที่เขาอยู่ มันเต็มไปด้วยก๊วนแก๊งหลายเชื้อชาติ กลุ่มก้อนของเขาเองก็มีเช่นกัน เมื่อเขาถอดเสื้อออกมาพบสัญลักษณ์สวัสดิกะ ซึ่งไม่ยากเย็นนักในการรวมกลุ่มก้อนคนที่มีแนวคิดเดียวกันกับเขา แต่เมื่อเขาได้พบว่าอุดมการณ์ของกลุ่มสกินเฮดในคุกนั้นสวนทาง เขาก็เลือกเดินจากมา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้รับบทเรียนอันแสนสาสม

และคนดำที่เขาเคยตั้งแง่รังเกียจ กลับหยิบยื่นมิตรภาพให้กับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ


นีโอ-นาซี เข้าแล้วออกยาก เพราะมันอาจแลกด้วยชีวิต

ดังที่กล่าวไว้ว่า ความเกลียดชังที่ฝังรากมานานนับศตวรรษ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่ใครสักคนจะหันหลังให้กับวงการ หาก Derek ไม่รับบทเรียนอันแสนเจ็บปวด เขาอาจจะออกมาก่อกรรมทำเข็ญเหมือนเช่นที่เคยได้ทำในครั้งก่อนนั้น แต่เมื่อเขาได้รับรู้ถึงผลร้ายที่กัดกินเขา และปัศาจกำลังครอบงำน้องชายของเขาให้เดินตามเส้นทางของเขา สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือหยุดวงจรอันโหดเหี้ยมนี้ แม้จะโค่นล้มไม่ได้ แต่น้องชายของเขาต้องไม่ลงเอยในคุกเหมือนกันกับเขา

ฉันไม่เสียใจนะ ฉันโชคดีต่างหาก…โชคดีเพราะว่ามันผิด

Danny มันผิด…มันเผาจิตใจฉัน เหมือนจะฆ่าฉันให้ตาย

แล้วฉันก็เฝ้าถามตัวเองตลอดเวลา ว่าฉันมัวแต่จมปรักกับเรื่องนี้ได้อย่างไร

มันแค่เพราะฉันบันดาลโทสะ และสิ่งที่ฉันทำ มันลบล้างความรู้สึกนั้นไม่ได้

ฉันฆ่าคนไป 2 คน มันไม่ได้ทำให้รู้สึกเปลี่ยนไปเลย

ยิ่งทำให้หลงทาง มันไม่ได้ทำให้รู้สึกเปลี่ยนไปเลย

ฉันเบื่อเต็มที ฉันจะไม่สอนให้นายทำอะไร…รับรองว่าไม่

แต่ฉันอยากให้นายเข้าใจ…เพราะฉันรักนายมากที่สุด…เข้าใจหรือเปล่า ?

อาจจะเป็นการเหมารวมไปสักหน่อย หากจะบอกว่าตัวละคร Derek ที่รับบทโดย Edward Norton นั้น คือวายร้าย แต่ตัวละครตัวนี้ สะท้อนภาพของ “ปีศาจ” ในคราบของมนุษย์ที่ขับเคลื่อนจากความเกลียดชังได้อย่างดีที่สุด หนังแบ่งออกเป็น 2 ส่วนอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนแรกคือเหตุการณ์ปัจจุบันที่เล่าผ่านการเสนอเป็นภาพสีสันแบบปกติ อีกส่วนคือการเล่าผ่านเรื่องราวในอดีตที่ให้เห็นเป็นภาพขาว-ดำ เพื่อขับให้เห็นด้านมืดที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นปีศาจได้อย่างเหี้ยมโหด ขณะเดียวกันก็สะท้อนได้ว่า ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น คนทุกคนสามารถเปลี่ยนเป็นแบบ Derek ได้ง่ายดาย เมื่อคุณปล่อยให้ความอาฆาตกัดกินตัวคุณจนไม่เหลือซาก และเมื่อทุกอย่างสายเกินไป คุณอาจจะไม่สามารถกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีได้ และความเกลียดชังไม่เพียงแค่ทำลายตัวคุณ แต่คนใกล้ชิดอาจจะรับเคราะห์ไปด้วย

American History X ปิดฉากได้อย่างสะเทือนอารมณ์ เพื่อบอกเล่าถึงวงจรแห่งความโกรธแค้นชิงชัง นั้นจบลงได้เมื่อเราเลือกที่จะหยุดมันและปล่อยวาง ดังเช่นย่อหน้าสุดท้ายในรายงานที่น้องชายของเขาเขียนเอาไว้…

เราไม่ใช่ศัตรู…แต่เราเป็นเพื่อน…ต้องไม่เป็นศัตรูกัน

แม้ความชอบจะจืดจาง

แต่ไม่อาจทำลายสายสัมพันธ์ของเรา

เส้นสายแห่งความทรงจำ

จะฟื้นเมื่อโดนสัมผัส

แน่นอน ทุกอย่างจะดี

เมื่อธรรมชาติของเราดำเนินไปถูกทิศทาง

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line