Films

VILLAINS WITH LOVE วายร้ายที่รัก HANNIBAL LECTER ความอำมหิตที่ไม่เคยเงียบมากว่า 40 ปี 

By: unlockmen March 1, 2021

เจ้าหน้าที่สาวค่อย ๆ เดินเข้าไปยังห้องขังที่คราคร่ำไปด้วยนักโทษคดีพิสดารมากมาย แต่ในห้องที่ลึกที่สุดกลับกักขังผู้ชายที่อันตรายที่สุดเอาไว้ในห้องนิรภัยที่มีล็อกไว้อย่างแน่นหนา ยิ่งเธอค่อย ๆ เดินเข้าไป รังสีอำมหิตก็ค่อย ๆ แผ่ซ่านคืบคลานมาใกล้ จนเธอเดินไปยังจุดหมาย เพียงแค่สายตาของเขาที่จับจ้องมา ก็จู่โจมจนเธอชะงักงัน ทั้ง ๆ ที่มีกระจกนิรภัยอันหนาแน่นกั้น แต่สัมผัสได้ถึงการคุกคามจนยากที่ขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้

แววตาอันแข็งกร้าวภายใต้น้ำเสียงอันทุ้มนุ่มลึกนี้ สร้างความหวาดกลัวให้กับนักอ่านและคอหนังมาแล้วถึง 4 ทศวรรษ UNLOCKMEN ขอนำคุณไปทำความรู้จักกับฆาตกรอัจฉริยะ Hannibal Lecter ที่สร้างตำนานความโหดและความเฉลียวฉลาดผ่านหนังและซีรีส์มาอย่างมากมาย เพื่อรับรู้ว่า เขาคือวายร้ายที่โลกรักที่สุดในโลกภาพยนตร์


Thomas Harris – Source Pic : The Guardian

Dr. Hannibal Lecter โลดแล่นบนหน้ากระดาษผ่านนวนิยายฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน ตั้งแต่ปี 1981 โดยผู้ประพันธ์ Thomas Harris ได้แรงบันดาลใจของฆาตกรสุดอำมหิตแต่ฉลาดเป็นกรดนี้มาจากการที่เขาได้ทำงานเป็นนักข่าวให้กับนิตยสาร Argosy และมีโอกาสได้สัมภาษณ์ฆาตกรโรคจิตรายหนึ่งที่ถูกผู้คุมยิงได้รับบาดเจ็บจากการหลบหนี ณ เรือนจำรัฐ Nuevo León

ในระหว่างที่ทำการสัมภาษณ์นั้น Thomas ก็ได้พบหมอที่ให้การรักษา Dr. Alfredo Ballí Treviño ที่ใครต่อใครในนั้นเรียกหมอคนนี้ว่า “Dr.Salazar” ชายผมแดงตัวเล็กท่าทางสุภาพคนนี้ อธิบายการรักษา รวมไปถึงการทรมานเหยื่อของฆาตกรคนนั้นเป็นฉาก ๆ ให้ Thomas ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกและมีหลักวิชาการที่น่าทึ่ง จน Thomas แปลกใจว่าหมอคนนี้ทำไมเชี่ยวชาญในด้านการอธิบายการฆาตกรรมนี้ราวกับลงมือทำเอง และแล้วปริศนาก็ไขกระจ่างจากพัศดีที่คุมขังว่า “หมอคนที่คุณให้สัมภาษณ์เมื่อสักครู่นี้ จริง ๆ หมอคนนั้นคือฆาตกรโรคจิต” ที่พื้นเพคือหมอศัลยแพทย์ที่ทำการฆ่าคนและบรรจุเหยื่อลงกล่องเล็ก ๆ ได้อย่างประณีตที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตนั่นเอง

Dr. Alfredo Ballí Treviño – Source Pic : www.mural.com.mx

ท่ามกลางความแปลกใจในบุคลิกอันลุ่มลึกของหมอคนนั้น Thomas Harris รู้สึกมีความหลังฝังใจที่ไม่อาจลบเลือน เขานำบุคลิกของหมอฆาตกรเลือดเย็นคนนี้มาเขียนในนวนิยายที่ชื่อ Red Dragon ที่ตีพิมพ์ในปี 1981 นั่นเอง โดยเขาอธิบายตัวตนของ Hannibal ในนิยายว่า “เขาต้องการสร้างตัวละครที่มีความเข้าใจในความวิปริตผิดเพี้ยนของฆาตกร ซึ่งคนที่เข้าถึงจิตใจของฆาตกรได้ ก็มีเพียงฆาตกรด้วยกันเท่านั้นแหละที่จะเข้าใจมัน”


Source Pic : Heritage Auctions

ในนิยายสืบสวนสอบสวนระทึกขวัญ Red Dragon นั้น Thomas ได้อธิบายตัวตนของ Dr. Hannibal Lecter ไว้ว่า “เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ชอบกินเหยื่อของเขา โดยเฉพาะเหล่าฆาตกรด้วยกันที่นิสัยกักขฬะหยาบคาย จนเขาได้รับการขนานนามว่า “โรบินฮู้ดแห่งฆาตกรโรคจิต” เพราะเขาชอบเลือกจัดการเหล่าฆาตกรที่ต่ำช้าด้วยการฆ่าและทำเป็นอาหารอันโอชะ”

จุดเริ่มต้นที่กลายเป็นจุดหักเหที่เปลี่ยน Hannibal ให้กลายเป็นฆาตกรโรคจิตเริ่มต้นในนิยายเล่มที่ 4 Hannibal Rising ที่เล่าเรื่องราวในวัยเด็กของเขา ในช่วงยุค 1930s เมื่อจากครอบครัวชาวลิทัวเนียอันสงบสุข แต่ความสงบก็ถูกพรากไปเมื่อทหารนาซีได้ฆ่าพ่อและแม่ เขาและน้องสาวจึงพากันหนีตาย แต่สุดท้ายก็ถูกทหารนาซีจับได้และกินน้องสาวของเขาต่อหน้าต่อตา ความสะเทือนใจในครั้งนั้นทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เขาได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อและแม่บุญธรรม ตั้งใจร่ำเรียนโดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะตามฆ่าคนที่ฆ่าน้องสาวเขา โดยศพแรกที่เขาจัดการคือคนที่ด่าทอเหยียดหยามแม่บุญธรรมของเขาที่เป็นชาวเอเชียด้วยการตัดคอ จนทำให้เขาหลงใหลในการฆ่านับแต่นั้นเป็นต้นมา
หลากหลายคาแรคเตอร์ผู้รับบทบาท Hannibal Lecter

ความแรงของนิยาย Red Dragon ทำให้ค่ายหนังติดต่อเพื่อซื้อลิขสิทธิ์มาทำหนัง จนเกิดเป็นคาแรคเตอร์อันหลากหลายจากการตีความของนักแสดงหลายคน ที่มารับบทบาทของฆาตกรอัจฉริยะนี้ เรามาดูกันว่าใครได้รับบทบาทอันน่าเกรงขามเหล่านี้กันบ้าง


 

หลายคนอาจจะรู้จัก Dr. Hannibal จากหนัง The Silence of the Lambs ที่รับบทบาทโดย Sir Anthony Hopkins แต่ก่อนที่ท่านเซอร์จะกลายเป็น Icon แห่งภาพยนตร์ที่โลกจดจำนั้น หนังของ Dr. Hannibal ที่ออกฉายเป็นเรื่องแรกก็คือ Manhunter ที่ดัดแปลงมาจากนิยาย Red Dragon และผู้ที่รับบทบาทนั้นคือ Brian Cox ที่เป็น The First Hannibal

หนังเล่าเรื่องของ Will Graham FBI ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามาโดยตลอดกับ Dr. Hannibal แม้จะจับฆาตกรโรคจิตสุดโหดได้แล้ว แต่ Will ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับภาพหลอนจาก Hannibal อยู่เสมอ จนเขาได้เจอคดีฆาตกรต่อเนื่องที่รูปแบบการฆ่านั้นสุดวิปริตด้วยการฝากรอยกัดไว้ที่เหยื่อเป็นสัญลักษณ์ ในชื่อ Tooth Fairy จนสุดท้ายเขาจึงต้องย้อนกลับไปหาคู่ปรับอย่าง Dr. Hannibal เพื่อช่วยกันสืบหาฆาตกรรายนี้ให้ได้

ในบทบาทฆาตกรอำมหิตนั้นที่ในหนังเปลี่ยนเรียกเพียงแค่ชื่อ Lecktor ที่คัดเลือกนักแสดงมากมาย สุดท้ายก็เลือก Brian Cox ที่พื้นเพใกล้เคียงกับตัวละคร และมีน้ำเสียงที่ดูน่าเกรงขามให้มารับบทบาทนี้ แม้การปรากฏตัวของ Brian จะน้อย เพราะผู้กำกับ Michael Mann ต้องการสร้างเสน่ห์ของตัวละครที่ปรากฏตัวน้อย แต่หลอกหลอนความรู้สึกคนดูทั้งเรื่อง

แม้ในตอนฉายหนังจะล้มเหลวทางรายได้ แต่หนังก็ได้รับการกล่าวขวัญถึงในภายหลัง หลังจากที่หนัง The Silence of the Lambs ออกฉาย กลายเป็นหนังคัลท์ที่คอหนังต่างขวนขวายหามาชมในรูปแบบ VDO นอกจากนั้นหนังยังได้รับการกล่าวขวัญในฐานะหนังที่ยกระดับรูปแบบของหนังระทึกขวัญสืบสวนสอบสวนในยุคหลัง ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ CSI: Crime Scene Investigation / The X-Files ไปจนถึงหนังอย่าง Seven / Copycat
แต่ถึงกระนั้น Brian Cox ก็ถูกรัศมีของ Hannibal คนต่อไปกลบจนมิดจนแทบจะเรียกได้ว่าเขาคือ Hannibal เวอร์ชั่นที่อาภัพที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์


และแล้วชื่อชั้นของ Hannibal ก็ได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะสุดยอดแห่งคาแรคเตอร์วายร้ายที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกภาพยนตร์ เมื่อ Anthony Hopkins รับบทที่เป็นที่โจษจันในฐานะสุดยอดแห่งฆาตกรที่ทำให้เขาคว้ารางวัลสูงสุดของการแสดง จากผลงานนิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องที่ 2 ของ Thomas Harris ที่ได้รับการดัดแปลงให้กลายเป็นหนัง The Silence of the Lambs ที่เล่าเรื่องของ Clarice Starling เจ้าหน้าที่ FBI สาวฝึกหัดที่ต้องร่วมมือกับฆาตกรโรคจิต Dr. Hannibal เพื่อตามล่า “Buffalo Bill” ฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าหญิงสาวและถลกหนังหัวออกมา

การฝึกหัดโดยวางโจทย์ปริศนาให้เจ้าหน้าที่ Clarice ค่อย ๆ บรรจงไขคดี ความผูกพันในฐานะผู้รักษากฏหมายกับผู้ร้าย ที่มีเพียงแผ่นกระจกกั้นกลางระหว่างบทสนทนาอันแสนแปลกประหลาดนี้ สร้างความแปลกใหม่และยกระดับหนังจนสามารถคว้ารางวัล Oscar 5 สาขาใหญ่ ๆ อันได้แก่ หนัง / ผู้กำกับ / บทดัดแปลง และ นักแสดงนำทั้งชายและหญิง ไปอย่างเหนือความคาดคิด แม้กระทั่งผู้สร้างเองก็แทบไม่ได้เตรียมใจเนื่องจากหนังตัวอย่างที่ฉายตั้งแต่ต้นปี ดูจะไม่ถูกชะตากับเวทีล่ารางวัล แต่สุดท้ายความโดดเด่นในทุกองค์ประกอบก็ฉายภาพให้เหล่าคนดูต่างกล่าวขานในฐานะหนังยอดเยี่ยมระดับคลาสสิค ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญคือการแสดงในแบบน้อยแต่หนักของ Anthony Hopkins นั่นเอง

เดิมทีนั้นบท Dr. Hannibal ผู้กำกับ Jonathan Demme เล็งไว้ที่เจมส์บอนด์คนแรกอย่าง Sean Connery ให้มารับบทนี้ แต่เมื่อ Sean อ่านบทเขารู้สึกว่ามันน่ากลัวเกินไปที่จะรับมัน ส่วนนักแสดงท่านอื่น ๆ อย่าง Al Pacino, Robert De Niro, Dustin Hoffman และ Daniel Day-Lewis แต่ท้ายที่สุดผู้กำกับกลับเลือก Anthony Hopkins เนื่องจากประทับใจในบทบาทในหนัง The Elephant Man นั่นเอง

และเมื่อ Anthony Hopkins ได้อ่านบทของหนังเรื่องนี้ เขาก็ไม่รอช้าที่จะรับบทบาทนี้ เพราะเขามั่นใจว่า “บทบาทนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดชีวิต” และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อเขาได้รับบทบาทนั้นทั้งที่ปรากฏในจอเพียงแค่ 24 นาที แต่มันกลับกลายเป็นการปรากฏตัวที่ยิ่งใหญ๋ที่สุดในโลกภาพยนตร์ที่แม้กระทั่ง Jodie Foster ที่ร่วมแสดงกับเขายังหวาดกลัวในคาแรคเตอร์ของ Hannibal จนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาระหว่างพักกอง

แน่นอนว่ามันได้เปลี่ยนสถานะของ Anthony Hopkins ไปในทันที สถาบันภาพยนตร์แห่งอเมริกาหรือ AFI ยกให้ Dr. Hannibal เป็นวายร้ายยอดเยี่ยมอันดับ 1 ในการจัดอันดับ AFI’s 100 Years…100 Heroes & Villains ในปี 2003 และเรื่องราวของฆาตกรอัจฉริยะนี้ก็ได้ขยายต่ออีก 2 ภาคนั่นก็คือ Hannibal (2001) และ Red Dragon (2002) ที่ Anthony ได้รับช่วงต่อเพื่อแสดงบทบาทแห่งความอำมหิตในแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่แม้จะไม่ดีเท่าครั้งแรก แต่ Sir Anthony ก็ยังเป็นที่โจษขานของบทบาทนี้จนกลายเป็นบทบาทเดียวของเขาที่คนดูหนังทั่วทั้งโลกจดจำจวบจนปัจจุบัน


และถือเป็นการส่งท้ายคาแรคเตอร์ฆาตกรสุดเหี้ยมในรูปแบบภาพยนตร์ที่ย้อนกลับไปตั้งแต่ Hannibal ยังเยาว์วัย เมื่อครอบครัวถูกไล่ล่าจากทัพนาซีอย่างสะเทือนใจ จนกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มอำมหิตที่มีชีวิตเพื่อล้างแค้น โดยที่หนังได้นักแสดงชาวฝรั่งเศสอย่าง Gaspard Ulliel มารับบทบาทโดยที่เขาต้องสู้รบปรบมือกับนักแสดงรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง Hayden Christensen (Star Wars Episode 2-3) หรือ Macaulay Culkin (Home Alone 1-2) แต่ถึง Gaspard จะคว้าบทนี้มาได้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าใจคนดูหนังที่ยึดติดกับคาแรคเตอร์ของ Anthony ไปแล้วได้ Hannibal Rising จึงกลายเป็นความล้มเหลวทางรายได้ คุณภาพของหนังโดยรวมที่ย่ำแย่ จึงกลายเป็นการจบตำนานของ Hannibal บนจอภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยจะสวยงามนักไปในทันที


แม้ตำนานแห่ง Hannibal จะสิ้นสุดที่หน้าจอภาพยนตร์ แต่เรื่องราวของนักฆ่าคนนี้ยังสามารถไปต่อได้ เพราะมันยังมีช่วงเวลาเชื่อมต่อระหว่าง Hannibal Rising กับ Red Dragon นั่นคือช่วงเวลาที่ Will Graham ตามล่ามหาฆาตกรรายนี้ จนนำมาสู่ซีรีส์สืบสวนสอบสวนระทึกขวัญ และผู้ที่มารับบทนี้ก็ได้แก่นักแสดงคุณภาพ Mads Mikkelsen โดยเขาพยายามตีความตัวละคร Hannibal นี้ให้เป็นคนละแบบกับที่นักแสดงคนก่อน ๆเป็น

โดยเขามองว่า “Hannibal ในสายตาเขาไม่ใช่ฆาตกรโรคจิต แต่เป็นซาตานในคราบของเทวฑูตที่มีความสุขกับการเห็นความตายตรงหน้า” และด้วยคาแรคเตอร์ที่กล้าฉีกจากภาพเดิม ๆ ที่เคยมีมา ทำให้ซีรีส์ได้รับความนิยมไม่แพ้หนัง จนสามารถสานต่อไปได้ถึง 3 ฤดูกาล แม้จะมีข่าวอยู่เรื่อย ๆ ถึงการมาของฤดูกาลที่ 4 แต่ในขณะนี้ยังไม่มีวี่แววของการสานต่อซีรีส์เรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สนุก ตื่นเต้น และให้มิติของฆาตกรอัจฉริยะนี้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นที่คอซีรีส์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


กว่า 40 ปี ที่คุณหมอนักฆ่าได้สร้างความหวาดผวาทั้งในรูปแบบนิยาย / ภาพยนตร์ ไปจนถึงซีรีส์ สิ่งที่ทำให้ Hannibal ทำแม้จะเป็นความน่าหวาดผวาที่นำมาสู่การฆาตกรรมที่โหดร้ายและทารุณเกินกว่าที่มนุษย์มนาจะทำได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือหนึ่งในวายร้ายที่คนทั่วทั้งโลกหลงรัก เป็นคาแรคเตอร์ที่นักแสดงทั่วโลกอยากจะสวมบทบาทสักครั้ง และเป็นตำนานที่คนทั่วทั้งโลกไม่มีวันจะลืมได้ลง

 

SOURCE : 1 / 2 / 3

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line