Life

ปลุก PASSION ในตัวให้พรั่งพรูด้วยคำถามเจ๋ง ๆ เหล่านี้ พร้อมวิธี RELAX ให้สมองลื่นไหล

By: unlockmen June 18, 2018

ในวันที่สมองตีบตัน หันไปทางไหนก็ดูจะไม่ได้ Inspiration จากอะไรเลย อยากจะเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ กด Restart สักทีก็กลับมาใช้งานได้คล่องปรื๋อ แต่คนเรามันทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ หมดสนุกกับสิ่งที่ทำ ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่านี่กูกำลังทำอะไรอยู่ ? หากเราประสบปัญหาแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกเลยว่ามันคืออาการของคนหมดไฟ ฟังดูเศร้า แต่อย่าเพิ่งท้อไปเลยหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN จะพามาปลุก PASSION ในตัวให้ร้อนแรง ด้วยคำถามเจ๋ง ๆ ที่จะทำให้มองเห็นทางไปต่อให้กับตัวเอง พร้อมวิธี Relax ให้สมองลื่นไหล พร้อมจะลุยต่อกับไอเดียที่พรั่งพรูในหัว

ทำไมอาการ “หมดไฟ” มาไวกว่าที่คิด ?

ถึงเราจะบอกว่า Passion เนี่ย มันไม่จำเป็นต้องลื่นไหลกันตลอดเวลา แต่ชีวิตจริงของเรามันร่ำร้องบอกให้เราวิ่งเข้าหา “Dream Job” เพราะเราจะเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางทะเล Passion ที่ไม่มีวันหมด แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องก็ตาม เพราะความจริงแล้ว Dream Job มันอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องของรายได้ที่น่าพอใจ หรือเหตุผลอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเหตุผล “กูอยากทำว่ะ” 

เรื่องของอาชีพก็ยังคงเป็นอะไรที่ซับซ้อนพอ ๆ กับการใช้ชีวิตของเรานั่นแหละ มันไม่เคยมีสูตรสำเร็จ ไม่มีอะไรตายตัว งานที่เราทำในตอนอายุ 30 อาจจะไม่ใช่งานที่พอดีกับชีวิตเมื่อตอนที่เราอายุ 40 ก็ได้ อาการหมดไฟพูดง่าย ๆ ก็คงเป็นความไม่สมดุลของความชอบและความจริงสำหรับอาชีพที่เราทำอยู่ ยิ่งเราหมดไฟกับงานที่ทำเร็วเท่าไหร่ อาจเป็นสัญญาณเตือนให้เราทบทวนถึงสิ่งที่เราทำอยู่ว่ากำลังขาดดุลย์ฝั่งความชอบอยู่หรือไม่

ถ้าเกิดวันนี้หมดไฟกับอาชีพไปแล้ว จะทำยังไง?

อย่าตื่นตระหนกเกินไป ลองมองหาความต้องการของตัวเองจริง ๆ อาจจะไม่ต้องรีบตอบตัวเองภายในเร็ว ๆ นี้ก็ได้ เพราะมันเป็นคำถามที่ใช้เวลามาก ๆ บางคนอาจใช้เวลาทั้งชีวิตเลยด้วยซ้ำ พอได้คำตอบที่ใกล้เคียงกับความจริงที่สุดแล้ว ค่อย ๆ เดินไปหาเป้าหมายแบบค่อยเป็นค่อยไป

การหาคำตอบที่ว่านั่น ลองถามตัวเองด้วย Key Questions เหล่านี้ ที่จะทำให้เราได้ย้อนกลับไปมองประสบการณ์ที่ผ่านมา ความพยายาม และความสำเร็จ ที่ปั้นให้เราเป็นเราได้ในวันนี้ 

ลองตอบคำถามเหล่านี้ด้วยการเขียนลงในกระดาษ ไม่ต้องสร้างข้อจำกัดอะไรให้ตัวเอง ตอบตามความรู้สึกจริง ๆ ของคุณ แม้ว่ามันจะดูไม่เข้าท่าแค่ไหนก็ตาม

  • ลองบอกถึง 3 ประสบการณ์สุดเจ๋งที่เคยผ่านมาในชีวิตเราได้ทำมันบ่อยแค่ไหน ? แล้วมันบอกอะไรเกี่ยวกับเราได้บ้าง ?
  • ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาที่ต้องมานั่งปวดหัววัน ๆ  เราจะทำอะไรบ้าง ?
  • ความฝันอันไหนที่เรายอมปล่อยมันไปแล้ว ? ทำไมเราถึงทำแบบนั้น ? ยังรู้สึกว่ามันมีคุณค่าให้ไขว่คว้าเหมือนเดิมมั้ย ? แล้วเราจะเอาความฝันที่หลุดลอยไปกลับมาได้ยังไง ?
  • ปัญหาที่ยากที่สุดที่คุณเคยเผชิญ ? มันส่งผลยังไงกับตัวเราบ้าง ?
  • เวลาว่างเราชอบทำอะไร ?

คำถามเหล่านี้มันจะช่วยให้เราสำรวจถึงความต้องการในใจจริง ๆ ของเรา แบบไม่มีข้อจำกัด ไม่มีเงื่อนไขอย่างอื่นมาวุ่นวาย ถ้าหากเรารู้ความต้องการจริง ๆ ของตัวเองแล้ว อาจจะค้นพบว่าอะไรที่เหมาะกับเราจริง ๆ สิ่งที่ทำอยู่มันเหมาะกับเราแค่ไหน หรือถ้าจะ Beyond ไปกว่านั้น คือทำความชอบกับความเป็นจริงให้มันสอดคล้องกันด้วย 

เทคนิค Relax ให้ลื่นไหล เตรียมพร้อมปลุกไอเดียใหม่ ๆ ให้ตัวเอง

นั่งในท่าที่สบายที่สุด

อาจจเผลอตัวนั่งหลังงอกันจนเคยชิน นอกจากเสียบุคลิกแล้ว ยังไม่ดีต่อสุขภาพอีกต่างหาก ลองยืดหลังทุกครั้งที่นึกได้ พอถึงเวลาผ่อนคลาย ค่อยนั่งในท่าที่สบาย ๆ อย่างเอนหลัง เงยหน้า หลับตา สูดลมหายใจลึก ๆ  เพื่อให้ร่างกายได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอีกนิด จากการนั่งท่าเดิมเป็นเวลาหลาย ๆ ชั่วโมง ถ้าขี้เกียจคอยเตือนตัวเองบ่อย ๆ เพราะวันนึงงานยุ่งซะเหลือเกิน ลองใช้หมอนหนุนหลังดู เพื่อให้ท่านั่งของเราอยู่ในท่าที่ถูกต้อง ไม่ต้องงอจนเป็นกุ้งจนปวดหลังกันตลอดเวลา

กอดใครสักคนที่เราไว้ใจ 

“การกอดคือการผ่อนคลายที่มีพลังมากที่สุด” Selby, Ph.D ผู้เขียน Chilling Out: The Psychology of Relaxation ได้กล่าวเอาไว้ “การกอดใครสักคนที่เราไว้ใจ จะทำให้เราหลั่ง Oxytocin ออกมามาก นั่นก็คือฮอร์โมนที่จะช่วยให้รู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายที่กอด” จาก Research ยังพบว่าการกอดช่วยลดความดันและความกังวล แต่ต้องเป็นการกอดกับคนที่เรารู้สึกไว้ใจเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้เกินจริงสักเท่าไหร่ ลองนึกถึงวันที่ยุ่งซะจนไม่มีเวลาเหลือบสายตาออกไปมองอย่างอื่น วันที่ปัญหาถูกแบกไว้บนไหล่ของเราแบบไม่ได้พัก วันเหนื่อย ๆ แบบนั้น หากได้ใครสักคนอยู่ในอ้อมกอดของเรา หรือให้ตัวเราได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน มันคงเหมือนการได้วางความเหนื่อยล้าที่ต้องเผชิญมาไว้ที่ไหนไกล ๆ สักที่ แล้วให้วินาทีในอ้อมกอดคือความรู้สึกที่มันจริงและเก็บเกี่ยวความอบอุ่น ความผ่อนคลายของวินาทีนั้นเอาไว้ให้มากที่สุด

ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย

การยืดเส้นยืดสายแบบเล็กน้อย ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้รีแลกซ์เหมือนกัน เพราะมันช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด พอให้เลือดสูบฉีด เรียกความกระฉับกระเฉงกลับมาให้ตัวเอง หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งมาทั้งวัน หากไม่รู้จะทำท่าไหน เรามีคลิปดี ๆ มาฝาก เป็นท่าง่าย ๆ ที่ทำได้แบบไม่ต้องอายว่าไอ้นี่มันลุกขึ้นมาทำท่าประหลาดอะไร

เล่นกับสัตว์เลี้ยง 

ถ้าคุณมีตัวป่วนสี่ขาอยู่ล่ะก็ อย่ามองข้ามมันไปเชียว สัตว์เลี้ยงนั้นช่วยคลายเครียดให้กับเราได้จริง ๆ ถึงขนาดที่หลาย ๆ ออฟฟิศเริ่มมีหมา แมว ประจำออฟฟิศ เอาไว้คลายเครียดให้กับพนักงานแล้วด้วย หรือแม้แต่สถานพยาบาลเอง ก็เริ่มมีสัตว์เลี้ยงเอาไว้เยียวยาทางจิตใจให้กับผู้ป่วยแล้ว คงเป็นเพราะเหมือนเราได้เล่นกับเด็กที่อยากตอบสนองกับเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ไม่ต้องหลอกล่อ ไม่ต้องเล่นเกมเพื่อให้ได้ความรู้สึกไว้ใจ สบายใจ จากสัตว์เลี้ยง แค่เราพร้อมจะให้ความรักและอาหาร แค่นี้มันก็พร้อมจะให้ความผ่อนคลายกลับมาหาเราแล้ว

สุดท้ายแล้วเราอาจจะไม่ถึงกับหมดไฟในตัวไปแล้ว แค่อาจจะเหนื่อยกับงาน กับชีวิต หรืออะไรที่มันอิ่มตัวมากเกินไป จนรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมันช่างน่าเบื่อซะเหลือเกิน ลองให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อน ทบทวนสิ่งที่ทำอยู่ อาจจะกลับมามีพลังเหมือนครั้งที่เริ่มลงมือทำแรก ๆ ก็ได้ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะชีวิตของเรามันไม่ได้มีสูตรสำเร็จกันอยู่แล้ว

SOURCE 1,2

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line