World

UNLOCKMEN วิเคราะห์ ทำนายผล WORLD CUP 2018 รอบแบ่งกลุ่ม PART 2

By: PERLE June 17, 2018

เมื่อ Part ที่แล้ว (https://www.unlockmen.com/wc-group-stage-1/) เราได้ทำความรู้จักวิเคราะห์และทำนายผลของกลุ่ม A, B ไปเรียบร้อยแล้ว มาใน Part นี้ ขอไม่เสียเวลา มาว่ากันต่อเลยดีกว่าว่ากลุ่ม C, D นั้นแต่ละทีมเป็นอย่างไร ความน่าจะเป็นจะออกมาในรูปแบบไหนได้บ้าง ไปอ่านกันต่อได้เลย

Group C

ทีมในกลุ่ม

-‘ตราไก่’ ทีมชาติฝรั่งเศส อดีตแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1998 และรองแชมป์ฟุตบอลยูโรเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พวกเขาเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2018 ในฐานะทีมเต็งอันดับ 3 ซึ่งถ้าพิจารณาจากขุมกำลังก็ถือว่าเหมาะสม เพราะถึงแม้ว่าทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้จะเป็น ‘Young Blood’ ผู้เล่นส่วนใหญ่อายุยังน้อย แต่ชื่อเสียงเข้าขั้นซูเปอร์สตาร์แทบทุกคน อย่างไรก็ตามมีข้อดีก็ต้อมีข้อด้อย การที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังเป็นวัยรุ่นนั้น เมื่อเจอบรรยากาศของทัวร์นาเมนท์ใหญ่ ๆ อาจจะรับมือกับความกดดันได้ไม่ดีเท่าไรนัก

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Paul Pogba – กองกลางสายแฟชั่นที่ถึงแม้ฤดูกาลที่ผ่านมาฟอร์มของเขากับ Manchester United จะไม่ได้โดดเด่นเท่าไรนัก แต่ยังไงเขาก็เป็นนักเตะที่คู่ต่อสู้จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ผ่านบอล, Killer Pass, ยิงไกล, ลูกกลางอากาศ Paul Pogba ทำได้ดีทั้งหมด เรียกว่าเกมรุกครบเครื่องสุด ๆ แต่ด้านเกมรับอาจจะด้อยสักหน่อย แต่ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่  N’Golo Kanté

Antoine Griezmann – กองหน้าจาก Atlético Madrid ที่กำลังเนื้อหอมสุด ๆ เหล่าบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเพราะ Antoine Griezmann คือเครื่องจักรสังหารประตูตัวจริง 142 เกมในลาลีก้า ยิงไป 79 ประตู 55 เกมในทีมชาติ ยิงไป 21 ประตู เขาคือความหวังสูงสุดในการทำประตูของทัพตราไก่ในฟุตบอลโลก 2018 แน่นอน

Kylian Mbappé – ดาวรุ่งเจ้าของรางวัล Golden Boy คนล่าสุด ถ้าจะพูดว่าเขาคือดาวรุ่งที่เก่งที่สุดในยุคนี้ก็ไม่ผิดนัก เพราะด้วยวัยเพียงแค่ 19 ปี เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับทีมชาติชุดใหญ่และสโมสร Paris Saint-Germain จุดเด่นของเจ้าหนูคนนี้อยู่ที่การกระชากลากเลื้อยและการหาจังหวะเข้าทำ จับตาดูเขาให้ดีแล้วกัน!

 

-‘จิงโจ้’ ทีมชาติออสเตรเลีย ทีมจากโซนโอเชียเนียแต่ผ่านรอบคัดเลือกโซนเอเชียเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลก ซึ่งตั้งแต่ย้ายมาคัดเลือกในโซนเอเชียก็ดูจะกลายเป็นขาประจำฟุตบอลโลกไปแล้วสำหรับทัพจิงโจ้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็น ‘เต้ย’ แห่งย่านเอเชีย แต่สำหรับเวทีโลกทีมชาติออสเตรเลียอยู่ในระดับกลาง ๆ ค่อนไปทางล่าง มาในครั้งนี้ทีมจิงโจ้ยึดผู้เล่นชุดเดิมจาก 4 ปีที่แล้วเสียส่วนใหญ่ โดยมีดาวรุ่งมาผสมผสานนิดหน่อย

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Mathew Ryan – ถ้าเปรียบเทียบกับทีมอื่นในกลุ่ม ออสเตรเลียดูเป็นรองแทบทุกทีม ดังนั้นในแต่ละเกมคงต้องใช้บริการผู้รักษาประตูเยอะหน่อย แต่โชคดีที่ผู้รักษาประตูของพวกเขาค่อนข้างไว้ใจได้ Mathew Ryan ถึงแม้ว่าจะอายุแค่ 26 แต่ก็ผ่านประสบการณ์กับสโมสรใหญ่อย่าง Valencia มาแล้ว และฤดูกาลล่าสุดกับ  Brighton & Hove Albion เขาก็โชว์ฟอร์มได้ดีจนช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จ

Trent Sainsbury – อาจจะเป็นนักเตะที่ชื่อไม่คุ้นหูนัก อีกทั้งยังค้าแข้งอยู่กับ Grasshoppers สโมสรในลีกสวิสเซอร์แลนด์ แต่ Trent Sainsbury เป็นปราการหลังที่มีทักษะการอ่านเกมดีเยี่ยม น่าจะเป็นคีย์แมนคนสำคัญของแนวรับทีมชาติออสเตรเลียแน่นอน

Aaron Mooy – ใครเป็นแฟน Premier League อังกฤษคงคุ้นเคยกับมิดฟิลด์เชิงสูงคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาค้าแข้งอยู่กับสโมสร  Huddersfield Town และโชว์ฟอร์มทำแสบกับสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกมาหลายทีมแล้ว Aaron Mooy เป็นกองกลางที่เด่นในทุกด้าน จะรุกหรือรับ ผ่านบอลหรือยิงไกลเขาทำได้หมดขอให้บอกมา

 

‘หมอผี’ ทีมชาติเปรู (ฉายาซ้ำกับทีมชาติแคเมอรูน) ห่างหายไปจากฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 36 ปี แต่ในครั้งนี้พวกเขาโชว์ฟอร์มได้ดีจนสามารถฝ่าด่านเสือสิงกระทิงแรดในรอบคัดเลือกเข้ามาได้สำเร็จ สไตล์การเล่นของพวกเขาเป็นแบบละตินดั้งเดิม ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นยอดเยี่ยม มีระบบทีมที่ดี ถึงแม้ผู้เล่นส่วนใหญ่จะไม่ได้ค้าแข้งอยู่ในลีกยุโรปแต่บอกได้เลยว่าจะประมาททีม ๆ นี้ไม่ได้เลย และอาจจะเป็นม้ามืดสำหรับทัวร์นาเมนท์นี้ด้วยซ้ำ

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Christian Cueva – มิดฟิลด์ตัวรุกจอมเทคนิคจากสโมสร São Paulo ในบราซิล เขาคือตัวหลักในขับเคลื่อนเกมและสร้างโอกาสเข้าทำให้กับทีมชาติเปรู มีเทคนิคแพรวพราวหาตัวจับยาก การันตีด้วยการยิง 4 ประตู 3 แอสซิสต์ ในรอบคัดเลือก

Jefferson Farfán – จากปีกความเร็วจัด แต่ปัจจุบันเขาอายุ 33 แล้ว เป็นธรรมดาที่ความเร็วจะตกลง แต่ก็ทดแทนด้วยความเข้าใจเกมที่มากขึ้น ยังไงชื่อของ Jefferson Farfán ก็ยังอันตรายสำหรับแนวรับฝั่งตรงข้ามเสมอ

Paolo Guerrero – นี่คือนักเตะที่มีดราม่าเยอะที่สุดก่อนศึกฟุตบอลโลก 2018 จะเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากเขาโดนตรวจจับว่ามีสารเสพติดในร่างกาย จนโดนแบนและไม่สามารถมาเล่นฟุตบอลโลกได้ แต่เขาก็อุทธรณ์สู้คดีจนในที่สุดศาลกีฬาโลกก็ยอมผ่อนปรนให้เขามารับใช้ชาติได้เนื่องจากเรื่องคดียังไม่ชัดเจน Paolo Guerrero คือดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติเปรู และในฟุตบอลโลกครั้งนี้เพื่อนร่วมทีมก็คงต้องฝากความหวังไว้ที่เขาอีกเช่นเคย

 

-‘โคนม’ ทีมชาติเดนมาร์ก อดีตแชมป์ฟุตบอลยูโร 1 สมัย พวกเขากลับมาอีกครั้งหลังกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มไปเมื่อปี 2010 แต่การกลับมาคราวนี้พวกเขาน่าจะมีความหวังมากกว่าเดิมเนื่องจากทีมในกลุ่มถ้าไม่นับทีมชาติฝรั่งเศสมาตรฐานดูใกล้เคียงกัน เดนมาร์กเหมือนจะดูดีที่สุดด้วยซ้ำเพราะมีนักเตะระดับสตาร์ที่เราคุ้นชื่ออยู่หลายคน

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Christian Eriksen – คนแรกจะเป็นใครไม่ได้นอกจากจอมทัพวัย 26 จากสโมสร  Tottenham Hotspur เขาคือนักเตะคนสำคัญที่สุดสำหรับทัพโคนมเลยก็ว่าได้ ทักษะในการผ่านบอล วางบอลยาว ยิงไกล ปั่นฟรีคิก คือฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนเกมในสนามของทีมชาติเดนมาร์ก

Kasper Schmeichel – ถึงจะตกอยู่ใต้ร่มเงาของผู้เป็นพ่อตลอดมา และการจะสลัดออกนั้นดูยากเย็นเหลือเกิน แต่ถ้าเราลบภาพของพ่อเขาออกไป จะพบว่า Kasper Schmeichel เป็นผู้รักษาประตูฝีมือดีคนหนึ่ง การพาทีมรองบ่อนอย่าง Leicester City คว้าแชมป์ Premier League ได้นั้นคือเครื่องพิสูจน์อย่างดี และถ้าครั้งนี้เขาสามารถพาทีมชาติเดนมาร์กไปได้ไกลในฟุตบอลโลกเขาอาจจะขึ้นไปทัดเทียมกับ Peter Schmeichel ผู้เป็นพ่อก็เป็นได้

Kasper Dolberg – ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงจากสโมสร Ajax ที่สโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปจ้องกันตาเป็นมัน ถึงแม้จะเพิ่งติดทีมชาติมาเพียง 4 นัด แต่ด้วยความสามารถที่ล้นเหลือ Kasper Dolberg  จะเป็นตัว Joker สุดอันตรายในการทำประตูของทีมชาติเดนมาร์กอย่างแน่นอน

 

บทวิเคราะห์

ทีมชาติฝรั่งเศสจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม แต่ทุกนัดเชื่อว่ากว่าจะชนะได้คงหืดขึ้นคอ อย่างไรก็ตามด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าค่อนข้างชัดเจน การตกรอบแบบช็อกโลกคงยากจะเกิดขึ้น ส่วนอีก 3 ทีมที่เหลือนั้นสูสีกันมาก ห่างกันแค่ปลายจมูก ถ้าให้เลือกทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ทีมนั้นคงเป็นทีมชาติออสเตรเลีย เนื่องจากวัดตำแหน่งต่อตำแหน่งยังดูเป็นรองอีก 2 ทีม ส่วนระหว่างเปรูกับเดนมาร์ก นัดที่พวกเขาเจอกันเองคงเป็นนัดชี้ชะตาว่าใครจะตามฝรั่งเศสเข้ารอบ และสำหรับ UNLOCKMEN ทีมนั้นคงเป็นเดนมาร์ก เพราะเชื่อว่าพวกเขาจะใช้ประสบการณ์ในเกมใหญ่ที่เหนือกว่า ความคุ้นกับสภาพอากาศมากกว่าเบียดเอาชนะระบบทีมที่ยอดเยี่ยมของทีมชาติเปรูไปได้

ทีมที่คาดว่าจะเข้ารอบ: ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก

 

Group D

ทีมในกลุ่ม

-‘ฟ้าขาว’ ทีมชาติอาร์เจนตินา ยอดทีมดีกรีแชมป์โลก 2 สมัยจากอเมริกาใต้ แต่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้กว่าจะผ่านรอบคัดเลือกมาได้ถือว่าหืดจับเลยทีเดียว ในเรื่องขุมกำลังทีมชาติอาเจนติน่าอุดมไปด้วยนักเตะระดับโลก และหนึ่งในนั้นอาจจะเก่งที่สุดในโลก เมื่อ 4 ปีก่อนพวกเขาอกหักในนัดชิงชนะเลิศ คว้าตำแหน่งรองแชมป์ไปแบบน่าเจ็บใจ มาดูกันว่าในครั้งนี้พวกเขาจะทำได้ดีกว่าเดิมหรือไม่

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Lionel Messi – เช่นเดียวกับที่เคยกล่าวถึง Cristiano Ronaldo เมื่อ Part ที่แล้ว เชื่อว่าทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่านักเตะคนนี้ยอดเยี่ยมขนาดไหน เขาคือหนึ่งในสองนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย ทีมชาติอาร์เจนตินาจะไปได้ไกลแค่ไหนขึ้นอยู่กับฟอร์มของเขาเลยก็ว่าได้

Sergio Agüero – เครื่องจักรถล่มประตู  Manchester City ส่งเข้าประกวด เมื่อฤดูกาลที่แล้วเขายิงรวมทั้งหมด 30 ประตูให้ต้นสังกัด ในนามทีมชาติก็ยิงไปแล้ว 38 ประตูจากการลงสนาม 86 นัด ในฟุตบอลโลกครั้งนี้นอกจาก Messi ก็คงเป็นเขานี่แหละที่เป็นตัวความหวังในการพังตาข่ายคู่ต่อสู้

Paulo Dybala – แนวรุกระดับซูเปอร์สตาร์จากสโมสร Juventus ด้วยทักษะจัดจ้านรอบด้านของเขามักสร้างความแตกต่างยามลงสนามได้เสมอ ถึงแม้ในนามทีมชาติฟอร์มเขาจะไม่ดีเท่าไรนัก แต่ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจเป็นเวทีแจ้งเกิดสำหรับเจ้าตัวก็เป็นได้

 

‘ดงน้ำแข็ง’ ทีมชาติไอซ์แลนด์ ถือว่าพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสำหรับประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรไม่กี่แสนคน หลังจากเมื่อ  2 ปีที่แล้วได้ไปวาดลวดลายในฟุตบอลยูโรมาแล้ว ครั้งนี้เป็นเหมือนบทพิสูจน์ที่ใหญ่ขึ้นยากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีนักเตะระดับสตาร์แต่ก็สามารถทดแทนด้วยทีมเวิร์ค ระเบียบวินัย และความดุดัน การผ่านรอบคัดเลือกมาในฐานะแชมป์กลุ่มคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Gylfi Sigurðsson – จอมทัพจากสโมสร Everton และเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติไอซ์แลนด์ชุดนี้ เขาทั้งบัญชาการ เคลื่อนเกม สร้างโอกาสเข้าทำ บางครั้งก็จบสกอร์ด้วยตัวเอง เป็นนักเตะที่ทีมชาติไอซ์แลนด์จะขาดไม่ได้เลย

Jóhann Berg Guðmundsson – ปีกจากสโมสร Burnley ผู้มีส่วนสำคัญพาต้นสังกัดที่เป็นทีมเต็งตกชั้นบินสูงจนคว้าสิทธิ์ไปเล่นถ้วยยุโรปได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ปีกที่มีทักษะแพรวพราว กระชากลากเลื้อยได้ดี แต่เขามีความดุดันและการเปิดบอลอันแม่นยำที่ดูจะเข้ากับสไตล์บอลของทีมชาติไอซ์แลนด์ชุดนี้

Alfreð Finnbogason – พูดถึงตัวทำเกมไปแล้ว คราวนี้มาที่ตัวผลิตสกอร์กันบ้าง ศูนย์หน้าจากสโมสร Augsburg ที่มีสไตล์การเล่นไม่ได้หวือหวา ชงเองกินเองไม่ก็ได้ แต่เรื่องความเฉียบคมถือว่าค่อนข้างไว้ใจได้เลยทีเดียว

 

‘ตราหมากรุก’ ทีมชาติโครเอเชีย แม้ว่าชื่อชั้นอาจจะดูเป็นรองทีมมหาอำนาจอื่น ๆ เช่นเยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส แต่ถ้ามาพิจารณาขุมกำลังโดยละเอียดแล้วล่ะก็จะพบว่าโครเอเชียไม่ได้เป็นรองเลยเพราะทีมตราหมากรุกนั้นอุดมไปด้วยนักเตะจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปแทบทั้งทีม และแต่ละคนทักษะเหลือรับประทานตามสไตล์นักเตะยุโรปตะวันออก โครเอเชียจึงเป็นอีกทีมที่ประมาทไม่ได้เด็ดขาด

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Luka Modrić – หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ ผู้มีส่วนสำคัญกับแชมป์ UEFA Champion League 3 สมัยซ้อนของ Real Madrid ส่วนบทบาทในทีมชาติก็สำคัญไม่แพ้กัน Luka Modrić เปรียบเสมือนฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนเกมของโครเอเชียให้เป็นไปอย่างลื่นไหล

Ivan Rakitić – คู่หูในแดนกลางของ Luka Modrić ถึงแม้ว่าในระดับสโมสรจะเป็นคู่แค้นกันก็ตาม Ivan Rakitić ที่สไตล์การเล่นอาจจะดูไม่หวือหวา แต่จุดเด่นของเขาอยู่ที่การวางบอลยาว ผ่านบอล และยิงไกลจากแถวสอง ยิ่งได้ผนึกกำลังกับ Luka Modrić  โครเอเชียจึงกลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีแผงกองกลางดีที่สุดในฟุตบอลโลก 2018 นี้

Ivan Perišić – ปีกจากสโมสร Internazionale ที่กำลังถูกหมายตาจากหลายทีมในยุโรป เขาเป็นนักเตะที่ทักษะเฉพาะตัวสูงมาก เล่นได้ดีทั้ง 2 เท้า กระชากลากเลื้อยสร้างโอกาสให้เพื่อนได้ดี เป็นตัวสำคัญในแนวรุกที่ทีมชาติโครเอเชียจะขาดไม่ได้

 

‘อินทรีย์มรกต’ ทีมชาติไนจีเรีย ขาประจำฟุตบอลโลกจากทวีปแอฟริกาที่ปีนี้ก็สามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้ามาได้อีกครั้ง แต่ขุมกำลังนักเตะเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร เนื่องจากได้โละนักเตะจอมเก๋าและทดแทนด้วยนักเตะสายเลือดใหม่หลายคน เป็นอินทรีพลังหนุ่ม ต้องมาดูกันว่าพวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหน

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Alex Iwobi – ดาวรุ่งจากสโมสร Arsenal ที่ถึงแม้ว่าในระดับสโมสรฟอร์มของเขาจะไม่ค่อยถูกใจกองเชียร์นัก แต่ในนามทีมชาติเหมือนได้กลายร่างเป็นคนละคน เขาคือตัวความหวัง เป็นผู้เล่นคนสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกให้กับไนจีเรีย ไม่แน่ว่าฟุตโลก 2018 อาจเป็นเวทีให้เขาแจ้งเกิดเต็มตัวก็เป็นได้

Victor Moses – ผู้เล่นฝั่งขวาสารพัดประโยชน์จากสโมสร Chelsea เช่นเดียวกับ Alex Iwobi ที่ในระดับสโมสรอาจจะดูไม่โดดเด่น ออกแนวผู้เล่นจับฉ่ายเสียมากกว่า แต่ในนามทีมชาติเขาคือปีกขวาตัวความหวังที่สามารถสร้างความแตกต่างและเป็นอาวุธหนักในการโจมตีคู่แข่ง

John Obi Mikel – กองกลางอเนกประสงค์ผู้เป็นพี่ใหญ่ของทีมด้วยประสบการณ์ติดทีมชาติกว่า 85 นัด และการเล่นใน Premier League อย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าปัจจุบันเขาจะย้ายไปโกยเงินหยวนในลีกประเทศจีนแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าฝีเท้าและความเก๋าของเขานี่แหละจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยประคับประคองทัพอินทรีย์มรกต

 

บทวิเคราะห์

ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อกอาร์เจนตินาคงเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ซึ่งโอกาสพลิกล็อกคงจะยากเนื่องจากนี่อาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ Lionel Messi เขาต้องเน้นเต็มที่เพื่อนำถ้วยฟุตบอลโลกมาเติมเต็มในเกียรติประวัติของตัวเอง ส่วนอีก 3 ทีมคงต้องขับเคี่ยวกันเต็มที่เพื่อเก้าอี้ว่างที่เหลือ ซึ่งถ้าให้เลือก 1 ทีม ก็คงต้องเป็นโครเอเชียที่ชื่อชั้นนักเตะดูจะข่มอีก 2 ทีมอยู่พอสมควรรวมถึงประสบการณ์ในการเล่นเกมใหญ่ ๆ ด้วย

ทีมที่คาดว่าจะเข้ารอบ: อาร์เจนติน่า, โครเอเชีย

จบกันไปแล้วสำหรับบทวิเคราะห์ฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่ม Part 2 อีกไม่นาน Part ต่อไปตามมาแน่นอน คราวนี้เป็นคิวของกลุ่ม E, F กันบ้าง จะมีทีมไหนบ้างแล้ว UNLOCKMEN คิดว่าทีมไหนจะเข้ารอบรอติดตามกันได้เลย

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line