Life

เมื่อคืนคุณฝันถึงอะไร? เมื่อมนุษย์เริ่มฝันพิลึกและแปลกออกไปหลัง COVID-19 มาเยือน

By: PSYCAT April 7, 2020

COVID-19 เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของมนุษย์เกือบทุกชีวิตบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ ทั้งวิธีการทำงาน วิธีการกิน วิธีการจับจ่ายใช้สอย ไปจนถึงวิธีการที่เราปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว แต่ใครจะรู้ว่า COVID-19 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่โลกอันเป็นรูปธรรมที่เราจับต้องได้เท่านั้น แม้แต่ “โลกความฝัน” ก็ถูก COVID-19 เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้เช่นกัน

บิดเบี้ยวและหงิกงอ: เมื่อความจริงตามไปหลอกหลอนถึงความฝัน

นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เราเริ่มฝันแปลก ๆ (แปลกออกไปแบบที่ปกติไม่ค่อยได้ฝัน) ทีแรกคิดว่าเป็นอยู่คนเดียว จนเริ่มถามคนรอบตัว เราเริ่มฝันถึงซอมบี้ที่ตามไล่ล่าเรามากขึ้น เราฝันถึงวันสิ้นโลกบ่อยขึ้น บางคนฝันถึงโลกดิสโทเปียที่ล่มสลาย และสถานที่ที่ผู้คนกำลังจะตาย

แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ในหมู่คนไทยเท่านั้นที่ความฝันเริ่มพิลึกพิลั่นไปทุกที ๆ ในโซเชียลมีเดียเริ่มมีการตั้งคำถามลอย ๆ ว่ามีใครคิดว่าตัวเองฝันผิดเพี้ยนไปช่วงนี้บ้าง? และคำตอบทำให้เรารู้ว่า COVID-19 ได้แพร่ไปในความฝันของคนทั่วโลกแล้วจริง ๆ

Gus Jacobson คุณครูสอนโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดาเล่าว่าในฝันโรงเรียนที่เขาสอนอยู่นั้นแปลกไป มันดูลึกลับและคล้ายว่าจะมีสิ่งน่าสะพรึงกลัว ผนัง โต๊ะเรียน ดูผุพังและส่งกลิ่นเน่าเหม็น “มันเหมือนเวลาคุณเดินเข้าไปในป่า และเจอเข้ากับตอไม้เหม็นเน่าที่ดูเละย้วย จนคุณสามารถทำให้มันลงไปกองแฉะได้แค่ใช้แรงเพียงนิดเดียว” เขาอธิบาย

ไม่มีใครอยู่ในบริเวณโรงเรียนเลย และเขาสัมผัสได้ว่าตัวเขาก็ไม่ควรมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่นั่น วินาทีที่ Jacobson  ลืมตาตื่น เขารู้ว่ามันเป็นความฝัน แต่ที่แย่คือเขาฝันแบบนี้ซ้ำ ๆ ตั้งแต่การเริ่มระบาดของ COVID-19 จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งนั้นทำให้เขารู้สึกขนลุกที่จะต้องเข้านอน และเมื่อตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

ฝันสมจริง ฝันเชิงสัญญะ และฝันที่ดูบ้าระห่ำสิ้นดี

นอกจากความฝันของ Gus Jacobson ที่ดูจะมีฉากหลังเป็นสถานที่ทำงานจริงที่เราพัวพันอยู่ทุกวัน เพียงแต่สถานการณ์กลับตาลปัตรแบบพลิกโลก ความฝันมหัศจรรย์พันลึกที่ผู้คนจำนวนมากกำลังเล่าสู่กันฟังนั้นก็ยังมีอีก 2 รูปแบบจนพอจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน คือ ฝันสมจริง ฝันเชิงสัญญะ และฝันที่ดูบ้าระห่ำสิ้นดี

พยาบาลวัยเกษียณคนหนึ่งเธอฝันถึงเรื่องราวที่ดูเหมือนจริงจนน่าสะพรึงกลัว ในฝันเธอกำลังทำงานอยู่ในห้องฉุกเฉินอันแสนโกลาหล

“โถงทางเดินเต็มไปด้วยเตียง มีผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจนอนเรียงราย ทุกคนแข่งกันไอ ห้องทุกห้องเต็ม มีผู้จัดการโรงพยาบาลที่นั่งสวมหน้ากาก N95 อยู่ในห้องคอยสังเกตการณ์ แต่โชคร้ายพยาบาลอย่างพวกเรากลับไม่มีหน้ากากแม้แต่อันเดียว” เธอตื่นจากความฝันพร้อมเหงื่อท่วม เพราะความสมจริงและสยดสยองของมัน

ในขณะที่บางความฝันก็สมจริงน้อยลงมา แต่เต็มไปด้วยสัญญะที่ตัวผู้ฝันรู้อยู่เต็มอกว่าหมายถึงอะไร เช่นความฝันของ Danielle หญิงสาววัย 27 จากมหานครนิวยอร์ก ในฝันเธอสวมโชคเกอร์ที่แน่นเกินไป

“ฉันหายใจไม่ออก ปากฉันค่อย ๆ อ้าออก ๆ เพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไป ฉันพยายามคลายโชคเกอร์ที่รัดแน่นอย่างทุรนทุราย แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็เอาไม่ออก ที่สำคัญคือไม่มีใครช่วยฉันได้เลย”

Danielle เล่าต่อว่าความฝันนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธออ่านบทความว่าด้วยผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการหอบอย่างหนักต้องอ้าปากค้างไว้เพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปอย่างทุกข์ทรมาน

นอกจากนั้นยังมีความฝันที่ดูแล้วไม่น่าเกิดขึ้นได้ อย่างที่ Klára Ottisová จากสาธารณรัฐเช็กฝันว่านายกฯ ที่กำลังบริหารจัดการวิกฤติอย่างเต็มความสามารถถูกปลดกลางอากาศ และเจ้าเป็ดยางสีเหลืองในห้องน้ำเธอเข้ารับตำแหน่งแทน!?

พอ ๆ กับความฝันของ Tim จากแคลิฟอร์เนียที่ฝันถึงสมุดลึกลับซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ในสมุดบันทึกเรื่องราวจำนวนมากเกี่ยวกับ COVID-19 ไว้อย่างละเอียด ประโยคเด็ดในนั้นคือ “การล่มสลายของอารยธรรมมนุษย์” ภายในฝันเขาได้เจอเจ้าของบันทึกนั้น และเธอกับเขาก็ต้องเจอเหตุไม่คาดฝันเพราะสมุดบันทึกเล่มนั้น

เมื่อความฝันก็เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้

นิยาม “ความฝัน” แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ยุคสมัย ความรู้และมโนทัศน์ ถ้าย้อนไปเมื่อนับพันปีก่อน ความฝันของชาวกรีก โรมัน คือสารจากพระเจ้า ดังนั้นมนุษย์ที่เข้าใจความฝันก็สามารถนำสารจากพระเจ้ามาช่วยบ้านเมืองหรือช่วยรบในสมรภูมิได้

ส่วนความฝันสำหรับชาวจีนอาจหมายถึงสถานที่ระหว่างภพที่ที่เราจะสามารถพบเจอบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วของเราได้ ในขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มมองเห็นความฝันเป็นโลกอีกใบที่มนุษย์อย่างเราจะเหยียบย่างเข้าไปได้ในยามนิทราเท่านั้น

นอกจากความฝันจะเชื่อมโยงกับโลกลึกลับที่มนุษย์ไปไม่ถึงแล้ว เมื่อวิทยาการก้าวเข้ามา ความฝันมีความหมายทั้งทางวิทยาศาสตร์ ประสาทวิทยา ไปจนถึงจิตวิทยา ที่งานวิจัยหลายชิ้นพิสูจน์แล้วว่าความฝันมีส่วนช่วยเรื่องการสร้างความทรงจำ การช่วยประมวลผลอารมณ์อันซับซ้อน รวมถึงความฝันอาจช่วยบำบัดรักษาโรคบางอย่างได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม “ความฝันพิลึกพิลั่นช่วงCOVID-19” นั้นช่วยยืนยันอีกหน้าที่ของความฝันซึ่งเคยถูกพิสูจน์มาแล้วก่อนหน้านี้ว่ามันช่วยกวาดรวมความทรงจำของเราให้กลายเป็นจิตใต้สำนึก หนังสือ The Third Reich of Dreams ที่เขียนโดย Charlotte Beradt ได้รวบรวมความฝันของผู้คนช่วงที่ฮิตเลอร์ปกครองเยอรมนีไว้

ความฝันของผู้คนภายใต้การปกครองของฮิตเลอร์นั้นมีจุดร่วมหลายอย่าง เช่น ผู้คนมักฝันว่าตัวเองถูกจับเข้าเครื่องอ่านใจ เครื่องนั้นรู้หมดทุกสิ่งอย่างว่าพวกเขาคิดอะไร หรือการฝันว่าความคิดความรู้สึกของพวกเขาถูกควบคุมไว้อย่างเบ็ดเสร็จ

Charlotte Beradt ผู้เขียนระบุว่าความฝันของแต่ละคนในห้วงเวลานั้นกลับมีจุดร่วมกัน ความฝันกลายเป็นบันทึกความรู้สึกและความทรงจำแห่งคืนค่ำ แม้แต่ละคนจะไม่ได้คุยกันมาก่อน แต่พวกเขาก็มีความฝันร่วมกัน เนื่องจากสภาวะตอนนั้นคือบรรยากาศแห่งความเป็นเผด็จการ การถูกควบคุม การถูกสอดส่องไม่ให้มีความเห็นที่แตกต่าง ความฝันจึงเป็นบันทึกจิตใต้สำนึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตไว้ได้

คงไม่ต่างกับช่วงเวลา COVID-19 ที่ความฝันของมนุษย์หลายคน ต่างประกอบเก็บรายละเอียดจากข่าวที่ได้อ่าน รูปที่ได้เห็น เรื่องเล่าจากคนใกล้ตัว ควบรวมกับความวิตกกังวล ความกลัวอนาคต ความระแวดระวังจนกลายมาเป็นจิตใต้สำนึกในรูปแบบความฝันที่ผิดเพี้ยนไปจากห้วงเวลาปกติ

“พจนานุกรมความฝัน” ร่วมบันทึกและแบ่งปันเพื่อเห็นใจกันและกันมากขึ้น

ถึงจุดนี้ เราเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าเราไม่ได้เริ่มฝันพิลึกพิลั่นไปเพียงลำพัง มีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แม้แต่ยามหลับฝัน แต่ในขณะเดียวกัน ผู้คนก็กำลังศึกษาเรียนรู้กับความเปลี่ยนแปลงนี้ครั้งใหญ่ รวมถึงการศึกษาเรื่องความฝันในช่วงเวลานี้อย่างที่ Deirdre Barrett ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำ Harvard Medical School กำลังทำ

เธอศึกษาและวิเคราะห์ความฝันของผู้คน โดยพยายามเปรียบเทียบความฝันก่อนและหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ (สำหรับใครที่อยากมีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้สามารถเข้าไปกรอกรายละเอียดความฝันประหลาด ๆ ของคุณได้ที่ surveymonkey)

จากการรวบรวมเบื้องต้น เธอระบุว่าความฝันที่มีมากเป็นอันดับต้น ๆ ตอนนี้คือการฝันว่าคนใกล้ตัวป่วยหนัก รวมถึงความฝันเชิงสัญญะเกี่ยวกับแมลง ดักแด้ หนอน หรือฝูงแมลงวัน

แล้วความฝันเหล่านี้ที่ผุดและแบ่งบานขึ้นมาในช่วง COVID-19 หมายถึงอะไรกันแน่? Deirdre Barrett บอกว่าการตีความความฝันนั้นไม่ได้ตายตัว แล้วแต่ว่าสิ่งที่เราฝันมีความหมายกับเราแน่แง่มุมไหนมากกว่า

ถ้าว่าด้วยความเชื่อแบบไทย ๆ การฝันถึงงู อาจถูกตีความรวม ๆ ว่าหมายถึงการฝันถึงเนื้อคู่ แต่ถึงอย่างนั้นงูของแต่ละคนย่อมมีความหมายแต่ละแบบ

ถ้าคุณคือคนที่รักงูและเลี้ยงงูเป็นชีวิตจิตใจ งูก็อาจหมายถึงของรักของหวงของคุณ แต่ถ้าคุณเป็นคนเกลียดงูเข้าไส้ เห็นแล้วต้องแหกปากร้อง งูก็ย่อมไม่ได้หมายถึงของรักของหวงแน่ ๆ หรือถ้าคุณชอบกินงูสุด ๆ การฝันถึงงูอาจทำให้คุณนึกถึงผัดเผ็ดงูที่เคยได้กินเมื่อสถานการณ์ยังเป็นปกติ

สิ่งที่ Deirdre Barrett พยายามจะบอกจึงไม่ใช่การตีความความฝันแบบทื่อตรงตายตัว เราทุกคนล้วนมีความทรงจำ ความรู้สึกและรายละเอียดในชีวิตประจำวันที่ต่างกันออกไป ดังนั้นทุกครั้งที่ฝัน เราอาจต้องถามตัวเองว่าสิ่งนั้นสื่อถึงอะไร? และบ่งบอกว่าเรากำลังคิดหรือรู้สึกอะไรกันอยู่แน่?

อย่างไรก็ตาม Deirdre Barrett เตือนว่าถ้าเราดันฝันถึงสิ่งเดิม ๆ ซ้ำ ๆ วน ๆ และฝันนั้นก็ดูจะทำให้เรารู้สึกแย่กับมันผิดปกติ เราก็จำเป็นต้องพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนั่นอาจเป็นสัญญาณของ Post-traumatic stress disorder (PTSD) หรือการที่จิตใจเราได้รับความสะเทือนขวัญจนผลิตซ้ำความเจ็บปวดซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้

แต่หากความฝันนั้นอาจแค่ผิดเพี้ยนไปจากช่วงเวลาปกติ เปลี่ยนไปในแต่ละคืน แม้จะดูประหลาดแค่ไหน Mark Blagrove ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก Swansea University แนะนำว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือการพูดถึงความฝัน

เขาแนะนำให้ลองแชร์ความฝันกับคนใกล้ตัวดู (หรือจะไกลตัวก็ได้) เพราะการที่เราแบ่งปันความฝันร่วมกันจะช่วยให้เราเข้าอกเข้าใจความรู้สึก หรือสิ่งที่เราเผชิญร่วมกันได้ดีมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญถ้าเราลองถามคนข้าง ๆ เราจะเริ่มเห็นว่าไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เริ่มฝันเห็นอะไรไม่เหมือนช่วงเวลาปกติ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเห็นว่าเราไม่ได้เผชิญความยากลำบากทางอารมณ์อยู่เพียงลำพัง นอกจากนั้นความฝันคือการเปิดเผยและสะท้อนตัวตนของเราให้ผู้อื่นเห็น ช่วยให้เราสื่อสารกัน เข้าอกเข้าใจกันได้มากขึ้นในช่วงเวลาอันเปราะบางเช่นนี้

เราล้วนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 กันไปในหลากหลายรูปแบบ ทั้งชีวิตยามตื่น และยามฝัน แม้เราจะไม่สามารถช่วยเหลือกันและกันได้ทั้งหมดทุกส่วนของชีวิตที่ได้รับผลกระทบ แต่อย่างน้อยที่สุดการสื่อสาร แบ่งปัน รับฟัง และเข้าอกเข้าใจกันในห้วงเวลานี้ก็น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เราให้กันได้อย่างไม่ลำบากเกินไป

SOURCE: 123, 4, 5

 

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line