Life

ทำไมผู้ชายต้องนอกใจ เป็นเพราะธรรมชาติสร้าง หรือพฤติกรรมที่เราควบคุมได้

By: Chaipohn February 24, 2019
ห้ามฝนไม่ให้ตก ห้ามนกไม่ให้บิน มันเป็นเรื่องที่ยากพอ ๆ กับการห้ามความรักไม่ให้เกิดขึ้น

แน่นอนว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ในสมองมนุษย์ แต่บ่อยครั้งเช่นกันที่ความรักสร้างปัญหาให้เราได้อย่างรุนแรง ส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุจาก การเกิดความรักในจังหวะที่ผิด โดยเฉพาะกับคนที่มีความรักอยู่แล้ว แต่จู่ ๆ กลับรู้สึกรักใครอีกคนเพิ่มขึ้นมาเมื่อได้พูดจาหรือทำความรู้จักกัน ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกใช่ ทำอะไรก็รู้สึกอินไปซะหมด

จนเราเกิดคำถามขึ้นในหัวใจว่า หรือนี่คือคนที่ใช่มากกว่า? และการรู้สึกแบบนี้ถือว่านอกใจหรือไม่?

ก่อนจะไปต่อ เราอยากบอกให้ผู้ชายทุกคนสบายใจก่อนว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บางคนจะรู้สึกหวั่นไหวกับความรักครั้งใหม่ได้บ่อย ๆ แม้จะมีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน แม้เราจะเคยได้ยินข้ออ้างที่บอกว่า “เกิดเป็นผู้ชาย ธรรมชาติสร้างให้เจ้าชู้” แม้จะฟังดูเป็นการแก้ตัวน้ำโคตรขุ่น แต่มันไม่ใช่เรื่องเหลวไหลซะทีเดียว เพราะในทางวิทยาศาสตร์ Hasse Walum นักวิจัยชาว Swedish เคยทำการวิจัยในปี 2008 เพื่อหารูปแบบการนอกใจว่ามีผลกับยีน (Gene) ของมนุษย์หรือไม่ โดยใช้ตัวอย่าง DNA จากผู้ชาย 552 คน

การวิจัยค้นพบว่าการมีอยู่และจำนวนของยีนชื่อ “allele 334” มีผลกับการนอกใจอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยผู้ชายที่ไม่มียีน allele 334 ล้วนเป็นผู้ชายที่มีความสัมพันธ์แข็งแรงยาวนาน ส่วนผู้ชายที่มี allele 334 ตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป จะยิ่งมีความเจ้าชู้มากกว่า และมีแนวโน้มความสัมพันธ์ที่แย่มากขึ้นเท่านั้น

*อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยนี้เป็นเพียงการทำงานบนสถิติเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่สามารถโทษการนอกใจให้กับธรรมชาติเพียงฝ่ายเดียวได้

เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ชายมีคู่รู้สึกหวั่นไหวกับความรักครั้งใหม่ได้ง่ายนั้น ถ้าไม่นับเรื่องยีน คงต้องยกให้ความหนักแน่นของหัวใจเป็นอันดับแรก นักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์บอกว่า ผู้ชายแต่ละคนมักจะมีคำอธิบายและกำหนดความหมายคำว่า “นอกใจ” แตกต่างไปจากผู้หญิง และแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ของแต่ละคนด้วย

ซึ่งการโกหกด้วยเหตุผลที่เข้าข้างตัวเองนี้เรียกว่า “Denial” คือการหลอกตัวเองจากส่วนลึกในจิตใจว่าสิ่งที่กำลังทำนั้น ไม่เข้าข่ายนอกใจ เช่น ก็แค่คุยกันเฉย ๆ ไม่ได้จับมือกอดคอกัน ไม่น่าจะเรียกว่านอกใจนะ หรือแค่ Chat กันบน Social Media เฉย ๆ ไม่ได้มี Sex กันซักหน่อย ไม่น่าจะเรียกว่านอกใจนะ บางทีก็เข้าข้างตัวเองถึงขั้นบอกว่า เกิดเป็นผู้ชาย ไม่เจ้าชู้ก็เสียชาติเกิด และบางครั้งก็โทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุการนอกใจ เช่น Sex ของเรามันไม่ดี ไม่น่าตื่นเต้นเหมือนเดิม ผมก็เลยต้องไปหาใหม่นอกบ้าน แต่ไม่ต้องห่วงนะ มันก็แค่ Sex ไม่ใช่ความรัก หรือหนักเข้าอาจจะคิดว่า ถ้าเธอไม่รู้ ถือว่าไม่ผิด เมื่อสะกดจิตตัวเองว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ผิด จึงไม่รู้สึกหนักใจที่จะแอบทำมันต่อไป

ที่จริงแล้วการเกิดอารมณ์ความรักกับผู้หญิงมากกว่าหนึ่งคนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อเราพบเจอผู้หญิงที่มีข้อดีในส่วนที่คนรักปัจจุบันไม่มี เป็นช่องโหว่ทางความสัมพันธ์ที่เราต้องการเติมเต็ม แม้ตอนแรกเราอาจจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหา แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป ความตื่นเต้นที่ทำให้เรามองแต่ในด้านดีของอีกฝ่ายเริ่มหายไป และพบว่าสาวคนใหม่มีส่วนดีที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง

เช่นแฟนสาวของเราเป็นคนเรียบร้อยน่ารัก ซึ่งมันคือจุดเด่นที่ทำให้เรารักเธอในวันแรก แต่เมื่อเราไปเจอสาวสุดร้อนแรงที่ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เลือดสูบฉีด หัวใจก็เริ่มหวั่นไหว เรากลับเริ่มมีคำถามให้ตัวเองว่า หรือนี่คือสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต หรือนี่คือความรักที่แท้จริงที่เราต้องการกันแน่?

ความตื่นเต้นจากสาร Adrenaline ที่หลั่งในสมอง ทำให้เรารู้สึกเสพติด ความหลงใหลทำให้หลายคนปลอบใจตัวเองว่า เรื่องแค่นี้เอง ไม่เลยเถิดหรอกน่า ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอกมั้ง มองข้ามผลกระทบที่จะตามมาจากการนอกใจ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางสังคม หรือผลกระทบทางจิตใจที่อีกฝ่ายต้องเจอ

นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งปัจจัยสาเหตุหลัก ๆ ทางจิตวิทยาเอาไว้ว่า ผู้ชายที่นอกใจคู่รักฃองเค้ามักจะมีจุดบกพร่องบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

INSECURE : ขาดความมั่นใจ อาจจะรู้สีึกถึงข้อด้อยบางอย่างไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ เช่น รู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาตัวเอง รู้สึกไม่อยากแก่ รู้สึกขาดความเป็นผู้นำ หรือการผิดหวังจากอะไรบางอย่าง จึงต้องการเติมเต็มความมั่นใจด้วยการจีบมีผู้หญิงมากกว่า 1 คน และคิดว่าค่านิยมการมีคนรักจำนวนมากแสดงถึงความเป็นผู้ชายที่เหนือกว่าคนอื่น

IMMATURE : ขาดวุฒิภาวะความรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่น เพราะการนอกใจไม่ใช่แค่ปัญหากับตัวเราเองคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับอารมณ์ และการใช้ชีวิตของอีกสองคน อาจจะเพราะติดภาพวัยเด็กที่ความรักหมดก็จบกันไป แต่การเลิกกันในวัยผู้ใหญ่ที่อาจมีความยุ่งยากเข้ามาเกี่ยว เช่น การทำธุรกิจร่วมกันไปแล้ว หรือการต้องรู้สึกอับอายจากบทบาททางสังคม

UNREALISTIC EXPECTATION : คิดว่าคนรักต้องพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของเราตลอดเวลา ติดภาพความเป็นผู้ชายที่มีความ Sexism ว่าต้องเป็นผู้นำที่เหนือกว่า เมื่อต้องทำกิจกรรมบางอย่างจะรู้สึกไม่พอใจเพราะคิดว่ามันคือหน้าที่ของผู้หญิง เช่น ซักผ้า ล้างจาน และเมื่อไหรที่รู้สึกว่าคู่รักไม่สามารถทำความความต้องการได้ครบ ก็จะเริ่มมองหาคนรักใหม่ที่มีข้อดีที่เราต้องการทันที

 SELFISHNESS : ผู้ชายที่ไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่คิดที่จะเสียสละอะไรตั้งแต่แรก ไม่รู้สึกผิดที่โกหก มีความรักเพราะตัวเองอยากมีเท่านั้น อาจจะเพราะเหงา ฉวยโอกาส หรือผลประโยชน์ก็ตาม แต่ไม่มีการคิดถึงอีกฝ่ายเลยตั้งแต่แรก

นักวิจัยได้ถามและสรุปคำตอบที่ได้จากผู้หญิงที่ถูกนอกใจว่า ความรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องของร่างกาย แต่เป็นความเสียใจจากการโกหก ความรู้สึกถูกหักหลักจากความรัก การพังทลายของความเชื่อใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะผู้ชายที่เลือกจะนอกใจคู่รัก มักจะมองข้ามผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย ซึ่งในรายที่เสียใจรุนแรงก็อาจถึงขั้นเป็น Post-Traumatic Stress Disorder (PTSD) ได้ หรือบางคนอาจต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะฟื้นฟูหัวใจ ปิดโอกาสกลายเป็นคนกลัวความรักไปเลย

“It doesn’t matter if the guy is perfect or the girl is perfect, as long as they are perfect for each other.” – Good Will Hunting 

ไม่มีความรักหรือคนรักที่สมบูรณ์แบบในโลกนี้ มีแต่คนรักที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด นั่นก็ถือเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบมากพอแล้ว ถ้าคนที่คุณอยู่ด้วยตอนนี้แล้วสบายใจ มีความสุขทำให้เรายิ้มได้ แค่นี้ก็นับว่าเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบจนใครหลายคนต้องอิจฉาแล้วล่ะครับ

 

Appendix : 1 / 2 / 3 / 4

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line