Life

ZERO TO HERO: DABOYWAY ชายผู้ใช้บทเพลง HIPHOP แสดงความในใจได้อย่างตรงไปตรงมา

By: TOIISAN August 21, 2019

ในยุคนี้คงไม่มีใครสามารถหลบกระแสของ Hiphop ที่มาแรงได้ เพราะไม่ว่าจะกดโทรทัศน์ไปช่องไหน หรือฟังวิทยุคลื่นอะไรก็จะต้องได้ยินเพลงแรปหรือเพลง Hiphop ผ่านหูผ่านตาไปสักเพลงอย่างแน่นอน

UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับแรปเปอร์รุ่นเก๋าคนหนึ่งคือ “เวย์-ไทเทเนียม” หรือในอีกชื่อคือ “DABOYWAY” และทำให้เราได้เห็นแง่มุมของคนที่อยู่ในวงการ Hiphop มาอย่างยาวนาน ได้รู้ว่าพวกเขาคิดอะไร และรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เห็นเหล่าแรปเปอร์รุ่นใหม่กำลังพยายามก้าวตามความชอบและความฝันบนเส้นทางสาย Hiphop อย่างที่เวย์ได้เคยผ่านมาแล้ว

 

เมื่อไม่สามารถหนีกระแส HIPHOP ให้พ้นได้ จึงนำมาสู่การกลายเป็นคนทำเพลง HIPHOP 

จุดเริ่มต้นที่ทำให้เวย์สนใจเพลง Hiphop มันเริ่มมาจากตรงไหน ?

ตอนอยู่ที่อเมริกา เพื่อน ๆ ทุกคนในโรงเรียนฟังครับ ตั้งแต่ผมอายุ 6-7 ขวบ ฟังพวก MC Ren, Kris Kross, Dr. Dre, Snoop Dogg, Wu-Tang Clan, Nas และ Jay-Z ไล่มาเลย ช่วงนั้น Hiphop เป็นของใหม่ ดังแค่ในกลุ่ม underground แต่เวลาผ่านไปช่วงต้นยุค 90 Hiphop มันเข้ามาอยู่ใน mainstream มากขึ้น เป็นคลื่นกระแสที่มาแรงในอเมริกา เราก็เลยหลบไม่พ้น เดินไปไหนก็เจอเพื่อนพูดถึงว่าฟังเพลง Hiphop เพลงนี้รึยัง ? ทางทีวีอย่างช่อง MTV ก็เริ่มโปรโมตมากขึ้น ซึ่งมันก็เหมือนกับประเทศไทยในตอนนี้ครับ 

หลาย ๆ คนชื่นชอบเพลง Hiphop เหมือนกับเวย์ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ฟังเพลง Hiphop แล้วรู้สึกว่าอยากทำเพลง อะไรที่ทำให้เวย์ตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการคนทำเพลง Hiphop ?

เพราะว่าย้ายมาอยู่เมืองไทยครับ แล้วตอนที่เรามาอยู่ไทย เพื่อน ๆ กลุ่ม Hiphop ในไทยมีคนทำเพลงอยู่แค่ไม่กี่คน และคนทำเพลงส่วนใหญ่จะเป็นเด็กไทยที่ไปโตในอเมริกาเสียมากกว่า แล้วเขาก็เอาสิ่งที่เจอ เอาวัฒนธรรม Hiphop จากอเมริกากลับมาไทยด้วย 

มาประเทศไทย มาเจอกลุ่ม Hiphop ที่มีอยู่แค่หยิบมือ พ่อแม่โอเคไหมกับสิ่งที่เราอยากจะทำ 

พวกเขาไม่เข้าใจครับ รู้สึกว่ามันไม่เข้าท่า ไม่ make sense เอามาก ๆ ว่าทำไมเราไม่ไปโรงเรียน ไม่ตั้งใจเรียน พ่อกับแม่พาลูกมาอเมริกา วางแผนเกี่ยวกับตัวเราไว้ทั้งหมดแล้วเป็น plan A หรือ plan B ผมก็เลยบอกไปว่า  “โอเค ยูคอยดูนะ” เพราะผมรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ทั้งหมด 100% แต่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งสร้างสรรค์ ถึงแม้บางครั้งอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนที่บางคนอยากจะให้เราเป็น แต่นี่คือทางที่ผมเลือก

ช่วงที่เวย์ตัดสินใจทำเพลง Hiphop คนไทยในเวลานั้นยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าการแรปหรือ Hiphop มากเท่าไหร่นัก พวกเขาไม่เข้าใจ สาดคอมเมนต์แย่ ๆ ใส่กลุ่มคนทำเพลง บางคนเรียกสิ่งที่พวกคุณรักว่า ไร้สาระ” 

เมื่อเจอกับถ้อยคำแย่ ๆ ของคนอื่น เราจัดการกับมันยังไงบ้าง ?

“Don’t listen to it”

ไม่ต้องไปถึงพวก Hater เลยครับ มองมาที่พ่อแม่เราก่อนเลย ตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้สนับสนุนเส้นทางที่ผมเลือกเหมือนกัน พวกเขาไม่เข้าใจเพราะ Hiphop ตอนนั้นมันเป็นเรื่องใหม่ เขาก็จะถามเราว่า “อะไรนะ จะไปประเทศไทยเพื่อเป็นแรปเปอร์เนี่ยนะ!?” 

ส่วน Hater ที่ผมไม่สนใจเพราะคุณไม่รู้เกี่ยวกับ Hiphop คุณไม่รู้จักมันจริง ๆ แต่สำหรับผม Hiphop มันทำมาหากินได้ ก็ไม่เข้าใจว่าแล้วพวกเขามีปัญหาอะไร ? คิดว่า Hiphop มันต้องเป็นแบบนั้น ต้องเป็นแบบนี้ ผมก็คิดว่าเป็นอีกครั้งที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ 

แสดงว่าเวย์ไม่แคร์คำพูดของพวก Hater ?

I don’t, because I care about the work and care about what I’m doing.

 

HIPHOP ไม่ใช่แค่สไตล์ แต่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ DABOYWAY ผ่านบทเพลง

สำหรับคนในวงการดนตรี ไม่ใช่แค่ก้าวออกมาข้างหน้าเวที จับไมโครโฟนร้องจนจบหนึ่งเพลงแล้วก็จบไปเท่านั้น เพราะคนในวงการดนตรีจำนวนไม่น้อยก็เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังซาวด์ดนตรีเท่ ๆ แต่งเนื้อเพลงเจ๋ง ๆ และนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดผ่านเสียงเพลง และเวย์ก็เป็นหนึ่งในคนดนตรีที่ทำทั้งร้อง แต่งเพลง ทำดนตรี เพื่อให้ผลงานที่ออกมาตรงใจมากที่สุด

เขียนเพลงแรก ๆ ยากไหม ?

ตอนนั้นมันเหมือนกับว่าเราพยายาม พยายามทำมาก ๆ จุดเริ่มต้นคือผมเห็นขันนั่งทำเพลงอยู่ในสตูดิโอ ก็เลยลองเขียนเนื้อเพลงบ้าง แต่ตอนนั้นกว่าจะเขียนให้ได้ท่อนหนึ่งให้ตรงกับ beat มันใช้เวลานานมากทั้งวันทั้งคืน บางทีเขียนข้ามวันก็ยังไม่ได้ เราก็ฝึกไปเรื่อย ๆ ยังไม่ได้คิดที่จะทำเป็นจริงเป็นจัง เขียนเล่น ๆ แต่ก็เขียนทุกวัน แล้วพอเราได้เล่นหนัง ไปทำ Teen 8 Grade A ได้ทำโน่นนี่หลายอย่าง สุดท้ายย้ายกลับไป New York แล้วขันก็ไปด้วย ก็เลยเริ่มไปทำเพลงอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนั้น 

แรงบันดาลใจที่ทำให้เราเขียนเนื้อเพลงได้มาจากอะไรบ้าง ?

ง่ายที่สุดเลยคือเอามาจากชีวิตของตัวเองครับ แต่ละเพลงจะบอกช่วงเวลาว่าเรานึกถึงมันตอนไหน และเล่าประสบการณ์ สิ่งรอบตัวที่เราเจอมาผ่านเนื้อเพลง

ตอนแรกทำเพลงกับเพื่อน ๆ มีวงเป็นของตัวเองชื่อ Thaitanium ส่วนตอนนี้ทำเพลง Hiphop ในนาม DABOYWAY การทำเพลงระหว่างวงกับทำเดี่ยวมันแตกต่างกันไหม ?

ตอนทำเดี่ยวมันก็จะเป็นเรื่องราวในแบบ DABOYWAY เป็นสิ่งที่ DABOYWAY คิดและอยากบอก ส่วนตอนทำเพลงกับ Thaitanium มันก็จะเป็นเรื่องราวของไทเท ส่วนการทำเพลงมันก็มีขั้นตอนที่คล้าย ๆ กันแหละครับ แต่ในความคล้ายที่ว่ามันก็มีความต่างเล็ก ๆ อยู่ เช่น การกำหนดคอนเซ็ปต์ของเพลงและอัลบั้ม หรือการร่วมงานกับทีมใหม่ ๆ ทั้ง Thaita Team และ DABOYWAY Team ก็ต่างกัน

แล้วเราก็แฮปปี้กับการทำเพลงร่วมกับทั้งสองทีม ?

ครับ แฮปปี้กับทั้งสองเพราะเราทุกคนส่วนใหญ่อยู่ด้วยกันมานานมากครับ เราได้อยู่ด้วยกัน ออกทัวร์ด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกัน

ตอนนี้ DABOYWAY มีเพลงใหม่ที่ปล่อยออกมาเรียบร้อยแล้วกับเพลง “วันอะไร” เราอยากรู้ว่าแรงบันดาลใจของการทำเพลงเพลงนี้ได้มาจากอะไร

วันอะไร คือชีวิตการทำงานของผม ทำงานไปเรื่อย ๆ ทำงานอยู่ทุกวัน หมกมุ่นกับสิ่งที่เรารักจนบางทีก็เผลอทำงานจนลืมวันลืมคืน มันคือเพลงที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องราวชีวิตของผม อาการที่เกิดขึ้นระหว่างที่กำลังทำสิ่งที่ชอบ ช่วงเวลาที่เรากำลังตามหาความฝัน 

เพราะว่าทำเพลงเอง หยิบเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเจอมาในชีวิตมาอยู่ในเสียงดนตรี แต่ก็จะต้องมีช่วงเวลาที่นึกเนื้อเพลงไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไรต่อใช่ไหม ?

เจอครับ มันจะมีช่วงเวลาที่นึกไม่ออกเขียนเนื้อไม่ได้เลย ก็ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ? สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนบรรยากาศหรือเปลี่ยนเป็นเพลงอื่นไปเลย สมมุติว่าเรากำลังติดอยู่กับเพลงนี้แต่ไปไหนไม่ได้แล้วนึกท่อนต่อไปไม่ออก ก็เปลี่ยนไปฟังเพลงอื่นแทน แต่งเพลงอื่น นึกถึงบทสนทนาที่เราเคยคุยกับผู้คน มันช่วยได้ครับ เสร็จแล้วค่อยกลับมาอยู่กับมันใหม่ 

เวลาที่เรากำลังเผชิญหน้ากับความกดดันก็มองให้มันเป็นเรื่องเล่น ๆ ไป อย่างให้ความกดดันทำเราเครียดมากไป แล้วเนื้อเพลงมันจะไหลออกมาง่ายกว่า 

อารมณ์ตอนที่เราได้จมอยู่กับการแต่งเพลงการทำเพลงมันคือความรู้สึกแบบไหน ?

มันคือการปลดปล่อยครับ ปล่อยความคิดที่มันวนอยู่ในหัวเราทั้งวัน เวลาเราไปห้องอัดเสียงก็เหมือนกับเราได้โหลดข้อมูลสมองและระเบิดมันออกมา 

ถึงแม้จะต้องแบ่งเวลาให้กับทั้ง Thaitanium และ DABOYWAY แต่เวย์ก็ถือเป็นต้นแบบที่ทำเพลง Hiphop แล้วประสบความสำเร็จทั้งในด้านงานและครอบครัว เราจึงอยากรู้ว่าเวย์แบ่งเวลาอย่างไรให้กับงานและครอบครัวไปพร้อม ๆ กันได้ 

มันยากมาก ผมพยายามทุกวันครับ พยายามทำให้ทั้งงานและครอบครัวมันสมดุลและเดินไปด้วยกันได้ เพราะทุกอย่างจะดีที่สุดเมื่อมันอยู่ตรงกลาง น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ไม่ดี

 

ก้าวต่อไปที่ใหญ่กว่าของ DABOYWAY

Hiphop สำหรับเวย์คืออะไร ?

“Hiphop is a lifestyle, its a way of life”  

คิดว่าความฝันบนเส้นทาง Hiphop ของตัวเองบรรลุถึงเป้าหมายแล้วหรือยัง ?

ครับ สำเร็จไปแล้วประมาณหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วผมก็ยังมีเป้าหมายใหม่ที่อยากทำให้ได้อยู่เรื่อย ๆ สิ่งนี้มันทำให้เรามุ่งหน้าต่อไปและพยายามทำมันให้สำเร็จ

เป้าหมายต่อไปที่ว่าคืออะไร ? 

“ผมอยากจะนำเสนอ Thai Hiphop ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และผลักดัน Hiphop ไทยสายเลือดใหม่ให้ไปได้ไกลกว่านี้”

ถ้าในด้านของการเป็นศิลปินอยากทำทัวร์ อยากครีเอทให้มันเป็นเรื่องเป็นราว ผมอยากให้เราไปยืนอยู่แถวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือแม้กระทั่งเอเชียให้ได้ อันนี้คือเป้าสำหรับ Hiphop ของผมนะครับ แล้วก็ผลักดันเด็กสายเลือดใหม่ให้ได้ดี จริง ๆ ตอนนี้มันก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็อยากจะมีส่วนร่วมเพื่อผลักให้ไปได้ดีกว่านี้ เพราะผมเชื่อว่า Thai Hiphop มันสามารถไปได้ดีกว่านี้เยอะ ถ้าเราช่วยกันคนละไม้คนละมือมันก็อาจเป็นไปได้จริง

ในฐานะที่เวย์อยู่ในวงการ Hiphop ของไทยมานานตั้งแต่ช่วงที่ยังอยู่ใต้ดิน เป็นแค่ Subculture แต่ตอนนี้ Hiphop กลายมาเป็นกระแสหลักของวงการเพลงไทย ความนิยมที่มากขึ้นมันจะทำให้ความหมายของ Hiphop เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ? แล้วมันดีไหมที่คนรู้จัก Hiphop มากขึ้น 

ผมคิดว่ามันเปลี่ยนนะ มันก็เหมือนกับทุก  ๆ อย่าง หรือทุก ๆ เรื่องที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่ถามว่าดีมั้ยก็ตอบได้เลยว่า ดีกว่าเดิมแน่นอน 100% เพราะคนเริ่มเข้าใจมากขึ้นจากตอนแรกที่ความคิดเห็นเกี่ยวกับ Hiphop ไม่เหมือนกันเลย ตอนนี้คนทั่วไปเข้าใจ 

มันไม่ใช่เรื่องน่าอายที่คุณจะบอกใครว่า “กูอยากเป็นแรปเปอร์”

หรือบอกคนอื่น ๆ ว่าคุณอยากทำเพลง อยากเป็นนักดนตรี เพราะสิ่งเหล่านี้มันทำเงินได้ เดี๋ยวนี้ Hiphop ไทยรุ่นใหม่ตอนนี้อายุประมาณ 20-21 ปี เป็นเด็กวัยรุ่นเต็มที่เลย แต่ก่อนที่ผมมาประเทศไทยเห็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณนี้เขาจะไม่ค่อยทำงาน ซึ่งมันไม่ผิดครับ แต่ในตอนนี้แรปเปอร์รุ่นใหม่เริ่มทำงานในสิ่งที่รักมากขึ้น เขาหาอะไรที่มันสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง แถมความชอบยังหาเงินได้อีก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มันทำให้เด็กรุ่นใหม่พัฒนาตัวเองมากขึ้น เดินไปข้างหน้ามากขึ้น พอได้เห็นก็รู้สึกดีครับ 

เดี๋ยวนี้แรปเปอร์สายเลือดใหม่มีมากขึ้น เด็กไทยจำนวนไม่น้อยสนใจการแรปและสไตล์ Hiphop เลยอยากให้เวย์ฝากคำแนะนำถึง New Generation ว่าเขาต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะมีความสุขและประสบความสำเร็จในสิ่งที่รัก

ถ้าคุณรู้ว่าอะไรคือจุดหมายของตัวเอง อะไรคือเป้าที่ต้องพุ่งชน และรู้ว่าอะไรคือความชอบ อยากให้ทำมันเลยและอย่ายอมแพ้ ถ้ามีคนที่ไม่รู้จักคุณมาบอกว่าเราไม่มีทางทำได้ เราไม่มีวันประสบความสำเร็จ ผมก็จะบอกกลับไปว่า “มึงนั่นแหละที่ทำไม่ได้ แต่ว่าเราทำได้” ขอให้มั่นใจ กอบโกยความรู้ พยายามให้มากและหมั่นฝึกฝนทุกวัน เพราะพอเราได้ฝึกบ่อย ๆ เราก็จะทำได้ดียิ่งขึ้น 

“Work hard, be open, keep doing it และอย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว”

 

PHOTOGRAPHER: Warynthorn Buratachwatanasiri

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line