Life

ZERO TO HERO : “TRYST” วงร็อกน้องใหม่ฟอร์มดนตรีสุดจัดจ้าน ที่ถือกำเนิดจากกองเถ้าถ่านของความผิดหวังในอดีต

By: JEDDY December 24, 2022

หลังจากช่วงหลายปีก่อนกระแสดนตรีแร็ปและฮิปฮอปเข้ามาครองบ้านเราแบบทุกหย่อมหญ้า แต่ในช่วงระยะหลังก็เริ่มรู้สึกว่ากระแสดนตรีร็อกกำลังค่อย ๆ กลับมาเช่นกัน มีวงดนตรีมากมายที่เกิดขึ้นมาใหม่ และเริ่มเข้ามามีบทบาทกับวงการแบบที่ไม่ได้เห็นมาพักใหญ่ ๆ หนึ่งในวงเหล่านั้นคือ Tryst (ทริสต์) วงร็อกรสจัดจ้านจากสังกัด Gene Lab ที่เพิ่งมาอายุวงเพียงขวบกว่า ๆ เท่านั้น


“TRYST” ไฟที่ลุกโชนจากกองเถ้าถ่าน

Tryst เกิดจากการรวมตัวของ 3 สมาชิก ได้แก่  อาร์ท – ทวีทรัพย์ อาจอำนวย (ร้องนำ)โฟล์ค – วัชระ วิลาทอง (กีต้าร์ / ซินธ์) และ นุ๊ก – ธนพงษ์ โชติช่วง (กลอง) เดิมทีอาร์ทเคยทำหน้าที่นักร้องนำให้กับวง Lasthoper มาก่อน ส่วนโฟล์คและนุ๊กปกติก็เล่นดนตรีด้วยกันอยู่แล้ว แถมยังเป็นแฟนเพลงของอาร์ทด้วยเช่นกัน ถึงขนาดเคยคุยกันว่าถ้าจะหานักร้องนำซักคนมาทำวงจริงจัง ตัวเลือกนั้นจะต้องเป็น “อาร์ท” เท่านั้น 

จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งพวกเขาได้ไปเจอกันในร้านที่ไปเล่นกลางคืน ประจวบเหมาะกับช่วงที่วง Lasthoper ได้เบรกไป ทางโฟล์คและนุ๊ก จึงได้ชักชวนอาร์ทให้มาเข้าร่วมวงทันที

โฟล์ค…

“ผมมองว่าอาร์ทเป็นนักร้องที่ร้องได้มากกว่าการสครีม ผมก็บอกว่าเราอยากเล่นดนตรีเป็นวง ก็เลยขึ้นเพลงแรก ‘Alive’ ขึ้นมาครับ”

หลังจากก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นวงขึ้นมา สิ่งที่ตามมาก็คงไม่ต่างจากวงอื่น ๆ นั่นก็คือการตั้งชื่อวง โดยอาร์ทเป็นคนรับหน้าที่ดังกล่าวด้วยตัวเอง ซึ่งก็คิดมาหลายชื่อมาก ตอนแรกจะใช้คำว่า “Lynx (ลิงซ์)” ที่มีความหมายว่าแมวป่า แต่ดันไปซ้ำกับคนอื่น จนสุดท้ายก็ได้คำว่า “Tryst (ทริสต์)” มาแทน และมันก็ตรงกับคอนเซปต์ที่ต้องการให้มีเพียงพยางค์เดียว เพราะง่ายต่อการจดจำ ส่วนความหมายของมันคือ “จุดนัดพบ”

“ตอนนั้นความหมายที่เราโอเคเลือกคือศูนย์รวม รวมทั้งตัวพวกเราด้วย ที่มีความชอบเหมือนกัน และอาจจะรวมถึงแฟนเพลงที่ชอบงานของเรา คุณก็มารวมกันตรงนี้ได้”


“ALIVE” ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ!

หลังจากที่ทุกอย่างลงตัว ทั้ง 3 คนก็ไม่รอช้ารีบจัดการทำเพลงกันทันที จนสุดท้ายก็ได้เป็นเพลง “Alive” ออกมา แถมยังทำ MV ออกมาให้ชมกันด้วย ถ้าจะให้พูดตรง ๆ มันก็คืองบที่พวกเขาเจียดเงินทำงานมาลงทุนกันเอง

ส่วนแนวเพลงวง Tryst เลือกสื่อสารออกมาให้เป็นแนวนูเมทัล เต็มไปด้วยการสาดอารมณ์ของความเกรี้ยวกราดได้อย่างสะใจ มีท่อนเบรกดาวน์ที่ใช้การร้องแร็ปเข้ามาผสม ถือเป็นจุดพีคของเพลงนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเนื้อหามันคือชีวิตของอาร์ทที่ผ่านอาการดาวน์แบบสุด ๆ มา

 

“พูดถึงในช่วงนั้นเลย ช่วงที่ผมดาวน์มาก ๆ ช่วงที่รู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว ช่วงที่เราต้องสู้กับปัญหาต่าง ๆ แค่ตัวคนเดียว สู้กับโรคในตอนนั้นที่เราเจอกัน ตอนนั้นก็เริ่มมีทั้งปัญหาที่บ้านเพราะผมย้ายบ้านด้วย แล้วก็ปัญหาที่วงเก่า เพราะผมออกจากวง

ตอนนั้นมันค่อนข้างหนักเหมือนกัน คือในเนื้อเพลงมันมีร้องว่าพื้นดินที่แห้งผาก เรื่องราววันนั้นพื้นดินตรงนั้น มันคือพื้นดินที่บ้านผมนั่นแหละ ที่บ้านใหม่มันแห้ง แห้งแตกเลย

ตอนนั้นจิตใจผมรู้สึกว่ามันบอบบางมากเลยนะ ไม่รู้จะผ่านตรงนี้ไปอย่างไร แต่สุดท้ายผมก็คิดว่ามันต้องไปได้สิ ก็กลายเป็นท่อนที่ร้องว่า ‘ที่ใดที่ฉันจะไป ที่ใดที่ฉันเลือกหนทาง มันต้องมีสักทางแหละ แม้จะอ้างว้าง’ ก็เล่ามาตามชีวิตตอนนั้นเลยครับ”

ภายหลังเพลงนี้ได้ถูกนำมาปรับปรุงซาวด์ใหม่และเป็นซิงเกิ้ลแรกของ Tryst ในนาม Gene Lab


LUCKY IN GAME

จากความตั้งใจและไม่ยอมแพ้ สุดท้ายโอกาสก็มาถึงเมื่อทาง GMM Grammy มีการเปิดออดิชั่นเพื่อเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่เข้าค่าย พวกเขาจึงตัดสินใจส่งเพลง “Alive” ไปพร้อมกับเพลง “รักจริงรักปลอม” ของวง Clash ที่นำมาแมชอัพกับท่อนแร็ปในเพลง “ใส่ร้ายป้ายสี” สุดท้ายผลงานก็เข้าตากรรมการ จนผ่านทะลุไปสู่รอบ 30 วงสุดท้าย

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ทุกคนต่างก็หนักใจ เพราะในตอนนั้น Tryst เพิ่งจะมีอายุวงเพียง 6-7 เดือนเท่านั้น ประกอบกับเพิ่งมีเพลงตัวเองแค่เพลงเดียว แต่สุดท้ายทั้ง 3 คนก็ตัดสินใจลุยแบบใส่ให้สุดตัวราวกับว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีอีกแล้ว ประกอบกับความอัดอั้นที่ไม่ได้มีโอกาสขึ้นเวที ทำให้พวกเขาปลดปล่อยความบ้าคลั่งออกมาแบบไม่มีกั๊ก สร้างความประทับใจให้กับกรรมการที่มีทั้งศิลปินและคนดู ทุกคนต่างเทใจจนทำให้วง Tryst ได้รับคะแนนโหวตติด Top 5

“พอเล่นเสร็จเขาจะมีทีมงานเรียกเข้าไปในห้อง ถ้าวงไหนที่เข้าตากรรมการทีมค่ายก็จะเข้ามาคุยในห้องนั้น ตอนนั้นมีพี่หมู Sweet Mullet มาด้วย มีพี่โอม Cocktail ด้วยครับ แล้วก็ฮาย Paper Planes รวมถึงผู้บริหารเต็มห้องเลย”

ณ ตอนนั้นมีค่ายเพลงถึง 4 ค่ายมาทาบทามให้พวกเขาเซ็นสัญญาทันที ประกอบไปด้วย genie records, Gene Lab, White Music และสนามหลวง แต่สุดท้ายวง Tryst ก็เลือก Gene Lab เพราะว่าทุกคนต่างชื่นชอบค่ายนี้อยู่แล้ว รวมถึงยังเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของโอม Cocktail ผู้บริหารค่ายด้วยเช่นกัน


FIRST STEP กับบทบาทศิลปินอาชีพ

Tryst ชื่อว่าใช้เวลารวดเร็วมาก ๆ กับการก้าวมาเป็นศิลปินอาชีพ นั่นทำให้พวกเขาก็ตื่นเต้นกับโอกาสนี้กันมาก ๆ มีการโทรกลับไปบอกคนในครอบครัวกันทุกคน แต่นอกเหนือจากครอบครัวแล้ว อาร์ทตัดสินใจที่จะบอก “เต๋า Sweet Mullet” อีกหนึ่งคน เพราะทั้ง 2 มีความผูกพันธ์กันแบบที่หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อน

อาร์ท…

“ผมคุยกับพี่เต๋ามาสักพักแล้วครับ คุยกับแกมานานแล้วตั้งแต่ช่วงยังเล่นอยู่ใน Underground แกอยู่ในช่วงที่ผมแย่ แกคือคนที่รับฟังในช่วงที่ผมดาวน์มาก ๆ แล้วช่วยแก้ปัญหาด้วยนะไม่ได้รับฟังอย่างเดียว รู้สึกเหมือนแกเป็นพี่ที่คอยรับฟังและช่วยให้เราผ่านเรื่องแย่ ๆ มาได้

พี่เต๋าคือศิลปินคนแรกที่ให้ผมขึ้นไปแจม ขึ้นไปร้องเพลง ‘พลังแสงอาทิตย์’

ผมจำได้เลยที่ร้าน Twenty Something  พอไปถึงพี่เต๋าก็ทัก ‘อาร์ท วันนี้ขึ้นแจมเลยเพลงสุดท้าย พลังแสงอาทิตย์’ ผมก็ตกใจบอกว่าผมเพิ่งเจอกับพี่เองนะเนี่ย

ก่อนหน้านั้นคุยกันแบบเผิน ๆ พอมาเจอผมก็ตกใจว่าทำไมแกถึงให้ขึ้นไปแจม ในใจก็รู้สึกดีใจนะ แต่ก็แอบคิดว่าจะทำได้ไหม แล้วก็จบด้วยการขึ้นไปแจม โคตรมีความสุขเลย เหมือนเด็กคนหนึ่งที่โตมากับพวกพี่ ๆ เขา แล้วอยู่ดี ๆ เขาก็เรียกเราขึ้นไปแจมในเพลงสำคัญด้วย วันนั้นเหมือนขึ้นสวรรค์ พูดจริง ๆ นะ อารมณ์นั้นเลยครับ”

(คลิปนี้มาจากคอนเสิร์ต ณ Live House, RCA ส่วนที่ร้าน Twenty Something ไม่มีการบันทึกวิดีโอเอาไว้)

อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปในการมาเป็นศิลปินอาชีพ นั่นก็คือมี Deadline ในการส่งเดโม่เพลง ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวทำงานเป็นระบบมากยิ่งขึ้น มีการทำงานร่วมกับโปรดิวซ์เซอร์ และต้องทำงานร่วมกับฝ่ายการตลาด เพื่อวาง Target ให้วงเป็นไปตาม Goal ที่กำหนดไว้


ปล่อยรักให้ตาย (DEAD / LOVE)

“ปล่อยให้รักตาย” ซิงเกิ้ลที่ 2 ของวง Tryst ที่ออกมาตอกย้ำตัวตนของดนตรีที่หนักหน่วง และเป็นการบอกเล่าเรื่องราวการยอมทิ้งความรักที่ทำให้จิตใจเราต้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่กว่าจะได้เนื้อเพลงที่ลงตัวมีการแก้ไขกันถึง 4 ดราฟท์

โฟล์ค…

“ตอนแรกเนื้อหาไม่ใช่อย่างเวอร์ชันปัจจุบันนะครับ แต่ว่าอาร์ทชอบเหลือเกินคำว่า ‘Get Away From Me’ ต่อให้เปลี่ยนเนื้อเวอร์ชั่นไหนก็ตามคำนี้ต้องมีอยู่ ผมเองก็เพิ่งรู้ก่อนวันอัด 2-3 วันว่าเปลี่ยนเนื้ออีกแล้วเหรอ แต่ด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ มันหลอมรวมให้การสื่อสารมันออกมาเป็นแบบนั้นครับ”

ความพิเศษของเพลงนี้อีกหนึ่งสิ่ง คือการได้ “เมฆ Machina” มาช่วยทำซาวด์ดีไซน์ให้ ช่วยเพิ่มเลเยอร์ที่หลากหลายให้กับ “ปล่อยให้รักตาย” มากยิ่งขึ้น


หากฉันรู้มาก่อน – น้าค่อม – โฟโมส TAITOSMITH

“หากฉันรู้มาก่อน” คือเพลงช้าเพลงแรกของวง Tryst ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของการห่างไกลจากคนที่เรารัก ซึ่งทั้งดนตรีและเนื้อร้องถูกแต่งขึ้นในช่วงโควิดพอดี นอกจากนั้นพวกเขายังได้ชวน “โฟโมส” จากวง Taitosmith มาร่วมกันถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงร้องอีกด้วย เพราะอาร์ทได้มีโอกาสคุยกับโฟโมสมาเมื่อหลายปีก่อนว่าอยากให้มาร้องเพลงด้วยกันซักเพลง ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีวง Tryst เลย จนในที่สุดก็ได้มาทำงานร่วมกันในค่ายเดียวกัน

อาร์ท…

“ด้วยอารมณ์เพลง ผมว่าโมสก็เหมาะในความเป็นไททศมิตร เลยลองส่งเพลงให้โมสฟังดู แล้วโทรถามกัน เขาก็ตอบว่าได้เลย ชอบ เขาก็นึกเนื้อเพลงกลับมาด้วยนะ มีเนื้อเพลงกลับมาให้เลย คือผมเขียนไปมันคือ เวิร์สและฮุก

หลังจากนั้นโมสก็มีฮุกของตัวเองมา กลายเป็นว่ามันแปลกที่เนื้อท่อนฮุกมันไม่ค่อยเหมือนกัน แต่เราจะทำอย่างไรดีให้มันอยู่ด้วยกันได้ ในท่อนสุดท้ายเราก็เลยเอามารวมกันให้มันอยู่ด้วยกัน และผมมองว่าโมสเหมือนเข้ามาพูดในเรื่องของคนที่ไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนผมพูดถึงคนที่ห่างไกลเฉย ๆ ที่ยังอยู่ มันเลยเหมือนเติมเต็มกัน เป็นเพลงที่รู้สึกอิมแพ็คกับความรู้สึกทุกคน ณ ตอนนั้น”

แต่มีอีกเรื่องที่ชวนตลกในระหว่างทำเดโม่เพลงนี้ อาร์ตได้เลียนแบบเสียงโฟโมสแล้วก็อัดส่งไปให้เพื่อนในวงฟัง ซึ่งทำให้เพื่อนเข้าใจผิดคิดว่าโฟโมสอัดมาจริง ๆ ถึงกับซึ้งจัดจนเสียน้ำตาไปเลย จนได้มารู้ความจริงหลังจากที่ได้ถาม อาร์ท

ส่วนอีกหนึ่งแรงบันดาลใจก็มาจากน้าค่อม ชวนชื่น

“ตอนนั้นข่าวน้าค่อมเสียด้วย ภาพน้าค่อมที่เดินลงมาจากบันไดบ้านมันผุดขึ้นมาในหัวผม ตอนแรกผมนึกถึงครอบครัว จนได้ประโยคว่า ่วันเวลาเนิ่นนานไม่ได้เจอ’ ขึ้นมา

แล้วอยู่ดี ๆ ภาพในหัวที่เป็นน้าค่อมมันผุดขึ้นมาแล้วก็ได้ท่อน ‘หากฉันรู้มาก่อน’ เรามานั่งคิดว่า ณ ช่วงเวลานั้นน่ะ ถ้าตีเป็นตัวเอง เราจะทำอะไรได้บ้างไหม มันไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเราจะจบลงที่ตรงไหนครับ”


เป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น

การเลือกเดินมาอยู่ค่ายใหญ่คือความตั้งใจของวง Tryst ตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาก็พร้อมจะรับเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ต้องพบเจอในรูปแบบการทำงานกับองค์กรใหญ่อยู่แล้ว

อาร์ท…

“ผมมองว่าทุกคนต้องทำมาหากินนะ ถ้าจะอยู่ในประเทศนี้ ดนตรีในประเทศเรามันไม่เหมือนต่างประเทศ ที่จะสามารถทำอะไรตามใจขนาดนั้นแล้วมีงานทัวร์ได้ตลอดปี

แต่ในมุมของผม ผมเลือกเข้ามาค่ายใหญ่ ผมก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอยู่แล้ว

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าเปลี่ยนตัวเองทั้งหมดก็อย่าทำ แต่ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เราชอบ และมันไปสู่จุดที่เราดีขึ้นได้ ผมก็โอเคนะครับ

มันคือชีวิตจริงแล้ว พอโตขึ้นมาชีวิตไม่ใช่เรื่องเล่นแล้ว ไม่ใช่แค่เล่นดนตรี แต่กับคนที่โอเคกับคนที่มีแพชชั่นต่อแนวดนตรีอื่น ๆ ที่เขาทำเพราะเขาชอบจริง ๆ ผมนับถือเขามาก ๆ คนเหล่านี้เขาสุดในการเลือกทำสิ่งที่ตัวเองชอบและอาจจะไม่ได้เงิน อาจจะไม่ได้เอามาเลี้ยงชีพ

แต่ผมมอง GMM มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก ๆ วงที่ผมโตมาก็คือ Clash, Big Ass, Retrospect, Sweet Mullet ฯลฯ โตมากับพี่หลายคนในแกรมมี่อยู่แล้ว Goal ของผมคือที่นี่ แล้วทำไมผมต้องปฏิเสธ เพราะผมชัดเจน

ถ้าจะถามว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม มันต้องมีครับ เพราะถ้าไม่มี มันก็ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครับ”

โฟล์ค…

“ผมมองว่าไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากครับ แต่มันเป็นเรื่องที่ว่าเราจะพรีเซนต์ตัวเองได้ขนาดไหนมากกว่า ทุกวันนี้ของ TRYST ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนตัวตนเลย สิ่งที่เราทำไปก็คือตัวตนของเราจริง ๆ ไม่มีใครเปลี่ยนเราได้อยู่แล้ว

ผมจึงมองว่าถ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมันก็เป็นเรื่องดีกับตัวเราด้วย แต่ผมมองว่ามันไม่ได้เปลี่ยนเลย เป็นแค่การนำเสนอแค่นั้นเอง”

นุ๊ก…

“ผมว่าก็ไม่ได้เปลี่ยนตัวตน ไม่ได้เปลี่ยนอะไร เพราะผมเป็นคนชอบหลายแนว แต่การทำเพลงในค่าย เราสามารถดึงอะไรหลายแนวมาใช้กับสิ่งที่เราชอบได้ มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเยอะเลย มันเป็นตัวตนของเราอยู่แล้วครับ”


DON’T CRY ท้อบ้างแต่ไม่เคยถอย

ทุกคนล้วนแต่เคยต้องผ่านจุดท้อแท้ สามหนุ่มจากวง Tryst ก็เช่นกัน โดยเฉพาะนุ๊กมือกลองที่เคยเกือบตัดสินใจลาออกจากวง เพราะเอาแต่โทษตัวเองว่าไม่ดีพอสำหรับเพื่อน ๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้ และทำให้รู้ตัวเลยว่ามีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้นขนาดไหน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็เปรียบดังซิงเกิ้ลล่าสุด “Don’t Cry” 

เพลงนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับเอาความเครียด เอาความหนักใจในชีวิตออกไปโยนทิ้ง ไปพักให้สบายใจก่อน พอได้พลังแล้วก็ค่อยเดินหน้าต่อ

อาร์ท

“ถ้าเครียดมาก ๆ หรือเจออะไรมาหนัก ๆ ก็อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นต่อเลย หรือไปทำอะไรกันก่อนไหม ลองทะเล ไปเที่ยวเขา หรือแล้วแต่ว่าใครอยากจะทำอะไร พวกผมชอบทะเล ภูเขา ชอบเดินทางก็เลยเล่าไปทางนั้น วิธีผ่อนคลายพวกผมอาจจะเป็นแบบนี้ พักเรื่องเครียดไว้ก่อน ลองออกไปสูดอากาศให้เต็มปอดดูก่อนครับ”


เป็นอีกหนึ่งวงร็อกที่น่าจับตามองจริง ๆ ไฟยังแรง แถมมีแพชชั่นเต็มเปี่ยม เชื่อได้เลยว่าถ้าพวกเขาไม่หยุดเดิน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านี้รออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอนครับ

สามารถติดตามผลงานได้ทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของวง Tryst และ Gene Lab (Facebook, Instagram และ Twitter) รวมถึงสามารถฟังเพลงได้ทุกช่องทางสตรีมมิ่ง

ขอบคุณรูปภาพประกอบบางส่วนจากแฟนเพจ Tryst ด้วยครับ

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line