มากกว่าแค่เกมส์กีฬา เพราะมันคือมหกรรมโชว์ของ ทั้งการแสดง โฆษณาระดับโลกมูลค่าหมื่นล้าน

จบไปแล้วสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ประจำปี ของ National Football League ( NFL ) หรือ อเมริกันฟุตบอลกีฬายอดฮิตอันดับ 1 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลายคนก็น่าจะทราบผลการแข่งขันไปเรียบร้อยแล้วว่าทีม New England Patriots สามารถสร้างปาฎิหารย์พลิกกลับมาเอาชนะ Atlanta Falcon ไปได้ 34-28 และเป็นการคว้าแหวนแชมป์เปี้ยนอีกครั้งสำหรับยอดควอเตอร์แบ็ค Tom Brady ซึ่งส่งผลให้เขาเป็นผู้เล่นที่คว้าแหวน Super Bowl มากที่สุดตลอดกาลจำนวน 5 ครั้ง พร้อมตำแหน่งแชมป์  MVP  4  สมัย

แต่ประเด็นที่เราหยิบยกมาพูดในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของการแข่งขัน หรือตัว Tom Brady เพราะเรากำลังพูดถึงธุรกิจที่มีกำไรมหาศาลมากที่สุดในโลกธุรกิจหนึ่งนั่นคือ sport business โดยเฉพาะ Super Bowl ในปัจจุบัน Super Bowl ไม่ใช่เพียงการแข่งขันกีฬาระดับชาติอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นอีเว้นท์ที่คนทั้งโลกตั้งตารอ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การแข่งขัน ก็คือผลงานโฆษณาและการแสดงระหว่างพักครึ่ง ( Halftime show ) เพราะว่ากันว่า Super Bowl เป็นช่วงเวลาที่ทีวีที่มีเรตติ้งดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ชมจากทั่วโลก  (Viewership)  เฉลี่ยปีละ 111 ล้านคนตั้งแต่ปี  2011  ทำให้ทุกบริษัทต่างต้องแย่งประมูลเพื่อให้ได้ช่วงเวลา  tvc 30 second  เป็นจำนวนเงินมหาศาล และทำ  Production  ออกมาอลังการที่สุดในการโฆษณาแบรนด์ของตัวเองผ่านช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ Super Bowl Halftime เปรียบเหมือนดัง  Most American want   ในวงการโฆษณา

Rating 

อย่างที่เรารู้กันว่า Super Bowl เป็นช่วงเวลาที่มีเรตติ้งมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าในทิศทางของ 2 ปีหลังสุดจะต่ำลงมาเรื่อยๆ โดยนักวิเคราะห์ได้กล่าวว่าอาจเพราะปัจจุบันมีอินเตอร์เน็ตที่สามารถรับชมทางออนไลน์ได้ และว่ากันว่าทิศทางน่าต่ำลงไปเช่นนี้เรื่อยๆ เช่นเดียวกับพฤติกรรมการรับชมทีวีของคนไทย แต่อย่างน้อยแบรนด์ต่างๆ ที่จ่ายเงินไปก็มั่นใจได้ว่าจะเข้าถึงคนอย่างน้อย 100 ล้านคนเบาะๆ ที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ของพวกเขาผ่านทางช่วงพักครึ่ง และระหว่างถ่ายทอดสด อีกทั้งคนที่เห็น  TVC  เหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะเป็น  target group  ที่มีกำลังซื้อตามเป้าหมายที่แบรนด์กำหนดไว้

ค่าโฆษณา

ด้วยความที่ Super Bowl เป็นช่วงที่มีเรตติ้งสูงที่สุด ทำให้การขอซื้อช่วงเวลาดังกล่าวต้องแลกมาด้วยจำนวนเงินมหาศาลเช่นกัน เพราะช่วงเวลา TVC แค่  30  วินาที ซึ่งทาง  Network broadcasting  ที่รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดจะนำไปแบ่งสล๊อตขาย โดย TVC เวลา 30 วินาที หนึ่งตัวจะมีราคาอยู่ประมาณ  4  ล้านเหรียญสหรัฐ ( หรือประมาณ 140 ล้านบาท ) ถือว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาล ขนาดที่สามารถสร้างแบรนด์ใหม่ หรือทำโปรโมชั่นแจกทองแจกรถได้สบายเลยทีเดียว ทำให้บริษัทที่ได้ช่วงโฆษณานี้ไปล้วนจะเป็นบริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น และหากสามารถทำออกมาได้ดี มันจะช่วยสร้าง  Talk of the town  ระดับโลกได้ไม่ยาก ทำให้พวกเขาไม่ลังเลที่จะลงทุน ตัวอย่างเช่นโฆษณา Macintosh ในปี 1984 ที่ทำให้พวกเขาดังกระหึ่มไปทั่วโลก

Halftime Show

ช่วงเวลาก่อนปี 1990s NFL ได้พยายามหาการแสดงหลากหลายประเภทเพื่อมาโปรโมต และสร้างสีสันให้กับการแข่งขัน Super Bowl แต่กลับกลายเป็นว่า การแสดงเหล่านั้นไม่ได้รับความสนใจจากผู้ชมเท่าที่ควร แต่หลังจากปี 1991 ที่พวกเขาได้ลองนำวงดนตรีมาแสดงระหว่างพักครึ่งนั่นคือ New Kids on the Block และ Gloria Estefan ในปี 1992 ก็ทำให้มีจำนวนผู้ชมมากขึ้น ก่อนที่ในปี 1993 พวกเขาจะสร้างเซอร์ไพร์โดยการดึงราชาเพลงป๊อปอย่าง Michael Jackson มาแสดงซึ่งว่ากันผู้ชมใจจดใจจ่อกับการแสดงมากกว่าเกมส์การแข่งขันเสียอีก

หลังจากนั้นก็เหมือนเป็นธรรมเนียมที่ว่าทุกคนจะตั้งหน้าตั้งตารอว่า ในปีถัดๆ ไปของการแข่งขัน Super Bowl จะเป็นศิลปินคนไหนที่ได้ขึ้นแสดง Halftime Show เพราะด้วยจำนวนนาทีที่สั้นกว่าการโชว์ปกติ ทำให้พวกเขาต้องทำให้มันกระชับ และตื่นตาตื่นใจพอจะเป็น Talk of the town ได้ ทุกฝ่ายต้องขนกลเม็ดทุกอย่างที่มีมาใช้ไม่ว่าจะเป็น แสง สี เสียง เทคนิคพิเศษ เพื่อตราตึงใจผู้ชม เป็นการเรียกเรตติ้งเพิ่มจากคนที่ไม่ได้ดูกีฬาเพิ่มอีกทางหนึ่ง ตัวอย่างเช่นปีล่าสุดนี้ ที่ Laday Gaga นำ โดรนมาบิน 300 ตัว พร้อมการประกาศ world tour ใน Super Bowl  ครั้งนี้

Super Bowl จึงมากกว่าแค่เกมส์กีฬาหนึ่งเกมส์ แต่มันหมายถึงวาระแห่งชาติอเมริกา และธุรกิจมูลค่าหลายหมื่นล้าน ที่รวมอยู่ภายใต้อีเว้นท์เดียว และอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ Super Bowl มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือความเป็นกีฬาประจำชาติแท้ๆ  NFL คือกีฬาอันดับหนึ่งของชาวอเมริกัน และเป็นกีฬาเพียงประเภทเดียวของอเมริกันลีคที่ทุกทีมตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา 100 เปอร์เซ็นต์ ( NHL มีทีม Canada 6 ทีม , NBA ก็มีทีมจาก Canada 1 ทีม )

ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เกมการแข่งขัน Super Bowl เป็นอีเวนต์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของคนอเมริกัน  มันคือหนึ่งในช่องทางการสื่อสารให้คนได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของอเมริกา ผ่านทาง sport business ที่ไม่ว่าใครในโลกก็ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้