Entertainment

‘บทเพลงและดนตรีฮิปฮอป’ การแสดงออกและพลังสนับสนุน BLACK LIVES MATTER

By: SPLESS June 15, 2020

การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ได้สร้างความตื่นตัวให้ผู้คนให้มองเห็นความสำคัญในการต่อต้านการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติให้เกิดขึ้นทั่วโลก การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมครั้งนี้ก็กำลังขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐอเมริกาอย่างไม่รู้จะจบเมื่อไหร่

ขณะเดียวผู้คนที่ออกมาประท้วงจำนวนมาก ไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่มันคือการต่อสู้เรียกร้องความเท่าเทียมให้กับมนุษย์ทุกคน  เพราะพวกเขาเบื่อเต็มทีกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่รัฐ ในกรณีล่าสุดคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกมานาน

ปัญหาเหล่านี้เคยถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงเสียดสีสังคมจากศิลปินหลากแนวจากหลายยุคสมัย ซึ่งปัจจุบันกำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แต่บทเพลงไหนจะถูกเปิดฟังมากที่สุดในช่วงการประท้วงครั้งนี้  มาฟังเหตุผลและทำความรู้จักแต่ละบทเพลงไปพร้อมกันได้เลย


‘Alright’: Kendrick Lamar

The News Wheel

เริ่มต้นกับ Alright ผลงานเพลงจากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ‘To Pimp a Butterfly’ ของศิลปิน Kendrick Lamar หนึ่งในบทเพลงที่เหล่าคนดำยกให้เป็นเพลงที่ย้ำเตือนถึงการเติบโตอันแสนเจ็บปวด ขณะเดียวกันก็ให้กำลังใจผู้ฟังให้เอาตัวรอดจากชีวิตบัดซบได้อย่างมีพลัง

Alright ยังมีเนื้อหาที่สะท้อนถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นล่าสุดอย่าง “Nigga, and we hate po-po Wanna Kill us dead on the street fo sho” ซึ่งไรม์ที่เจ็บแสบแต่กระแทกใจนี่เองที่ทำให้ Alright กลับมาติดอันดับ 26 ในชาร์ตเพลงจากคนฟังทั่วโลกของ Spotify ในช่วงการประท้วงครั้งนี้


‘This Is America’: Childish Gambino

เพลงที่สะท้อนและเสียดสีความรุนแรงด้านเชื้อชาติที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาได้อย่างชัดเจนผ่านมิวสิควิดีโอ จนกลายเป็นเพลงแร็ปเพลงแรกที่คว้ารางวัล Song of The Year จากเวทีแกรมมี่มาครองได้สำเร็จ และความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ก็ทำให้ This Is America ถูกเปิดฟังมากถึง 1 ล้านสตรีม/วัน ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของชาร์ต Spotify ของสหรัฐอเมริกอย่างเจ็บแสบอีกครั้ง


‘Changes’: 2Pac

บทเพลงความยาว 4 นาที 30 วินาที ของตำนานแร็ปเปอร์ผู้เกลียดตำรวจเข้าไส้ ทูพัค ชาเคอร์ ถูกปล่อยออกมาในปี 1998 ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของคนดำ การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และการเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งถ่ายทอดผ่านไรม์ได้อย่างเห็นภาพ โดยเฉพาะท่อนที่เขียนว่า

“I’m tired of being poor and, even worse, I’m black
My stomach hurts so I’m looking for a purse to snatch
Cops give a damn about a negro Pull the trigger, kill a nigga, he’s a hero
Give the crack to the kids who the hell cares?
One less hungry mouth on the welfare!”

ทั้งหมดทำให้ Changes กลายเป็นอีกหนึ่งบทเพลงแห่งการต่อสู้ที่ถูกเปิดฟังมากที่สุดในเวลานี้จากเหล่าผู้ประท้วงและคนที่สนับสนุนแนวคิด Black Lives Matter


F*ck the Police: N.W.A

เพลงแซะตำรวจระดับตำนานจากกลุ่มศิลปินแร็ปสุดเก๋าอย่าง N.W.A ที่ถูกปล่อยออกมาในสตูดิโออัลบั้มแรกอย่าง Straight Outta Compton บทเพลงแต่งขึ้นจากความเจ็บใจในการถูกเลือกปฏิบัติจากตำรวจที่หัวหน้าวงอย่าง Eazy-E พบเจอมากับตัวเอง

และดูเหมือนความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ยังคงตอกย้ำให้ F*ck the Police กลายเป็นเพลงที่ยังใช้ได้ทุกยุคสมัย เพราะล่าสุดเว็บไซต์อย่าง RollingStone ได้เปิดเผยยอดการเข้าฟังเพลง F*ck the Police ในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 272 เปอร์เซ็นต์


Fight the Power: Public Enemy

Hip-Hop และการแสดงออกทางการเมืองเป็นของคู่กันมานาน เพราะวัฒนธรรมดนตรีนี้เป็นกระบอกเสียงสำคัญของคนดำมาหลายยุคสมัย รวมถึงใช้บอกเล่าเรื่องราว สภาพสังคม และแง่มุมการใช้ชีวิตมาอย่างยาว และคงไม่มีเพลงไหนที่จะแทนภาพการต่อสู้กับความอยุติธรรมได้ดีไปกว่า Fight The Power ของศิลปิน Public Enemy ที่เกิดจากแนวความคิดและการเขียนเนื้อร้องของแร็ปเปอร์ Chuck D ซึ่งถูกปล่อยออกมาในปี 1988

Fight the Power เป็นอีกหนึ่งบทเพลงตัวแทนการต่อสู้กับผู้มีอำนาจเพื่อความเสมอภาคของกลุ่มคนผิวดำ การต่อสู้เรียกร้องให้พลเมืองแอฟริกัน-อเมริกันรุ่นหลังได้มีโอกาสเติบโตในสิทธิ์ที่ถูกต้องและเท่าเทียม และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของ Chuck D ที่ใส่ลงในบทเพลงก็ยังใช้ได้กับการต่อสู้ในครั้งนี้ และทำให้ Fight the Power ถูกเปิดฟังเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์


They Don’t Care About Us: Michael Jackson

บทเพลงจากอัลบั้ม HIStory: Past, Present and Future, Book I หนึ่งในบทเพลงที่ราชาเพลงป็อบแต่งขึ้นมาเพื่อเสียดสีเหล่าผู้ที่มีอำนาจที่ไม่สนใจเพื่อนมนุษย์และห่วงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง จนทำโลกเกิดความเหลื่อมล้ำเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

They Don’t Care About Us เป็นเพลงที่มีมิวสิควิดีโอทั้งหมด 2 เวอร์ชัน โดยเวอร์ชันที่รู้จักกันดี ถูกถ่ายทำใน Rocinnha ย่านสลัมของประเทศบราซิลเพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ยังมีกลุ่มคนที่ได้รับโอกาสน้อยกว่าคนอื่นอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงประท้วงดันให้ They Don’t Care About Us มียอดวิวทะลุ 700 ล้านวิวไปแล้ว


ทั้งหมดคือบทเพลงที่กำลังถูกเปิดฟังมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงของการประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้กับการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ และเรียกร้องความเท่าเทียมให้กับมนุษย์ในครั้งนี้

การที่บางเพลงมีอายุมากกว่า 10 ปี สามารถสะท้อนได้ดีว่าปัญหาความไม่เท่าเทียมและการต่อสู้ของคนผิวสีนั้นเกิดขึ้นในทุกยุคสมัยอย่างแท้จริง

 

 

SOURCE: 1/2/3/4

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line