ตำนานที่ถือกำเนิดขึ้นกลางปี 1972 จากกฎ homologation เพื่อลงแข่งขันรายการ European Touring Car Championship เป็นรถรุ่นเดียวของ BMW ที่ตัวอักษร “L” หมายถึง “Leicht (Light)” มาจากการใช้เหล็กที่เบาและบางกว่าปกติในการผลิตตัวถัง ประตู ฝากระโปรงหน้าหลัง ผลิตจาก aluminium alloy นอกจากจะหายาก ยังเป็นรถที่ต้องดูให้ดีก่อนสะสม เพราะแม้จะผลิตออกมาทั้งหมด 1,265 คัน แต่บางล็อตที่ผลิตเพื่อส่งออกอาจจะไม่ตรงกับสเปกดั้งเดิมในเยอรมนี เช่นล็อตที่ส่งออกไป UK จะมีน้ำหนักมากกว่า เนื่องจากผู้นำเข้าสั่งให้เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเช่นกระจกไฟฟ้า ตัวซีลกันเสียง หรือแม้แต่เลือกใส่กันชนหน้าจาก E9 เดิมที BMW 3.0 CSL ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ 3.0 CS แต่มีความจุมากกว่าเล็กน้อยเป็น 3.0 liter จากการเพิ่มขนาดลูกสูบเป็น 89.25 mm แต่ในปี 1973 ก็ได้ขยายความจุขึ้นอีกเป็น 3.2 liter 203 แรงม้า
Maserati เปิดตัว GranTurismo รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 75 ปี และรุ่นพิเศษอีก 3 คัน ได้แก่ มาเซราติ กรันทูริสโม One Off Prisma กับ กรันทูริสโม One Off Luce ที่ออกแบบโดย Maserati Centro Stile และ กรันทูริสโม One Off Ouroboros ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจสุดแรงกล้าของ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชั้นนำแห่งวงการสตรีทแฟชั่นของประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันนี้ David Beckham ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Global Brand Ambassador ของมาเซราติ ยังได้เข้าร่วมงานดังกล่าวอีกด้วย เพื่อร่วมสัมผัส มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น Dardust นักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวอิตาลี และ Matilda De Angelis
Honda S2000 หยุดสายการผลิตไปในปี 2009 หลังทำตลาดมานาน 9 ปี แต่ไม่เคยจะทำรุ่น Type R version ที่พวกเรารอคอยออกมาอย่างเป็นทางการ ทางสำนัก Evasive Motorsports จึงตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองในรหัส S2000R ได้แรงบันดาลใจจาก Type R มาเต็ม ๆ เริ่มจากการยกเครื่อง F20 NA ของเดิมออก หันมาใช้เครื่องยนต์ K20 turbocharged จาก Civic Type R FK8 แม้ชาวเล่นของเดิมอาจจะเบือนหน้าหนี แต่เราว่ามันเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก เปลี่ยนระบบท่อไอดีไอเสียใหม่เป็นของสำนัก Evasive เอง อัพเกรด downpipe ใส่ Mugen carbon fiber intake กล่องควบคุม MoTec M140 engine management system ให้สมรรถนะรวม 306 แรงม้า
Mercedes-Benz ฉลองความสำเร็จให้กับ G-Class ที่ได้รับความนิยมมาตลอด 44 ปี นับตั้งแต่ G-Class คันแรกที่ผลิตในปี 1979 มาถึงวันนี้ก็ทำสถิติครบ 500,000 คันเป็นที่เรียบร้อย ส่งดีไซน์การตกแต่งพิเศษแบบ retro looks ย้อนกลิ่นอายด้วยลุค Geländewagen 280 GE จากปี 1986 สีภายนอก Agave Green และภายในใช้ผ้าหุ้มลายตารางตรงปก ล้อลายคลาสสิคแบบ Five-spoke sterling silver alloy wheels หุ้มด้วยยาง mud-terrain สำหรับลุยสภาพถนนสุดท้าทายมาตลอด 44 ปี ย้อนไปปี 1979 ยุคนั้น G-Class มีเครื่องยนต์ให้เลือกมากถึง 4 ขนาดความจุ พละกำลังไล่ตั้งแต่ 72 – 150 แรงม้า ส่วนในปัจจุบัน G-Class ใช้เครื่องยนต์ twin-turbo V8 เริ่มต้นที่
ลำพังแค่ Ferrari 275 ก็น่าตื่นเต้นมากอยู่แล้ว แต่คันนี้พิเศษยิ่งกว่า เพราะเป็นอดีต Supercar คู่ใจของพระเอกฉายา King of Cool “Steve McQueen” ผู้ชื่นชอบการขับรถแข่งเป็นชีวิตจิตใจ มีรถระดับ ultra-rare ในครอบครองหลายคัน ตั้งแต่ Jaguar XKSS ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นรูปผ่านตามาบ้าง และ Ferrari อีก 4 คัน หนึ่งในนั้นคือ 275 GTS/4 NART Spiders chassis number 10621 แต่ประสบอุบัติเหตุรุนแรง จึงตัดสินใจสั่งรถคันใหม่ เป็นที่มาของ Ferrari 275 GTB/4 คันนี้ สิ่งที่ 1967 FERRARI 275 GTB/4 ของ Steve McQueen มีแตกต่างจากรถคันอื่นคือการย้ายของสองสิ่งจาก 275 GTS/4 NART Spiders มาติดตั้งในรถคันใหม่
อวดยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับโลกในงาน เซี่ยงไฮ้ออโต้โชว์ 2023 กับ 3 ไฮไลท์ เริ่มตั้งแต่การเผยโฉมรูปลักษณ์จริงของ MG Cyberster โรดสเตอร์ไฟฟ้าเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำ และประตูแบบปีกนก ที่จ่อเตรียมผลิตเพื่อจำหน่าย ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เปิดตำนานบทใหม่อย่าง MG7 สปอร์ตซีดานหรูระดับแฟล็กชิพเจ้าของสถิติ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด จากบททดสอบสุดทรหดบนเส้นทางสายลาซาในทิเบตที่ระดับความสูง 5,978.17 เมตร และอีวีรุ่นฮิตอย่าง MG4 ELECTRIC ที่สามารถพิชิตรางวัลคุณภาพระดับโลก เผยภาพเคลื่อนไหวแรกของ MG Cyberster จากรถต้นแบบ สู่สายการผลิต จ่อเตรียมจำหน่าย เรียกได้ว่าเป็น หมัดเด็ดของบูธ เอ็มจี ก็ว่าได้ สำหรับภาพเวอร์ชั่นเตรียมจำหน่ายของ MG Cyberster รถโรดสเตอร์ไฟฟ้า เปิดประทุน 2 ที่นั่ง หลังนั่งแท่นการเป็นรถโกลบอลอีวีอีกรุ่นของ เอ็มจี ที่สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูแต่ทรงพลัง มาพร้อมหลังคาซอฟต์ท็อปที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ประตูแบบปีกนก นับเป็นสถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ของเอ็มจีที่จะมาฉีกกฎการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าให้ล้ำสมัยไปอีกขั้น สำหรับโรดสเตอร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ บริเวณกระจังหน้า และแผงกันชนหน้า ได้รับการออกแบบด้วยดีไซน์ “Wind Hunter” ในขณะที่รูปลักษณ์ของไฟหน้าถูกออกแบบให้ดูมีขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้กับ MG Cyberster เป็นอย่างยิ่ง และอีกหนึ่งองค์ประกอบด้านการออกแบบที่น่าสนใจ คือ เส้นด้านข้างของตัวรถบริเวณใต้กรอบกระจกที่มีดีไซน์แบบ “Leopard Jump Shoulder Line” มุ่งเน้นให้เห็นรูปร่างอันแข็งแกร่ง และทรวดทรงที่งดงามสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและช่วยให้รถมีศูนย์ถ่วงต่ำ ด้านท้ายของ MG Cyberster ถูกออกแบบในสไตล์ Kammback Design โดยท้ายจะมีลักษณะลาดตัดสั้น และส่วนโค้งด้านหลังตัวรถที่ยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายหางเป็ด (Duck Tail) ช่วยให้ด้านหลังของรถดูโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
2024 Lexus LM เปิดตัว generation ที่สองออกมาแบบ All-new ในงาน Auto Shanghai 2023 เปิดตัวมาแบบสุดหรูหรายิ่งกว่าเก่า สมกับชื่อโมเดล “Luxury Mover (LM)” 4 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เก็บเงินซื้อรุ่นแรกยังไม่ทันครบ ก็มาถึงรุ่นที่สองกันแล้ว Generation ที่สองนี้ยังคงสร้างจากพื้นฐานของรุ่นปัจจุบัน มีขุมพลังให้เลือกสองแบบคือ 2.4-liter Hybrid turbocharged with eAxle และรุ่น 2.5-liter Hybrid E-Four เลือกได้ระหว่างระบบขับเคลื่อน All-wheel drive หรือ Front-wheel drive ดีไซน์ภาพนอกมีการใช้เส้นสายที่ดูมั่นใจ คมชัดขึ้นกว่ารุ่นแรกทั้งกระจังหน้า บานประตู และไฟท้าย มิติตัวถังเทียบกับรุ่นปัจจุบัน จะมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น พร้อมสร้างความสบายให้ท่านผู้บริหารทั้งเบาะนั่งและ head-area โดยตัวรถมีความยาวมากขึ้น 85 มิลลิเมตร ความกว้างเพิ่มขึ้น 40 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร
ผลงาน Concept design tribute ให้กับ Ken Block กับรถรุ่นสร้างชื่อ 1965 Ford Mustang “Hoonicorn” โดยเลือกใช้โทนสีเขียวใน Swoosh logo จุดเด่นจาก Monster logo ที่คุ้นตากันดี รวมถึง suede upper สีเทาเข้ม เป็นการใช้โทนสีเดียวกันกับตัวรถ Ford Mustang Hoonicorn นั่นเอง 1965 Ford Mustang “Hoonicorn” เป็นรถ custom-built ที่เปรียบเสมือน Icon ของ Ken Block สร้างมาเพื่อการขับ Gymkhana โดยเฉพาะ เครื่องยนต์ twin-turbo 6.7L V8 1,400 horsepower ส่งกำลังขับเคลื่อน 4-wheel drive system พร้อมช่วงล่างเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ เป็นตำนานที่มีครบทั้งความเท่ของดีไซน์
เอาใจหนุ่มนักกิจกรรม! “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ประกาศเปิดตัว “โอเชียน สตาร์ ทริบิวท์ สเปเชียล อิดิชั่น” (Ocean Star Tribute Special Edition) เรือนเวลาสไตล์เรโทรที่มาพร้อมเฉดสีฟ้าแห่งท้องทะเลและประสิทธิภาพการทำงานสุดล้ำสมัย อีกหนึ่งสัญลักษ์แห่งความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำประสิทธิภาพสูงจาก “มิโด” (MIDO) ที่พร้อมให้หนุ่มนักกิจกรรมได้ยลโฉมแล้ววันนี้ “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน สำหรับ “โอเชียน สตาร์ ทริบิวท์ สเปเชียล
BMW M1 ตำนานรถสปอร์ตคันแรกที่ติดสัญลักษณ์ M อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยุค ’70s และใช้แพลตฟอร์มเครื่องยนต์วางกลางโมเดลแรกของค่ายใบพัดฟ้าขาว (mid-engine BMW คันที่สองคือ i8 plug-in hybrid sports car) ให้ประสิทธิภาพขับเคลื่อนที่ดีและมีการกระจายน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม จากเดิมที่วางแผนจะพัฒนาร่วมกับ Lamborghini แต่เหมือนฟ้าลิขิตด้วยปัญหาบางอย่าง ทำให้ BMW นำ M1 กลับมาพัฒนาทั้งหมดแบบ in-house อีกครั้งในปี 1978 และในที่สุด M Division ก็สามารถสร้างรถที่มาทดแทน BMW 3.0 CSL race cars ได้สำเร็จ หลังจัดการปัญหาทั้งหมดเรียบร้อย BMW M1 เริ่มผลิตรถคันแรกได้ในปี 1979 เป็นการเน้นโชว์ไม่เน้นขาย ด้วยป้ายราคาที่สูงลิ่ว ทำให้ยอดขายของมันไม่ดีมากนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอะไร เพราะ M1 คือโปรเจคที่เกิดขึ้นในสนามแข่งอยู่แล้ว ดีไซน์ออกแบบโดย Giorgetto Giugiaro automotive designer ชื่อดังผู้เคยฝากผลงานระดับ