ช่วงเวลานี้คงไม่มีข่าวไหนสะเทือนใจและช็อคใจเท่ากับเหตุการณ์การเหยียบกันตายในงานเทศกาลดนตรี Astroworld Festival ในช่วงเวลาที่ Travis Scott กำลังโชว์อย่างเมามันส์ จนนำไปสู่การเสียชีวิตถึง 10 ราย และบาดเจ็บไปอีกเป็นจำนวนมาก สังเวยความหละหลวมของทีมงานและนำไปสู่การสอบสวน และทำให้ Travis Scott ตกเป็นจำเลยของสังคมในทันที แต่เหตุการณ์นี้ ไม่ใช่คอนเสิร์ตครั้งแรกที่เกิดโศกนาฏกรรมอันแสนโหดร้าย เรามาย้อนดูกันว่า เกิดเหตุสลดอะไรบ้างที่ทำให้งานคอนเสิร์ตกลายเป็นฝันร้ายเพียงชั่วข้ามคืน เรามาไล่ระดับจากการเสียชีวิตหลักสิบสู่หลักร้อยว่าสาเหตุสำคัญของโศกนาฏกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นจากอะไร 10. Roskilde Festival June 30, 2000 — Roskilde, Denmark ผู้เสียชีวิต: 9 ราย สาเหตุ: เหยียบกันตาย ความเมามันในเทศกาลดนตรีชื่อดังของประเทศเดนมาร์ค Roskilde Festival กลับกลายเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของผู้ชมทั้ง 9 คน หลังจากที่วงเฮดไลน์อย่าง Lou Reed, Iron Maiden และ Oasis ได้เล่นเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็ถึงเวลาของราชากรันจ์ในตำนานอย่าง Pearl Jam ขึ้นวาดลวดลายบนเวที Orange Stage
ในสารพัดรุ่นย่อยของ Ford Mustang จะเรียงความยิ่งใหญ่นับจากรุ่น GT, Mach 1, Boss, GT350 และรุ่นสูงสุดในตระกูลก็คือ Shelby GT500 ใช้ขุมพลัง 5.2-liter supercharged Predator V8 760 แรงม้า ซึ่งเปิดตัวไปล่าสุดในปี 2020 ล่าสุดก็ถึงเวลา refresh ความสดใหม่ ด้วยการเปิดตัว “GT500 Heritage Edition” ใช้แรงบันดาลใจจากตำนานรุ่นเก๋า 1967 Shelby GT500 ของ Carroll Shelby รถ Iconic car ในโทนสีฟ้า Brittany Blue มาโมดิฟายอย่างบ้าคลั่งจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์จงอางอสรพิษ และเป็นรถที่เจ้าตัวภาคภูมิใจที่สุดคันนึง ใน edition ใหม่นี้เป็นการอัพเดทลุคภายนอกด้วยการนำสีฟ้า Brittany Blue กลับมาใช้อีกครั้ง แต่ถ้าลูกค้าต้องการ Wimbledon White stripe เส้นสีขาวพาดกลางรถ สัญลักษณ์ที่สร้างโดย
Xbox ฉลองครบรอบ 20 ปีอย่างมีสไตล์จนชาว PS5 ต้องอิจฉาแน่นอน หลังจับมือกับ adidas เปิดตัวรองเท้า adidas Forum Mid “Xbox 360” limited edition ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเป็นสุดยอดไอเดีย ด้วยการจับมือกับ Gucci เปิดตัว console ดีไซน์สุดพิเศษที่มีการใช้เลเซอร์สลักโลโก้ GG monogram ของ Gucci ลงไปบนตัวเครื่อง พร้อม Xbox Wireless Controllers ที่มีแถบสีแดงฟ้าคาดกลางเพิ่มความเท่ และที่พิเศษสุดน่าจะเป็นกระเป๋า Gucci Hard Carry case ที่สวยงามมาก ภายนอกเป็นลาย monogram สุดคลาสสิค หุ้มด้วยหนังสีเหลืองบริเวณหูหิ้วและขอบกระเป๋า ภายในเป็นช่องใส่อุปกรณ์ของ Xbox ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ จึงใส่ได้พอดีพร้อมเดินทางโดยไม่ต้องกลัว console ได้รับความเสียหาย มีข้อความ XBOX และ GOOD GAME สกรีนบนแต่ละด้านของกระเป๋า
ในช่วงเวลานี้ วงการหนังคงไม่มีอะไรคึกคักเท่ากับหนังไทย “ร่างทรง” ที่สร้างความหลอนจนทำรายได้และสร้างกระแสทั้งในจอและนอกจอ แม้กระทั่งมีหนังที่หลุดในโลกออนไลน์ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนกระแสของหนังเรื่องนี้ให้จืดจางลงได้เลย ซ้ำยังมีผู้ที่พร้อมไปพิสูจน์ความหลอนด้วยตาตัวเองในโรงอย่างแน่นขนัด แต่ท่ามกลางความสำเร็จระดับโลกนั้น ก็แลกด้วยข้อถกเถียงกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะรูปแบบที่หนังพยายามนำเสนอในรูปแบบหนังสารคดี จนส่งผลให้ผลลัพธ์ออกมาเป็น “หนังเสียงแตก” อย่างชัดเจน คือถ้าชอบจะชอบมาก แต่ถ้าไม่ชอบก็พาลเกลียดไปเลย โดยเฉพาะการถ่ายทำในรูปแบบของสารคดีนั้น แม้จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลกภาพยนตร์ แต่ก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับหนังไทย เราจึงชวนคุณมาทำความรู้จักกับหนังแนวนี้ มาดูกันว่าทำไมนักสร้างหนังหลายคนถึงเลือกที่จะทำในแนวทาง Mockumentary และคำ ๆ นี้แปลว่าอะไรกันแน่ Mockumentary ความไม่จริง สะท้อนความจริงอย่างชัดแจ้ง หนังสารคดี หรือ Documentary นั้น มักถูกใช้สะท้อนภาพความจริง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์หรือบุคคลนั้น ๆ เพื่อใช้โน้มน้าวหรือสร้างความน่าเชื่อถือ ผ่านหลักฐานไม่ว่าจะเป็นภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกได้ หรือการบอกเล่าจากปากผู้ประสบเหตุนั้นมา สารคดีส่วนใหญ่จึงทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนที่มุ่งหวังหรือตั้งคำถามต่อสิ่ง ๆ นั้นโดยใช้ “ความจริง” เพื่อเป็นสิ่งประจักษ์แก่ผู้รับสาสน์ ในขณะเดียวกัน ยาขมของ Documentary ก็ทำให้คนบางคนรู้สึกเบื่อ เมื่อภาพจริงในบางครั้งก็ไม่อาจนำพาอารมณ์ให้ตื่นเต้นจนคนคล้อยตามได้ หนังสารคดีบางส่วนจึงจำต้องสร้างฉากบางฉาก ซีนบางซีน เพื่อสอดรับกับสิ่งที่นำเสนอ เช่นการสัมภาษณ์ของผู้ให้สัมภาษณ์อาจจะน่าเบื่อจนเกินไป หรือบางเหตุการณ์ที่กล้องจับภาพไม่ทัน การใส่สีสันไม่ว่าจะเป็นภาพที่ถ่ายใหม่เพื่อจำลองเหตุการณ์จริงที่กล้องไม่ทันได้ถ่าย เพื่อทำให้เหตุการณ์นั้น ๆ
รถยนต์ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความอิสระ ด้วยถนนเปิดโล่งให้เราสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ โดยมีคนขับเป็นผู้กำหนดทิศทางอยู่หลังพวงมาลัย เราจึงมักจะเห็นโฆษณารถยนต์ที่พาตัวเองออกจากเมืองใหญ่ไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่รถยนต์ทุกคันที่จะแกร่งพร้อมลุยได้ทุกสภาพถนนอันท้าทาย จากถนนลาดยางสู่ทางฝุ่นสุดสมบุกสมบัน ได้เท่ากับ Mercedes-Benz GLE รถยนต์ mid-size luxury SUV ที่นอกจากความแกร่งพร้อมลุย ยังเป็นรถยนต์ที่สะท้อนความภาคภูมิใจในความสำเร็จให้กับเจ้าของ เต็มไปด้วยความหรูหรา สะดวกสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย และความปลอดภัยสูงสุดในคันเดียว ความสำเร็จของรถยนต์ SUV สุดแกร่งจากค่าย Mercedes-Benz เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม ปี 1996 Mercedes-Benz เปิดตัวรถยนต์ Concept SUV คันแรกของค่ายในชื่อ “AAVision” เป็นครั้งแรกของรถยนต์ Sport Utility ที่พัฒนามาเพื่อเสริมทัพให้ G-Class โดยมีความแตกต่างอยู่ที่ AAVision ได้เพิ่มฟีเจอร์และความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพราะในอดีต G-Class นั้นมีความดิบแกร่งเน้นลุยในฐานะรถยนต์ Off-roader พันธุ์แท้ จึงไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ต่างกับ G-Class ในปัจจุบันที่ยังคงเป็นที่สุดด้านความแกร่ง พร้อมใส่เทคโนโลยีและกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่คนทั้งโลกยอมรับ
A Split Second Can Change Everything มีคำพูดเกี่ยวกับความสำคัญของเวลากล่าวไว้ว่า “To realize the value of ONE MILLISECOND, ask the person who won a silver medal in the Olympics.” ความสำคัญของเศษเสี้ยววินาที มีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้อย่างประเมินค่าไม่ได้ โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬา ที่เพียงเศษเสี้ยววินาที ก็สำคัญถึงขั้นตัดสินแพ้ชนะหรือแม้แต่สร้างสถิติใหม่ที่โลกต้องจารึกชื่อเอาไว้ และที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือเทคโนโลยีที่การจับเวลาที่มีความแม่นยำสูงสุด ซึ่งในอดีต อุปกรณ์จับเวลาไม่ละเอียดอ่อนมากพอที่จะบันทึกเศษเสี้ยววินาทีได้ ภายใต้การนำของ Shoji Hattori, president of K. Hattori (ชื่อแบรนด์ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Seiko) จึงได้ระดมทีมเพื่อพัฒนานาฬิกาจับเวลาแบบกลไก ‘Heart-shaped Cam’ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแห่งยุคซึ่งทั่วโลกต่างให้การยอมรับ นับเป็นการประกาศตัวบนเวทีโลกในด้านความแม่นยำ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการปลดล็อคขีดจำกัดในโลกแห่งเสี้ยววินาทีในที่สุด ในปี 1969 เป็นปีสำคัญที่โลกได้รู้จักกับ Seiko Speedtimer (ไซโก
โลกแห่งการถ่ายทำจากบนฟ้า ได้พัฒนาไปอีกขั้นกับ DJI ผู้นำแห่งโดรนด้วยสองรุ่นใหม่ล่าสุด Marvic 3 และ Marvic 3 Cine DJI Marvic 3 และ Marvic 3 Cine แชร์คุณสมบัติกล้อง dual-camera system จาก Hasselblad ซึ่ง DJI เข้าไปซื้อหุ้นตั้งแต่ปี 2017 เลนส์ 24mm และ hybrid zoom แบบ digital ไกลสุด 28x เทียบเท่าระยะ 162mm f/4.4 พร้อม 4/3 CMOS sensor โดยในรุ่น Marvic 3 สามารถถ่ายวีดีโอแบบ 4K @120fps และภาพนิ่งความละเอียดสูงสุด 20 megapixel โดรนทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่บินได้ต่อเนื่อง 46 นาที ซึ่งอัพเกรดความจุจากรุ่นก่อนที่บินได้
Aston Martin DBX super SUV คันแรกจากค่ายที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2020 เป็นรถ SUV ที่ใช้ขุมพลัง 4.0-liter V8 จาก Mercedes-AMG 542 แรงม้า แรงบิด 735 นิวตันเมตร ซึ่งแรงมากแล้วสำหรับบอดี้ SUV แต่สำหรับสำนัก Mansory รถเดิม ๆ ยังแรงไม่พอ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Lamborghini Urus ที่มาพร้อมม้ากว่า 600 ตัว กว่าจะรอ Aston Martin เปิดตัวรุ่น High-performance ของ DBX ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าจาก AMG GT73 ออกมาคงจะช้าไป จึงตัดสินใจสร้างผลงานที่แรงแซง Urus มาให้ก่อนแล้วเรียบร้อย Mansory’s Aston Martin DBX ถูกนำมาอัพเกรดเป็น Super SUV ด้วยการเปลี่ยน turbochargers
ZipCharge บริษัท Startup สัญชาติอังกฤษที่หันมาจับเทรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งกำลังมาแทนที่ยานพาหนะพลังงานเผาไหม้แบบในปัจจุบัน ด้วยความเข้าใจดีถึงจุดอ่อนในที่อาจจะเดินทางไกลและบังเอิญไม่มีที่ชาร์จพลังไฟฟ้า จึงพัฒนาไอเดียเพื่อตอบโจทย์แก้ปัญหานี้ด้วย ZipCharge Go powerbank สำรองขนาดเท่ากระเป๋าเดินทาง มีล้อและที่จับสำหรับลากได้สบายแรงไม่ต้องแบกหาม สามารถชาร์จไฟให้รถยนต์ของคุณขับต่อไปได้อย่างน้อย 70 กิโลเมตร Gadgets ที่เจ้าของรถยนต์ EV ควรมีติดรถชิ้นนี้ถูกออกแบบให้พกพาง่าย แถมการใช้งานก็ยังง่ายแค่เสียบปลั๊กแล้วรอ ซึ่ง ZipCharge เคลมว่าสามารถชาร์จไฟให้รถทั้ง Plug-in Hybrid และ EV ที่ใช้ Type 2 socket ให้พร้อมขับได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที แม้จะนานกว่าเติมน้ำมันแน่ ๆ แต่ก็ยังดีกว่านั่งกินข้าวลิงรอรถยกข้างทาง แถมยังฉลาดล้ำด้วยการเช็คสถานะผ่านทาง application ได้ แม้ตอนนี้ ZipCharge Go จะยังเป็นเพียง concept แต่ก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายก่อนพัฒนาออกมาวางขายภายในปลายปีนี้ โดยจะมีให้เลือกสองความจุคือ 4 kWh และ 8 kWh โดยมีให้เลือกทั้งแบบซื้อขาด หรือเช่าแบบรายเดือนโดยจ่ายเดือนละประมาณสองพันบาท ความเจ๋งคือนอกจากจะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าของรถยนต์ EV
Bang & Olufsen เปิดตัว Nordic Ice Collection กลุ่มผลิตภัณฑ์ดีไซน์งดงามเหนือกาลเวลาที่รังสรรค์ขึ้นมาในสีสันที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศของสแกนดิเนเวีย โดดเด่นด้วยสีโทนร้อนและโทนเย็นที่ตัดกันอย่างน่ามอง เหมาะกับช่วงเวลาแห่งการมอบของขวัญในวันหยุดเทศกาลอย่างยิ่ง “ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนแบบนี้ สำหรับหลายๆ คนแล้ว บ้านได้กลายมาเป็นสถานที่หลบภัยจากโลกภายนอกครับ สำหรับผลิตภัณฑ์ Nordic Ice Collection เราอยากจะทำให้บรรยากาศแสนสบายและผ่อนคลายดำเนินต่อไปภายในบ้าน ด้วยเหตุนี้ เราจึงรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความเงียบสงบและความสมดุลขึ้นมา วันหยุดเทศกาลคราวนี้จะพิเศษกว่าครั้งไหน ๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวจะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และเหตุการณ์ที่น่าจดจำ เราขอแนะนำให้มอบของขวัญเป็นเสียงเพลงและสร้างความสุขให้กับเพื่อน ๆ และครอบครัวด้วย Nordic Ice Collection ของเราครับ” Christoffer Poulsen รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ของ Bang & Olufsen กล่าว ผลิตภัณฑ์ใน Nordic Ice Collection ประกอบด้วย • Beoplay EQ – หูฟัง ANC ไร้สายดีไซน์โฉบเฉี่ยว หูฟังตัดเสียงรบกวนของ Bang & Olufsen