แม้ฟุตบอลโลกจะจบลงไปแล้ว แต่ทว่าอีกหนึ่งสีสันการใส่เสื้อฟุตบอล Jersey ในชีวิตประจำวัน ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ไม่ผิดกฎเกณฑ์อีกต่อไป ซึ่งในปัจจุบันแต่ละสโมสรดังต่างพาเหรดกันออกเครื่องแต่งกายชุดแข่งประจำฤดูกาล 2018/2019 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไฮไลท์สำคัญคงจะไปอยู่ชุดแข่งของ Juventus ที่แต่เดิมก็สวยงามอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อได้ซุเปอร์สตาร์อย่าง Cristiano Ronaldo มาใส่ราศีของชุดแข่งก็ทวีคูณความโดดเด่นออกมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบรรดาลีกต่าง ๆ ทั่วยุโรปยังคงไม่เปิดฤดูกาลกไอ้ครั้นจะใส่ไปไหนมาไหน อาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ต่างจากลีกอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในนาม Premier League ซึ่งเป็นลีกอันดับ 1 ของโลกมีผู้ชมจากทั่วโลกมากที่สุดอีกเช่นกัน ดังนั้นเสื้อแข่งที่สวยจึงเหมือนกับใบเบิกทางความนิยมให้กับทีมนั้น ๆ ได้ ดังนั้นในวันนี้ UNLOCKMEN ขอนำ Top 5 เสื้อแข่งสุดสวยประจำฤดูกาล 2018/2019 ของ Premier League มาแนะนำกันว่าทีมไหนสวยเหมาะแก่การใส่ในชีวิตประจำวันได้บ้าง FULHAM ทีมน้องใหม่หน้าเก่าอย่าง Fulham ที่ตกชั้นร่วงลงจากลีกสูงสุดไปนานกว่า 4 ปี กลับมาคราวนี้ถือว่าทีมดีไซน์ได้ทำการออกแบบชุดแข่งได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อมีเพียง Stripe คาดอกขนาดใหญ่สีดำ พร้อมโลโก้สปอนเซอร์ dafabet สีขาว ที่นำลงมาจัดวางเข้ามา แล้วดูขัดตา ยิ่งบวกกับตรา adidas
แต่ละวินาทีที่เราอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ เป็นแต่ละวินาทีที่อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมสุดหลากหลาย ทั้งหน้าที่การงานที่เราต้องทุ่มให้สุดชีวิต ทั้งการใช้ห้วงเวลาแห่งการเที่ยวเล่นแบบสุดขั้วหัวใจ และการพักผ่อนในวันสบาย ๆ เพื่อชาร์จไว้เป็นขุมพลังสำคัญในการก้าวต่อไป ชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างเราจึงไม่ได้ต้องการแค่ความเรียบง่ายที่จำกัดเราไว้แค่การพักผ่อนเท่านั้น แต่เราต้องการพื้นที่ที่ปลดล็อกทุกข้อจำกัดของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ให้เราได้มากกว่าการพักผ่อน โดยเฉพาะพื้นที่อยู่อาศัยที่จะไม่ได้เป็นแค่ที่ให้เราหอบร่างกลับไปนอนเพื่อให้เวลาในแต่ละคืนผ่านพ้นไป แต่พื้นที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ต้องเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัด ที่จะทำให้เราเข้าใจคำว่า LIVING EXTRAORDINARY ได้แบบถึงแก่น ย่านอ่อนนุชจึงเป็นอีกพื้นที่ที่ตอบโจทย์การปลดล็อกขีดจำกัดในการใช้ชีวิตให้กับคนรุ่นใหม่ที่แต่ละวันมีกิจกรรมต้องทำมากมายได้ครบจบในที่เดียว ทั้งการเดินทางที่สะดวกสบายด้วย BTS ทั้งแหล่งเติมเต็มไลฟ์สไตล์แห่งการทำงาน การพักผ่อน และการเล่นแบบสุดเหวี่ยง บอกได้แค่ว่าย่านอ่อนนุชคือทุกคำตอบของชีวิตชาว Urban ไม่ว่าโจทย์ของเราจะเป็นการทำงานแสนหน่วงหนัก การพักผ่อนแสนเนิบช้า หรือการเที่ยวเล่นแสนสนุก CRAFTSMAN BARBER SHOP เริ่มต้นปลดล็อกขีดจำกัดแห่งไลฟ์สไตล์ขั้นแรกด้วยการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ตัดผมในร้านสุดชิคแห่งยุคสมัยดูสักครั้ง ผู้ชายยุคใหม่มักประสบปัญหาในการหาร้านตัดแต่งทรงผมที่ถูกใจได้ยากแสนยาก บ่อยครั้งเลยต้องดิ่งไปย่านใจกลางเมืองที่พ่วงมาด้วยรถติดสาหัส การหาที่จอดรถสุดยากเย็น แต่ที่อ่อนนุช CRAFTSMAN BARBER SHOP แฝงตัวอย่างแนบเนียนเพื่อรอให้ผู้ชายรุ่นใหม่ได้ปลดล็อกไลฟ์สไตล์แฟชั่นทรงผมแบบที่ไม่ต้องเหนื่อยไปไหนไกล ขีดจำกัดเดิม ๆ อย่างการต้องนั่งรอตัดผมอย่างน่าเหนื่อยหน่ายก็จะถูกปลดล็อกอย่างสิ้นเชิง เพราะที่ CRAFTSMAN BARBER SHOP มีบริการกาแฟดริป รวมถึงเบียร์เย็นฉ่ำใจพร้อมเสิร์ฟให้เราระหว่างการรอ ที่สำคัญบรรยากาศแบบวินเทจและการตกแต่งที่แสดงออกถึงความพิถีพิถันภายในร้าน จะยิ่งทำให้เรารับรู้ได้เลยว่า CRAFTSMAN BARBER SHOP ที่ฝังตัวอยู่ในย่านอ่อนนุชแห่งนี้นี่แหละที่จะปลดล็อกทรงผมคูล ๆ หรือแม้แต่ทรงหนวดเคราเท่
ทุก ๆ ครั้งเมื่อมีการจัดอันดับประเทศที่ผู้คนมีความสุขที่สุด, สงบที่สุด, น่าอยู่ที่สุด เหล่าบรรดาประเทศในยุโรปตอนเหนือหรือที่เรียกกันว่า ‘สแกนดิเนเวีย’ มักจะคว้าตำแหน่งชนะเลิศไปครองเสมอ เช่นเดียวกับการจัดอันดับประเทศที่การทำงานมีความสุขที่สุดที่เราจะพูดถึงในวันนี้ ซึ่งผู้ชนะอันดับ 1 ในรายการนี้อย่างสม่ำเสมอคือ ‘ประเทศเดนมาร์ก’ ดินแดนโคนมแห่งสแกนดิเนเวีย นอกจากบรรยากาศประเทศที่น่าอยู่แล้ว Work-Life Balance ของประเทศนี้เป็นยังไงกันนะ อะไรคือสาเหตุที่คนทำงานมีความสุขที่สุด และมันแตกต่างจากบ้านเรายังไง เตรียมเสื้อกันหนาวไว้ให้ดี เพราะ UNLOCKMEN จะพาทุกคนบินลัดฟ้าสู่เดนมาร์กค้นหาคำตอบของคำถามนี้ด้วยกัน Working Hours วัฒนธรรมของประเทศเดนมาร์กนั้นให้ความสำคัญกับครอบครัวหรือชีวิตด้านอื่น ๆ ไม่น้อยไปกว่าเรื่องงาน ดังนั้นเวลาทำงานของพวกเขาจะไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมงอย่างเด็ดขาด ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้ชายชาวเดนมาร์กจะทำงานสัปดาห์ละ 41 ชั่วโมง ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 35 ชั่วโมงเท่านั้น และมีคนจำนวนเพียง 2% ของประเทศเท่านั้นที่ทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่จำนวนเฉลี่ยทั่วทั้งโลกอยู่ที่ 13% ในเดนมาร์กชุดความคิดที่ว่า ‘ยิ่งคุณทำงานหนัก ทำงานนาน ผลลัพธ์ของงานที่ออกมาจะดี’ เป็นวิธีคิดที่ผิดมหันต์ พวกเขามุ่งเน้นเรื่องความสุขในการทำงานและเชื่อว่าการทำงานอย่างมีความสุข ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดีโดยตัวของมันเอง นอกจากเวลาทำงานไม่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปแล้ว พวกเขายังได้สิทธิ์ในการลาพักร้อนยาวนานถึง 5
ตั้งแต่มีโลกออนไลน์ ข้อมูลของเราก็เริ่มไม่ปลอดภัย เพราะอาจใช้เป็นเส้นทางก่ออาชญากรรมของมิจฉาชีพหรือโดนนำไปหาใช้หาผลประโยชน์แบบที่เราไม่รู้ตัว เราคงเห็นได้จากข่าวใหญ่เรื่องข้อมูลหลุดจากเฟซบุ๊กแล้ว แต่สำหรับ Google ซึ่งเป็น Search engine เจ้าดังที่รวบข้อมูลคนทั่วโลกเพราะมีฟังก์ชันใช้งานหลากหลาย เรายังไม่พบข่าวเรื่องข้อมูลหลุดให้เห็น จนกระทั่งทาง AP’s investigation ออกมาประกาศให้โลกรับรู้ “ถึงเราจะปิด Location History แล้วมันก็แค่ไม่สามารถสร้างไทม์ไลน์ตำแหน่งของเราได้ แต่ข้อมูลของเราก็โดนเก็บเรียบอยู่ดี” ผลการรายงานครั้งนี้ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Princeton ซึ่งทาง AP ได้ทดสอบติดตามข้อมูลของนักวิจัยภายใน Princeeton ผ่านเพียงใช้ Google Web & App activity ที่เขาเคยแชร์ไว้กับสำนักข่าว ก็สามารถดูได้หมดไม่ว่าจะกิจวัตรประจำวันที่เขาทำไปจนถึงที่อยู่ที่บ้าน! จำนวนตัวเลขของคนโดน Google ตามเก็บข้อมูลปัจจุบันพบว่ามีจำนวนมากกว่าสองพันล้านคน! เรียกได้ว่าค่อนโลกเลยทีเดียว แต่เราก็ไม่ค่อยแปลกใจกับจำนวนตัวเลขนี้ เพราะสมาร์ตโฟนประเภทแอนดรอยด์มักติดตั้งแอปฯ ของ Google ไว้เป็นแอปฯ พื้นฐาน และคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ลบทิ้งจากเครื่อง เพราะก็ต้องยอมรับว่ามันใช้งานได้ดี นอกจากการค้นพบของ AP แล้ว ประสบการณ์โดนตามของคนอื่นก็ยังมีให้เห็น อย่าง K. Shankari
เคยสังเกตไหมว่า เวลาเรานั่ง ๆ อยู่ สักพักหลังที่เคยผึ่งผายจะค่อย ๆ ห่อเข้า เหมือนลูกโป่งลมรั่ว จากที่เคยตึงก็ฟืบลง ตามติดมาด้วยอาการคอตกมันเริ่มเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ยิ่งกับพวกเราที่มีส่วนสูงมาก ไอ้อาการเดินคอตกหลังค่อมยิ่งเป็นพฤติกรรมติดตัวเพราะเวลาคุยกับคนรอบข้างทีไรเราก็ต้องก้มลงมองทุกที กว่าจะรู้ตัวอีกที การทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ก็ทำให้เราติดเป็นนิสัย เดินหลังค่อมโดยไม่รู้ตัว และแม้กระทั่งเวลานั่งก็อาจจะติดนั่งหลังค่อมให้ปวดหลังไปด้วย ยิ่งถ้าทำติดต่อกันเป็นระยะยาวอาจจะมีผลให้กระดูกคดได้ ผู้เขียนเองเจอปัญหานี้บ่อย ๆ เพราะต้องนั่งทำงานติดโต๊ะ ถึงจะหาพนักเสริมพิงช่วยแก้ให้นั่งได้ถูกสรีระขึ้น แต่ก็ยังแก้ได้แค่ชั่วคราว พอลุกเดินก็ติดอาการหลังค่อมมาทำให้เสียบุคลิกภาพ Upright เป็นอุปกรณ์ใหม่ ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือที่ใช้แก้ปัญหานี้ได้ นักประดิษฐ์เขาคิดค้นขึ้นเพื่อแก้ปัญหาจากอาการเจ็บ โดยใช้งานง่าย แค่ติดเครื่องนี้ไว้ตรงกลางแผ่นหลัง ทุกครั้งที่เราเริ่มหลังค่อมลง เครื่องจะเริ่มสั่นเตือนให้เรารีบปรับท่านั่งทันที ที่สำคัญเครื่องนี้ยังสามารถเชื่อมเข้ากับแอปพลิเคชัน UPRIGHT GO ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบ andriod และ iOS เพื่อแสดงผล แถมจังต่อยอดได้ด้วยการเทรนนิ่งที่จัดตารางไว้ให้เราได้ฝึกตามในแอปฯ อีกด้วย ประโยชน์ของ Upright Posture ช่วยให้ไหล่เบา ไม่รู้สึกเหมือนใครมาขี่คอ – เครื่องนี้ช่วยลดอาการตึงของไหล่จากท่ายืนท่านั่งที่ผิดปกติ ลดความเครียดและนำความสงบมาให้ชีวิต – การขยับท่าทางให้ถูกต้องจะช่วยลดความเหนื่อยล้าที่สร้างความเครียดได้ รู้สึกเยี่ยมในท่าสุดเพอร์เฟ็กต์ – แค่การนั่งและยืนในท่าที่ถูกต้องจะทำให้เราดูดีขึ้นทันตา
หากให้แนะนำหนังดีที่ควรดูสักเรื่องหลายคนและหลาย Page Facebook กูรูคอหนังต่าง ๆ “INCEPTION” ของผู้กำกับสติเฟื่องอย่าง Christopher Nolan ต้องติดอยู่ในลิสต์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่ล่ะ เพราะหนังมันช่างล้ำเกินกว่าจะดูรอบเดียวจบได้ ต้องมีซ้ำเก็บรายละเอียด บวกกับพล็อตเรื่องชวนพิศวงตามสไตล์ของโนแลน ยิ่งทำให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงอยู่เรื่อย ๆ และหนึ่งในนั้นคือตอนจบของเรื่อง ที่ยังคงถกเถียงกันตลอดมาว่ามันจบอย่างไรกันแน่ ฟังความเห็นจากกูรูหนังกันมาเยอะแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะบอกว่าจริง ๆ แล้วนักแสดงในเรื่องอย่าง Michael Caine ที่รับบทเป็นพ่อของ Dom Cobb ตัวเอกในเรื่องที่รับบทโดย Leonardo DiCaprio แอบเฉลยให้เรารู้ไว้ตั้งนานแล้ว! Spoil Alert !! เนื้อหาในบทความนี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาภาพยนตร์บางส่วน ใครที่ยังไม่ได้ดู กลัวเสียอรรถรส แนะนำให้ดูก่อนแล้วค่อยมาอ่านทีหลังก็ยังไม่สาย ตอนจบของภาพยนตร์ดังอย่าง Inception ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงตั้งแต่เข้าโรงจนถึงทุกวันนี้ก็เกือบสิบปีแล้ว ว่าสุดท้ายแล้วตัวเอกของเรื่องของ Dom Cobb (Leonardo DiCaprio) กำลังติดอยู่ในความฝันหรือว่าภาพที่เห็นนั้นคือเรื่องจริงของเขา ซึ่งคือภาพของเขาอยู่กับลูก ๆ อย่างมีความสุข และตัดมาที่ Totem
นับว่าเป็นช่วงปล่อยคอลเลกชั่นใหม่จากหลาย ๆ แบรนด์ดัง เนื่องด้วยถึงฤดูกาล Fall/Winter ที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะแบรนด์สตรีทแฟชั่นทั้งหลาย ที่ต่างล้อไปกับกระแสโลกที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้ทำคอลเลกชั่นล่วงหน้าเหมือนกับแฟชั่นไฮเอนด์ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในแบรนด์ที่สาวกทั่วโลกต่างรอคอย และพร้อมจะเสียตังค์ใช้จ่ายอย่างไม่มีเหตุผล คงจะหนีไม่พ้น Supreme ที่มักจะสร้างเซอร์ไพรส์สร้างไอเทมแปลก ๆ ให้กลายเป็น Talk of the town ตัวอย่างเช่น พระพิฆเนศ เมื่อคอลเลกชั่นที่ผ่านมา ล้วนทำให้ชาวสตรีทแวร์ต่างนำไปห้อยคอบูชา โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายถึงอะไร กลับมาคราวนี้ สำหรับคอลเลกชั่น Fall/Winter 2018 Supreme ยังคงนำเสนอเสื้อผ้า กางเกง หมวก กระเป๋า และสินค้าเบ็ดเตล็ดด้วยสีสันฉูดฉาดตามสไตล์ของแบรนด์อีกเช่นเคย โดย UNLOCKMEN จะอาสาพาไปดูไอเทมเจ๋ง ๆ ที่น่าจะกลายเป็นไฮไลท์สำคัญและเป็นกระแสที่ต้องตามเก็บชนิดรีเซลล์แพงมหาโหดอย่างแน่นอน JACKET เนื่องจากเป็น Fall/Winter 2018 ทำให้ภายในคอลเลกชั่นนี้ จะเต็มไปด้วยเสื้อแจ็คเก็ตอยู่มากมาย ซึ่งไอเทมแต่ละชิ้นก็ยังคงความเป็น Supreme ที่ดิบ และมีเอกลักษณ์อยู่ในตัวเองเสมอมา ที่สำคัญไม่ว่าคุณจะเป็นคนสไตล์ไหนก็สามารถสวมใส่ Supreme ได้หมดทุกคน สำหรับแจ็คเก็ตเหล่านี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราเสียเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดว่าอยากจะซื้อมาประดับบารมีเฉย ๆ แจ็คเก็ต Windbreaker
ตลาดวายกันไปสดร้อน ๆ สำหรับตลาดซื้อขายนักเตะ Premier League ก่อนที่ทั้ง 20 ทีมจะลงสนามขับเคี่ยวกันในฤดูกาล 2018-2019 ที่กำลังจะเปิดฉาก แต่ก่อนจะส่องฟอร์มในสนามเรามาดูกันก่อนว่าฟอร์มนอกสนามในการเสริมทัพนักเตะของแต่ละทีมเป็นอย่างไรกันบ้าง บอกเลยว่าฤดูกาลนี้แตกต่างจากฤดูกาลก่อน ๆ พอสมควรเนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายนักเตะของเหล่าบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ไม่ค่อยคึกคักเท่าไรนัก โดยเฉพาะ ‘ไก่เดือยทอง’ Tottenham Hotspur ที่กลายเป็นทีมแรกในรอบ 15 ปีของ Premier League ที่ไม่เสริมนักเตะเลยแม้แต่คนเดียว แต่กลับกลายเป็นเหล่าทีมม้านอกสายตาที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากกว่า เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าดีลซื้อขายเด็ด ๆ ในตลาดรอบนี้มีใครกันบ้าง Goalkeeper หลังจากปวดหัวกับปัญหาผู้รักษาประตูมานานหลายปี โดยเฉพาะในนัดชิงชนะเลิศ UEFA Champions League ที่ผู้รักษาประตูหน้าหล่อ Loris Karius โชว์เหวอจนยากจะรับได้ ในที่สุดทีมเครื่องจักรสีแดงแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์อย่าง Liverpool ก็ตัดสินใจใช้เงินแก้ปัญหาโดยการทุ่มเงินกว่า 56 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวสถิติโลกในตำแหน่งผู้รักษาประตูคว้าตัว Alisson Becker จอมหนึบมือ 1 ทีมชาติบราซิลจากสโมสร Roma แต่สถิติโลกของ Alisson ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่กี่สัปดาห์ต่อมาทีมสิงห์ไฮโซอย่าง Chelsea ทุ่มเงินกว่า 72 ล้านปอนด์คว้าตัวผู้รักษาประตูดาวรุ่งชื่ออ่านยากอย่าง Kepa Arrizabalaga
นาฬิกาข้อมือ หนึ่งใน Item ชิ้นสำคัญในการแต่งตัวของผู้ชาย อุปกรณ์ที่สามารถบ่งบอกได้ถึงฐานะและรสนิยมของผู้สวมใส่ผ่านทางกายภาพที่มองเห็น สัมผัสและจับต้องได้ แต่ด้วยขนาดอันน้อยนิดเมื่อเทียบกันกับเครื่องแต่งกายอย่าง เสื้อ หรือ รองเท้า หลายคนจึงมักมองข้ามความสำคัญของมันไป ลองจินตนาการว่า เราเจอกับหนุ่มมาดเนี้ยบในลุค Formal มาพร้อมรองเท้าและเข็มขัดหนังชั้นดี ทุกอย่างดู Match เข้ากันอย่างลงตัว แต่ดันมาตกม้าตายตอนยกมือขึ้นมาเสยผม ด้วยนาฬิกาสายแฟชั่นสีแสบเสียอย่างนั้น คงเริ่มเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมว่าตัวบอกเวลาที่ข้อมือชิ้นนี้สำคัญขนาดไหน เปรียบเหมือนกับส่วนเติมเต็มสุดท้ายของความสมบูรณ์ในการแต่งตัวของเรานั่นเอง อย่ารอช้า วันนี้ UNLOCKMEN ได้จัดทำคู่มือการแบ่งชนิดพร้อมรูปแบบการสวมใส่ที่เหมาะสมมาไว้ให้แล้ว จะจับคู่ ต้องรู้ประเภท ลำดับแรกหากต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสวมใส่ เราจะต้องรู้จักประเภทของนาฬิกาแต่ละชนิดเสียก่อน ที่คุ้นเคยกันดีในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่คือ แบบ Analog Watch และ Digital Watch ซึ่งวันนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่แบบแรก ซึ่งเป็นนาฬิกายอดนิยมสำหรับผู้ชาย นั่นก็คือ Analog Watch กับความคลาสสิกด้วยตัวเลข 12 ตำแหน่งบนหน้าปัด และเข็มบอกเวลา ความเรียบง่าย หรูหรา และทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะคว้ามาใส่เวลาไหน ก็ทำให้ดูดีได้เสมอ นาฬิกาข้อมือประเภท Analog Watch
หลังจากตรากตรำทำงานติดต่อกันมา 5 วัน เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์เวียนมาถึงหลายคนคงไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากการนอนอืดบนเตียงหรือถ้าเป็นสายปาร์ตี้ก็ตั้งใจเมาให้เละสมกับที่เก็บกดมาหลายวัน แต่สำหรับบางคนที่แค่ได้นอนตื่นสายสักหน่อยก็เป็นการพักผ่อนที่เพียงพอแล้ว เวลาที่เหลืออยากหาอะไรเป็นประโยชน์ทำ ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองว่างจนเกินไป วันนี้ UNLOCKMEN จึงมีวิธีพัฒนาศักยภาพตัวเองด้านต่าง ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์มาฝาก เพื่อไม่ให้เสาร์-อาทิตย์ของคุณผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ Snooze คือสิ่งต้องห้าม “แป๊ป ๆ ก็วันจันทร์แล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” นี่คือวลียอดฮิตของเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่เราเห็นกันจนชินตาในโซเชียลมีเดีย แต่ถ้าเราลองเอาประโยคนี้มาวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมเวลาวันหยุด 48 ชั่วโมงจึงดูเหมือนน้อยเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะว่าคุณนอนตื่นสายเกินไปหรือเปล่า วันหยุดทั้งทีก็อยากนอนขี้เกียจให้เต็มที่ รู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ข้ามฟากมาอยู่ทิศตะวันตกแล้ว กว่าจะพาตัวเองลุกออกจากเตียง ทานข้าว อาบน้ำ ฟ้าก็ใกล้มืดหมดไป 1 วันแบบงง ๆ จะดีกว่ามั้ยถ้าในคืนวันศุกร์คุณไม่ต้องนอนดึกมาก และตื่นขึ้นมาในเช้าวันเสาร์ อาจจะตั้งนาฬิกาปลุกให้สายกว่าวันทำงานนิดหน่อยเป็นการให้รางวัลตัวเอง แต่กฎเหล็กเลยคือเมื่อนาฬิกาปลุกดังห้ามกด Snooze เด็ดขาด ให้รีบลุกออกจากเตียงทันที เพียงเท่านี้คุณก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะทำอะไรมากมายเพื่อพัฒนาตัวเองแล้ว 2 ชั่วโมงแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ เพียงแค่คุณแบ่งเวลา 2 ชั่วโมงจาก 48 ชั่วโมงในวันหยุดมาเป็นเวลาแห่งการสร้างแรงบันดาลใจ เชื่อเถอะว่าผลลัพธ์มันคุ้มค่ายิ่งกว่ากิจกรรมใด ๆ แน่นอน เป็นช่วงเวลาที่คุณจะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ผ่านเข้ามาทางหน้าต่างชีวิตหลังจากที่คุณอยู่กับสิ่งจำเจมาตลอดสัปดาห์ การสร้างแรงบันดาลใจที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งน่าเบื่อเสมอไป มีกิจกรรมมากมายที่ทั้งสนุกและปลุกไฟในตัวคุณไปพร้อมกัน