ช่วงหยุดยาวแบบนี้ อีกหนึ่งกิจกรรมที่หนุ่ม ๆ สายแอดเวนเจอร์อย่างเรามักจะทำคือการออก road trip ขับรถตะลอนทัวร์กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือไม่ก็คนเดียวเปลี่ยว ๆ ซึ่งสิ่งที่จะสร้างความบันเทิงในการเดินทางได้ดีก็คือเพลงเยี่ยม ๆ ที่ทำหน้าที่มอบความมันส์ระหว่างทาง และช่วยให้เราไม่ง่วงง่าย ๆ ลดอัตราเสี่ยงอันตรายจากการขับรถทางไกลได้พอสมควร นักวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า เพลงที่จะเหมาะกับการนำมาฟังขณะขับรถทางไกลนั้นควรจะมีเมโลดี้ที่ติดหู มีริฟฟ์กีตาร์มันส์ ๆ ไลน์กลองหนักแน่นกระทุ้งอารมณ์ ทำให้ร่างกายของคุณหลั่งอะดรีนาลีนออกมาให้รู้สึกตื่นตัวตลอดทางหลังจากสตาร์ทเครื่อง ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงขอนำเพลงที่เราคิดว่าเหมาะกับ road trip เป็นอย่างยิ่งมาให้ฟังกัน โดยเพลงเหล่านี้พิสูจน์ตัวเองมาหลายกิโลฯ หลายปีแล้ว และก็ยังคงอยู่ในใจของคนที่ทำหน้าที่คุมพวงมาลัยประจำทริปตลอดมา Home – Edward Sharpe and the Magnetic Zeros แม้ว่า Home จะเป็นเพลงรัก แต่ก็มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกลับบ้านสมชื่อ เหมาะกับเอาไว้ฟังขณะเดินทางสู่บ้านเกิด ด้วย upbeat ฟังสนุกในท่อน verse บวกกับท่อน hook ติดหู ทำให้เราคิดไปก่อนแล้วว่าถึงบ้าน Don’t
วันหยุดยาวมาถึงทีไร ผู้ชายอย่างเราถ้าไม่ได้นอนอยู่บ้าน ก็เดินทางไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่ง วินาทีที่เราได้อยู่กับตัวเอง วินาทีที่ได้พักจากงานที่ถาโถมและอยากพาตัวเองออกจากโลกโซเชียลมีเดียสุดวุ่นวายสักพัก ดูเหมือน “หนังสือ” จะเป็นเพื่อนยากที่รอตอบโจทย์การใช้เวลาในวันหยุดของเราได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศแห่งการเดินทาง หรือหยุดอยู่บ้านแต่อยากเสพการเดินทางของนอื่น UNLOCKMEN อาสานำเสนอหนังสือ 5 เล่มว่าด้วยการเดินทางของมนุษย์ในรูปแบบต่าง ๆ รับรองว่าบูสต์พลังให้วันหยุดได้แบบเต็มขั้น กลับไปเริ่มต้นวันทำงานใหม่ด้วยทัศนคติแบบหิวกระหายความหมายบางอย่างให้ชีวิตแน่นอน ติดอยู่ระหว่างการเดินทาง : อุทิศ เหมะมูล สำหรับผู้ชายที่ชอบดื่มด่ำกับความสัมพันธ์ ดื่มด่ำกับอารมณ์และความรู้สึก เล่มนี้อาจจะเหมาะกับวันหยุดยาวของคุณ เพราะ “ติดอยู่ระหว่างการเดินทาง” ผลงานเล่มล่าสุดของอุทิศ เหมะมูล คือรวมเรื่องสั้นหลากอารมณ์ที่จะพาเราดำดิ่งไปในบรรยากาศของเมืองต่าง ๆ ในหลายมุมโลก พร้อมเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ตลอดเวลาที่อ่านเราอาจเผลอแทนตัวเองเข้าไปเป็นตัวละครในเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง จนแม้แต่นอนอยู่บ้านก็อาจจะรู้สึกราวกับว่าได้ออกเดินทางไปพร้อม ๆ กับตัวละคร และด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์สารพัดรูปแบบ เราเชื่อว่าคุณจะได้ปลดล็อกเรื่องราวในใจกับใครบางคนได้ แถมอยากออกเดินทางในวันหยุดครั้งต่อไปขึ้นมา หรือถ้าคุณเดินทางอยู่แล้ว คุณจะหิวเบียร์และกระหายที่จะสนทนากับใครสักคนขึ้นมาแน่นอน Eat Pray Love : Elizabeth Gilbert แม้ตัวละครหลักของหนังสือเรื่อง Eat Pray Love จะเป็นผู้หญิง แต่ UNLOCKMEN เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะบูสต์พลังแห่งความเด็ดเดี่ยวเต็มขั้นให้คุณในวันหยุดนี้ได้แน่นอน
แม้ว่าในฤดูกาลนี้โทนสีที่มาแรงที่สุดประจำซีซั่นจาก Pantone จะเลือกให้เป็น Ultra Violet แต่เรียนตามตรงว่าด้วยเฉดสีม่วงเช่นนั้น คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่หนุ่ม ๆ จะหยิบจับไอเทมต่างมามิกซ์แอนด์แมทช์เป็นสไตล์ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน สุดท้ายก็จบด้วยสีขาว ดำ เทา เป็นโมโนโทนอยู่ตลอดเวลา UNLOCKMEN อยากจะให้หนุ่ม ๆ ลุกขึ้นมาแต่งตัวสนุกให้กับชีวิตเสริมหล่อความมั่นใจให้กับตัวเองมากยิ่งด้วย ด้วยโทนสีแบบ Earth Tone ซึ่งหลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าไอ้เจ้า Earth Tone นี้ มันหน้าตาเป็นเช่นไร สำหรับสีในโทน Earth Tone ถ้าให้ทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ คือเฉดสีต่าง ๆ ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา อย่างเช่น เขียวเข้ม น้ำตาล เทน และแทน รวมถึงสีเบจ โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นสีโทนกลางที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับทุกสีได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับงานตกแต่งหลาย ๆ ประเภท ทว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ในวงการแฟชั่นเริ่มมีการหยิบจับเอาโทนสีนี้ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นไฮแฟชั่น หรือแม้กระทั่งสตรีทแวร์ มาลองดูไอเดียกันว่า ถ้าเกิดหนุ่ม ๆ อยากจะมีลุคแบบ Netural ควรจะเลือกเฉดสี
จัดเป็นคอลเลคชั่นที่หนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทุกคนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะการโคจรมาพบกันของสองงานศิลป์ที่ดูเหมือนไม่น่าจะเข้ากันได้เลย เมื่อแบรนด์แฟชั่นสเก็ตบอร์ดอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Vans ขอหยิบยกเอาผลงานศิลปะชั้นครูจาก Vincent Van Gogh มาวาดลวดลายอยู่บนคอลเลคชั่นเสื้อผ้า และรองเท้าของตัวเอง จนเกิดเป็น Vans x Vincent Van Gogh โดยความร่วมมือในครั้งนี้ Vans จะได้นำรองเท้ารุ่นฮิตอย่าง Old Skool, Slip-On, Authentic และ Sk8-Hi รวมถึงเสื้อยืด ฮู้ดดี้ แจ็กเก็ต หมวก กระเป๋า มาเติมภาพวาดสีน้ำมันสุดคลาสสิคของศิลปินชื่อก้องโลก Vincent Van Gogh อาทิ Almond Blossoms, Skull และ Sunflowers หรือแม้กระทั่งภาพพอร์ตเทรตของตัวเอง ออกมาเป็นคอลเลคชั่นที่ผสมผสานศาสตร์แห่งศิลปะบนเสื้อผ้าสมัยใหม่ได้อย่างสวยสดงดงาม ทว่าการจับจองคอลเลคชั่น Vans x Vincent Van Gogh Van Gogh Museum นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะสินค้าเหล่านี้จะถูกวางขายที่เว็บไซต์เท่านั้นในเร็ววันนี้
สั่นสะเทือนวงการสายเขียวไปทั้งโลกอีกครั้ง เมื่อผลวิจัยทางการแพทย์ล่าสุดที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร ‘Scientific Reports’ เปิดเผยว่าการสูบกัญชานั้นอันตรายน้อยกว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึง 114 เท่า! ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นจากผลวิจัยพบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีอันตรายมากกว่ายาเสพติดทุกประเภท แต่มันกลับเป็นสิ่งเดียวที่ถูกกฎหมาย ช่างย้อนแย้งอะไรขนาดนี้ ส่วนอันดับความอันตรายรองมาคือเฮโรอีน, โคเคน, ยาอี ซึ่งเกณฑ์การจัดอันดับนี้วัดจากอัตราผู้เสียชีวิตที่ใช้สารแต่ละประเภทในปริมาณเท่า ๆ กัน ในอดีตกัญชานั้นเคยถูกมองว่าเลวร้ายเกินความเป็นจริงไปมาก เป็นความเชื่อที่ส่งต่อกันมาแบบผิด ๆ ทำให้มันกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ในทางตรงกันข้ามเครื่องดื่มมีแอลกฮอล์นั้นถูกมองเป็นสิ่งให้ความบันเทิงสนุกสนานอยู่คู่กับการสังสรรค์ของมนุษย์มาเนิ่นนานทั้งที่จริงแล้วอันตรายของมันนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าสารเสพติดทุกชนิด ถึงปัจจุบันหลักสูตรการศึกษาต่าง ๆ จะปรับความอันตรายของกัญชาลงมาในระดับต่ำแล้ว และมีการพยายามผลักดันให้กัญชาถูกกฎหมายหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ กัญชายังเป็นสิ่งผิดกฎหมายสำหรับประเทศส่วนใหญ่ในโลก การที่กัญชายังผิดกฎหมายทั้ง ๆ ที่มีงานวิจัยด้านการแพทย์มากมายหลายชิ้นยืนยันแล้วว่าพืชชนิดนี้มีอันตรายน้อยมากมันอาจจะมีสาเหตุมากกว่าการที่รัฐห่วงสุขภาพของประชาชน เหตุผลหลักน่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจมากกว่า อาจจะเกิดจากการที่ในแต่ละประเทศมีผู้จำหน่ายกัญชารายใหญ่อยู่แล้ว และพวกเขาอาจจะสนิทกับรัฐบาล ดังนั้นการที่เปิดให้ค้าขายกัญชาอย่างเสรีอาจทำให้สถานะพ่อค้ารายใหญ่เกิดความสั่นคลอน นอกจากนี้การเรียกเก็บโครงสร้างภาษี ถ้ากัญชาถูกกฎหมายอาจจะยังไม่ลงตัว อย่างไรก็ตามการที่กัญชาจะถูกกฎหมายในประเทศไทยก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังในขนาดนั้น เพราะตอนนี้ในสังคมโลกตื่นตัวเรื่องกัญชาอย่างมาก เช่นเดียวกับในประเทศไทยที่ตอนนี้มีหลายองค์กรออกมาผลักดันเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง เชื่อว่าสายเขียวทั้งหลายคงอดใจรออีกไม่นานก็น่าจะได้ ‘High’ โดยไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เสียที ที่เขียนมาถึงตรงนี้ UNLOCKMEN ก็ไม่ได้มองว่าการใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวขนาดนั้น และในเมื่อสิ่งที่อันตรายกว่ามันถึง 114 เท่ากลับเป็นสิ่งถูกกฎหมาย พืชชนิดนี้ก็ควรจะถูกกฎหมายเช่นกัน ถ้ามองในแง่ประโยชน์ทางการแพทย์และความผ่อนคลายในปริมาณที่เหมาะสม SOUECE1
แม้จะปล่อยมาแค่ Trailer สั้น ๆ แต่ก็ทำเอาหลายคนน้ำตาตกไปเรียบร้อยแล้วสำหรับสารคดีตามติดชีวิต BNK48 ไอดอลกลุ่มแรกในประเทศไทยในชื่อ BNK48: Girls Don’t Cry กำกับโดยผู้กำกับฝีมือเป็นเอกลักษณ์อย่าง เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เจ้าของผลงานภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Mary is happy, Mary is happy, ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ และอีกมากมาย การพบกันระหว่างกลุ่มไอดอลที่มีสตอรี่เรื่องราวดราม่ามากมายกับผู้กำกับยอดนักเล่าเรื่อง ทำให้เชื่อได้เลยว่าเราจะได้เห็นอะไรที่ทั้งเข้มข้นและคาดไม่ถึงใน BNK48: Girls Don’t Cry อย่างแน่นอน จากตัว Trailer ที่ปล่อยออกมาเราพอจะคาดเดาประเด็นที่ตัวสารคดีต้องการจะเล่าได้ประมาณหนึ่ง วันนี้ UNLOCKMEN จึงจะมาวิเคราะห์ให้อ่านกันคร่าว ๆ เป็นน้ำจิ้มก่อนอาหารมื้อใหญ่จะมาเสิร์ฟในวันที่ 16 สิงหาคม 2561 นี้ ความอึดอัดและการแข่งขัน มิตรภาพใน 48 Group เป็นมิตรภาพย้อนแย้งและยากจะเข้าใจได้ เพราะจากภาพที่คนนอกอย่างเราเห็นคือพวกเธอรักกันมาก เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงวัยใกล้เคียงกันที่ใช้ชีวิตร่วมกันแทบจะตลอดเวลามาตลอด 1 ปี แต่ในขณะเดียวกันพวกเธอคือคู่แข่งกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือความจริง ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? ก็เพราะคนที่จะได้เป็นสมาชิกตัวจริงในแต่ละเพลงจะมีแค่
พอพูดถึงความขยัน หลายคนคงเบือนหน้าหนีแล้ว ชาวขยันน้อย (หรือขี้เกียจนั่นเอง) อาจจะรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องขยันจริง ๆ หรอ เราต้องขยันไปทำไม ความขยันมันเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัวหรือเปล่า ที่แต่ละคนก็ต้องมีนิสัยที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าหากมองดี ๆ ความขยันมันสร้างจุดแข็งให้เราได้หลายอย่าง UNLOCKMEN เลยชวนมามองข้อดีของความขยัน เอาไว้จุดไฟให้ตัวคุณเองในวันที่เหนื่อยหน่าย หรือปลุกไฟให้ใครที่เป็นคนขยันน้อย เกิดอยากจะขยันขึ้นมาบ้าง ทำอะไรได้มากขึ้น ในเวลาที่น้อยลง หากเราเกิดอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรด้วยไฟที่ลุกโชนข้างใน มันจะทำให้เราได้จัดการหลาย ๆ สิ่งในชีวิตได้มากขึ้นในแง่ของจำนวน วันนึงที่อาจจะทำได้แค่ไม่กี่อย่าง บางทีก็ผลัดวันประกันพรุ่งไปทำวันอื่นด้วยซ้ำ นั่นทำให้เราเสียเวลาไปโดยที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำหรืออยากทำเลย ลองลุกขึ้นมาจุดไฟให้ตัวเอง ลุกขึ้นมาใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า เริ่มจากลงมือทำในสิ่งที่อยากทำก่อน จะได้มีกำลังใจมากขึ้น สัมผัสความสำเร็จได้ง่ายขึ้น หากเราได้ลงมือทำอะไรด้วยความตั้งใจ จากแรงผลักดันของเราข้างในแล้ว มันเหมือนเป็นต้นทุนให้เราไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยิ่งใส่ความขยันลงไปแล้ว เหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟให้การทำงานของเราเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ยิ่งเราขยัน เรายิ่งลงมือทำอะไรได้มากขึ้น นั่นหมายความว่าเราอาจได้เจอทั้งทางลัด ความผิดพลาด อุปสรรค อะไรก็แล้วแต่ที่คนลงมือทำได้เจอจริง ๆ แบบที่คนอยู่เฉย ๆ ไม่เคยได้สัมผัส นั่นยิ่งทำให้เราแข็งแกร่งและก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จไปอีกขั้น Earn More And More จัดการงานของตัวเองเรียบร้อยไปแล้วด้วยไฟที่ลุกโชนอยู่ในตัว หากไฟนั้นยังไม่ดับไปซะก่อน อย่างปล่อยมันทิ้งให้น่าเสียดายเปล่า
บางคนอาจคิดว่าตัวเองเทิร์นโปรแล้วในเรื่องความเข้าอกเข้าใจหญิงสาว มาไม้ไหนรับมือได้หมด แต่อย่าลืมว่าทุกการแสดงออกของเธอ มันไม่ได้หมายความแบบเดียวกับสิ่งที่อยู่ข้างในใจหรือความคิดของเธอ บอกใช่ ไม่ได้แปลว่ามันจะใช่ บอกไม่ ไม่ได้แปลว่าปฏิเสธจริง ๆ ถ้าคุณคือหนึ่งในมนุษย์เพศชายที่สกิลเข้าใจผู้หญิงเป็นศูนย์ UNLOCKMEN ขอชวนมาทำความเข้าใจกันแบบง่าย ๆ ไม่ให้ไก่ตื่น จากสัญญาณเหล่านี้ ที่บอกคุณได้ว่า แฟนคุณขี้งอนมากกว่าที่เห็น รู้ให้ทันทุกความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำว่า “ไม่เป็นอะไร” ของสาว ๆ จะได้รับมือกันแบบทันท่วงที เธอเปิดเผยความรู้สึกของเธออยู่เสมอ เปิดเผยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการบอกตรง ๆ ว่าไม่พอใจเรื่องอะไร เพราะอะไร แต่หมายถึงการแสดงออกว่าไม่พอใจ น้อยใจ โกรธ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผู้ชายอย่างเรารู้ว่าเธอกำลังอารมณ์บ่จอย เพราะผู้ชายอย่างเราอาจจะไม่เก่งเรื่องการสังเกตอารมณ์อีกฝ่ายสักเท่าไหร่ หากแสดงออกเลเวลแรกแล้วเรายังไม่รู้ตัว เธอก็จะแสดงออกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะรู้นั่นแหละ นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นเธอต้องการให้เรารับรู้ถึงความขุ่นมัวในอารมณ์ของเธอก่อนเป็นอันดับแรก อ่อนไหวกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เสี้ยววินาทีของคำพูด การกระทำจากคุณ สามารถกลายเป็นประเด็นใหญ่โตได้ถ้าหากมันไปสะดุดเธอเข้า เธอจะค่อย ๆ ประมวลผลและก่อมวลของความไม่พอใจอยู่ลึก ๆ และก็เก็บมันมาเป็นเรื่องราวที่ต้องถกเถียงกันต่อไป เราก็ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า แต่ละคนมีเรื่องอ่อนไหวที่ไม่เหมือนกัน เราอาจอ่อนไหวกับการกระทำ เธออาจอ่อนไหวกับคำพูด สิ่งสำคัญคือทั้งสองฝ่ายต้องรู้เขารู้เรา และระมัดระวังสิ่งที่จะกระทบความรู้สึกอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าพอตัวเราเองไม่รู้สึกอ่อนไหว
หากพูดถึงนักกีฬาสักคนที่มีชีวิตดั่งบทละคร เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ล้มลุกคลุกคลานจนแทบเกือบเอาชีวิตไม่รอดบนความสำเร็จที่สร้างมา แต่กลับกลายเป็นเหมือนหอกข้างแคร่ทิ่มแทงตัวเอง ชื่อของ Allen Iverson คือนิยามของคำว่าอัฉริยะบนความไม่สมบูรณ์แบบ เพราะถ้าเกิดเราย้อนกลับไปในยุค 90s แฟนกีฬาทั่วโลก โดยเฉพาะอเมริกันเกมส์อย่างบาสเก็ตบอล แน่นอนว่าไม่มีใครที่ไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ความเก่งกาจและพรสวรรค์ราวฟ้าประทานของพอยต์การ์ดร่างเล็กใจใหญ่คนนี้ ซึ่ง UNLOCKMEN อยากจะนำเรื่องราวของเขามาถ่ายทอดให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน My Name is Bubba Chuck ! Allen Iverson เด็กหนุ่มผิวสีร่างเล็กเกิดมาในครอบครัวฐานะยากจน ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ย่านสลัมของมลรัฐ Virginia เพราะพ่อของเขาต้องเดินเข้า ๆ ออก ๆ คุกเป็นว่าเล่น Allen Iverson มีเพียงแม่ที่คอยดูแล แถมต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอยู่บ้านพักเคหะ ที่ซึ่งความเป็นอยู่ดีมากยิ่งขึ้น เหตุการณ์ในวัยเด็กจากการที่ต้องเห็นพ่อถูกจับกุมต่อหน้าต่อตาอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงปฎิฎาณกับตัวเองว่าจะต้องเอาชีวิตของตัวเองออกจากชีวิตตรงจุดนี้ให้จงได้ด้วยการเล่นกีฬา Iverson จึงพยายามเล่นทั้งอเมริกาฟุตบอลอยากหนักในช่วงแรก ทว่าแม่ของเขายอมทำงานหนักเพื่อซื้อรองเท้า Air Jordanให้กับ Iverson เพื่อจูงใจให้เขาสนใจในกีฬาบาสเก็ตบอลควบคู่กันไป เนื่องจากแม่ของ Iverson ไม่ค่อยมีเวลาให้ เขาจึงต้องไปอาศัยอยู่บ้านของเพื่อนที่ชื่อ Jamie Rogers อยู่บ่อยครั้ง
‘ความเหงา’ เป็นสิ่งที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี บางคนอาจจะเป็นเพื่อนสนิทกับมันเลยด้วยซ้ำ แม้ในประวัติศาสตร์จะไม่มีจารึกไว้ว่าจุดเริ่มต้นของความเหงามาจากอะไร เกิดขึ้นเมื่อใด แต่ถ้าจะให้คาดเดาผู้เขียนคิดว่าความเหงาน่าจะเกิดขึ้นพร้อมกับมนุษย์นั่นแหละ เป็นหนึ่งในอารมณ์ที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาล เพียงแต่ปัจจุบันสภาพสังคมที่เป็นอยู่ยิ่งขับความเหงาออกมาให้เป็นสิ่งที่มีนิยามชัดเจนขึ้นถูกพูดถึงมากขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้จักและคุ้นเคยกับอารมณ์สีเทานี้เป็นอย่างดี แต่คงมีน้อยคนที่จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วความเหงานั้นซับซ้อนกว่าที่คิดมาก เพราะถ้าเรานำมันมาจับแยกประเภทพบว่ามันมีด้วยกันถึง 7 ประเภท ดังนั้นวันนี้เราไปทำความรู้จักเพื่อนสนิทคนนี้ให้มากขึ้นกันเถอะ New-Situation Loneliness ลองนึกถึงวันแรกที่คุณต้องย้ายไปเรียนต่อหรือทำงานที่ต่างประเทศต่างจังหวัด ความเหงาประเภทนี้คือความรู้สึกในวันนั้นแหละ มันเกิดจากความไม่คุ้นเคยที่คุณต้องพบเจอผู้คน สภาพสังคม บ้านเมือง วัฒนธรรมใหม่ ๆ ความเหงาประเภทนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อคุณสามารถปรับตัวกับสิ่งใหม่ ๆ ได้มันก็จะหายไปเอง I’m-Different Loneliness ‘โดดเดี่ยวเพราะแตกต่าง’ คือคำจำกัดความของความเหงาประเภทนี้ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว กลับกันคุณอยู่ในสถานที่หรือสังคมที่มีผู้คนมากมายให้พบปะ แต่คุณไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเหล่านั้นได้เพราะคุณรู้สึกว่าคุณมีบางอย่างแตกต่างกับคนอื่น คุณไม่ได้ปฏิเสธสังคม คุณอยากเป็นส่วนหนึ่งในสังคมนั้นแต่ไม่สามารถเป็นได้ อย่างไรก็ตามคุณเองก็ไม่มีความปัจเจกพอที่จะอยู่ในโลกของตัวเองอย่างมีความสุข ความเหงาประเภทนี้อาจหายไปได้ถ้าคุณเจอคนที่เหมือนตัวเอง แต่มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก No-Sweetheart Loneliness น่าจะเป็นความเหงาที่หนุ่มโสดทั้งหลายคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะถึงแม้คุณจะรายล้อมด้วยเพื่อนสนิทและครอบครัวที่อบอุ่นแต่นั่นก็ไม่สามารถทดแทนที่ว่างในหัวใจอันเกิดจากความโสดนี้ได้ เนื่องจากความสัมพันธ์รูปแบบคนรักมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยความสัมพันธ์รูปแบบอื่น เอาเป็นว่าหนุ่มโสดคนไหนกำลังเหงาก็ขอให้เจอคนที่จะเข้ามาเติมเต็มเร็ว ๆ ละกัน No-Animal Loneliness บางคนอาจจะไม่เข้าใจและไม่เคยพบเจอความเหงาประเภทนี้ แต่ถ้าคุณเป็นทาสแมวหรือทาสสุนัขเชื่อว่าคงเข้าใจเป็นอย่างดี สำหรับบางคนสัตว์เลี้ยงคือสิ่งช่วยเยียวยาจิตใจได้ แค่ได้นอนเกลือกกลิ้งกับเจ้าขนฟูตัวโปรดก็คลายเหงาได้แล้ว