หนึ่งในมัดกล้ามเนื้อที่หนุ่ม ๆ อย่างเราอยากเสริมสร้างขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือกล้ามเนื้ออก (chest) ที่มันจะช่วยให้บุคลิกของเราดูดีขึ้น ใส่เสื้อก็ดูเท่ เป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งของชายหนุ่ม รวมถึงสร้างพลังในอิริยาบทประจำวันที่ต้องใช้การดัน หรือผลักออกไป ถามว่าอยากได้กล้ามอกต้องเล่นท่าอะไร ? หลายคนก็คงจะรู้แล้วว่าต้องวิดพื้น (Push Up) ไม่ก็ Chest Press และ Chest Fly แต่ถ้าสมมุติว่าเกิดไม่มีอุปกรณ์ ไม่ค่อยมีเวลาไปยิม หรือเกิดเบื่อท่าเดิม ๆ หละ เราจะยังเล่นกล้ามอกได้เต็มที่มั้ย ? แบบนี้ก็น่าคิด แต่ทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ ทีมงาน UNLOCKMEN ขอแนะนำโปรแกรม workout ที่มุ่งเป้าไปที่การเสริมสร้างกล้ามเนื้ออก ที่ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที แถมไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรก็ช่วยให้ฟิตกล้ามอกได้ดี *ฝึกแบบ Circuit Training ทำทุกท่า (ตามจำนวนที่กำหนด) ต่อเนื่องกันนับเป็น 1 เซ็ต พักระหว่างเซ็ต 1-2 นาที แล้วลุยต่ออีกเซ็ต สำคัญที่สุดต้องทำท่าทางให้ถูกต้อง ห้ามโกง พร้อมท่องในใจว่า
ผู้ชายอย่างเราอยากจีบใครสักคนก็อยากจีบสาวโสดสนิท คลีน ๆ ไม่ต้องมีปัญหาว่าไปทับเส้นใครเขาเข้า แต่ความเท่ ความคูล ควาขรึมมันก็ค้ำคอ จะให้ไปเผยไต๋ถามไปตรง ๆ ว่า “คุณครับมีแฟนหรือยัง” นอกจากจะดูไม่มีชั้นเชิงแล้ว มันก็เหมือนไปบอกเธอโต้ง ๆ ว่าจะจีบเธอ ทั้ง ๆ ที่เราอาจจะยังไม่แน่ใจก็ได้ หรืออาจจะแน่ใจแล้วแต่ยังไม่อยากเปิดตัวเต็มที่เพราะกลัวจะแป้กทีหลัง ดังนั้นการถามว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีแฟนแล้วหรือยังจึงไม่จำเป็นต้องถามไปตรง ๆ แต่มีวิธีถามอ้อม ๆ แต่ทำให้ได้คำตอบมาแน่นอน ที่สำคัญบางประโยคอาจทำให้เราได้รู้ว่าเธอคิดอะไรกับเราอยู่กันแน่เลยทีเดียว “น่ารักขนาดนี้ แฟนหวงแย่เลยนะครับ” ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแน่ ๆ กับคำถามนี้ นัดแรกก็เป็นการเปิดทางไปก่อนว่าเราชื่นชมเธอแค่ไหนด้วยการชมว่าน่ารัก ในขณะเดียวกันเราก็เติมเนียน ๆ ต่อท้ายไปด้วยว่า ดูสิ น่ารักขนาดนี้แฟนต้องหวงมากแน่ ๆ เลย โดยถ้าเธอไม่มีแฟน โดนผู้ชายชมว่าน่ารักขนาดนี้ก็ต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธพัลวันว่า “ไม่ค่ะ ไม่มีแฟน” หรือถ้าเธอยิ้ม ๆ หรือสงวนท่าทีเราก็ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้วว่าเธออาจมีแฟนแล้ว หรือเธอไม่อยากเปิดโอกาสให้เราจีบ ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ต้องรีบหาทางหนีทีไล่ให้ไวเลยทีเดียว “แฟนมารับหรือเปล่า ดึกแล้ว กลับคนเดียวอันตรายนะ” วันไหนที่สบโอกาสได้อยู่กับสาวคนที่เล็งเอาไว้แบบสองต่อสองจนดึกดื่น แล้วถึงคราวต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน ประโยคนี้คือประโยคเด็ดที่บ่งบอกว่าเราเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ดึกดื่นขนาดนี้ กลับเองอันตราย
นาทีนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักแบรนด์ Supreme ยิ่งถ้าเป็นสาย Street Fashion แน่นอนว่าต้องมีชื่อ Supreme ติดเป็นหนึ่งในแบรนด์ระดับท็อปของสายนี้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังโลโก้ Supreme ที่ประกอบด้วยอักษรสีขาวบนพื้นแดงนี้มีแรงบันดาลใจมาจากที่ไหน ถ้าพวกคุณคือคนหนึ่งที่ใช้ไอเท็มของแบรนด์ Supreme ที่อยากเพิ่มความเท่มากกว่าการใส่ ลองมาเติมความลึกกันหน่อยกับศิลปินหญิงเบื้องหลังแรงบันดาลใจโลโก้ และชนวนดราม่าของการฟ้องร้องระหว่าง Supreme กับ Supreme Bitch เพราะทั้งหมดเกิดและจบด้วยเธอคนนี้ “บาร์บาร่า ครูเกอร์” (Barbara Kruger) Say Hello to Barbara Barbara Kruger คือศิลปินอเมริกันที่เติบโตจากเมืองนวร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ เธอเกิดใน ค.ศ. 1945 เข้าเรียนที่สถาบัน Parson’s School of Design และได้เรียนกับช่างภาพระดับตำนานอย่าง Diane Arbus กับกราฟิกดีไซน์เนอร์ดัง Marvin Israel ซึ่งการเรียนเหล่านี้เองที่ทำหน้าที่เป็นโรงบ่มงานไอเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง หรือองค์ประกอบอื่น ๆ ในฉบับของตัวเธอ หลังจากเรียนจบ
“กลิ่น” คือเสน่ห์สำคัญของผู้ชาย ใครกลิ่นตัวหอมยวนใจมาตั้งแต่เกิดก็โชคดีไป แต่เราเชื่อว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้มีกลิ่นหอมกระชากใจติดตัวมาจากท้องแม่ ดังนั้นนอกจากการดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย “น้ำหอม” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ชายอย่างเราควรมีติดตัวไว้ เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพและมีกลิ่นหอมเป็นเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามให้อยากอยู่ใกล้ไม่รู้เบื่อ แต่ไม่ใช่ว่าสักแต่ดม ๆ กลิ่นไหนถูกใจแล้วจะคว้ามาได้ เพื่อ UNLOCK ความเข้าใจไปอีกขั้น วันนี้ UNLOCKMEN จะพามาทำความรู้จักกับความเข้มข้นของน้ำหอม 5 ระดับที่จะทำให้ผู้ชายอย่างเราอ่านฉลากน้ำหอมได้เข้าใจกว่าเดิม และสามารถเฟ้นหาน้ำหอมแบบที่ใช่ให้ตัวเองหรือคนข้างกายได้แบบเชี่ยวชาญกว่าที่เคย PARFUM (PERFUME) : ความเข้มข้น 20-30% เรามักจะเรียกผลิตภัณฑ์ฉีดสร้างความหอมให้กับร่างกายรวม ๆ ว่า Perfume แต่จริง ๆ แล้วน้ำหอมที่มีระดับความเข้มข้นเต็มสูบมากพอที่จะเรียกว่า Parfum หรือ Perfume ได้คือพวกที่มีความเข้มข้นของน้ำหอม 20-30% เท่านั้น โดยความเข้มข้นระดับนี้กลิ่นจะติดทนนานอยู่ได้ มากกว่า 8 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ชายที่ไม่ได้อยู่ติดที่ ต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกนาน ๆ ฉีด Parfum ครั้งเดียวตอนเช้า ก็หอมฟุ้งอยู่ได้จนถึงเย็นถึงค่ำแน่นอน ด้วยความเข้มข้นของหัวน้ำหอมระดับนี้จึงทำให้ราคาสูงตามไปด้วยและหาซื้อไม่ได้ง่ายนัก EAU DE PARFUM (EDP) :
นอกจากคนข้าง ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกอยากรีบกลับบ้านแล้ว ทุกวันนี้ความบันเทิงภายในบ้านยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนุ่ม ๆ Urban men อย่างเราติดบ้าน ต่อให้การใช้เวลาว่างของเราจะทุ่มเทไปกับการหากิจกรรมทำเพื่อพัฒนาตัวเอง หรือออกไปเข้ายิม เล่นกีฬา ลุยป่า ปาร์ตี้ถึงไหนถึงกัน สุดท้ายในหนึ่งวันเราก็ต้องการเวลานั่งอยู่เฉย ๆ เอนตัวลงพักผ่อนที่โซฟา กดรีโมทเพื่อเสพความบันเทิงภายในบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ ที่ได้รับจากดีไซน์ของการตกแต่ง, เฟอร์นิเจอร์และ gadget ทุกชิ้นที่เลือกสรรเข้ามาใช้งานและเพื่อความสวยงาม ซึ่งกิจกรรมความบันเทิงยอดฮิตของหนุ่ม ๆ อย่างเราที่ชอบทำเวลาพักผ่อนอยู่บ้านคงไม่พ้นการนั่งยืดขาบนโซฟาดูทีวี ดูหนังดี ๆ ยิ่งถ้าภาพชัด เสียงกระหึ่มนี่ยิ่งสะใจ ไม่ก็ชวนเพื่อน ๆ มาจับจอยดวลเกมกันในวันหยุดก็ยิ่งสนุก เติมพลังก่อนจะเริ่มต้นวันทำงาน แต่ของอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจอไหนก็ได้ สิ่งที่เราต้องการคือจอภาพที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม และต้องเป็นเสมือนประติมากรรมที่สามารถทำให้สเปซสำหรับการพักผ่อนของเราดูดียิ่งขึ้นไปอีก หนึ่งในทีวีที่ตอบโจทย์และน่าสนใจมากก็คือ LG OLED TV ซีรี่ย์ E8 ที่มาพร้อมกับด้วยดีไซน์เท่ ๆ สุดคลาสสิค ราวกับกระจกคริสตัล รวมถึงนวัตกรรมสุดล้ำแห่งวงการทีวีในระดับโลก ที่บอกว่าจอ LG OLED TV ซีรี่ย์ E8 สามารถตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบก็เพราะดีไซน์ Picture-on-Glass ที่มอบมิติแห่งความหรูหราให้กับห้องนั่งเล่นของเราได้ทุกมุมมอง และก็ไม่ได้หล่อแต่เพียงอย่างเดียว ยังขับเคลื่อนการทำงานด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
ในวันที่ไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเราเริ่มกลายเป็นธุระสำหรับคนใกล้ชิดที่ต้องออกมาแสดงความเป็นห่วงและบีบบังคับกลาย ๆ ให้ทำโน่นนี่และตราหน้าเราว่าขี้เกียจ แน่นอนว่าพวกเรารู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบที่เขาบอกสักกะนิด แต่บอกยังไงเขาก็ยังไม่เชื่อสักที เพื่อยืนยันว่าจริง ๆ พวกเราไม่ได้ขี้เกียจ UNLOCKMEN จึงได้รวบรวมข้อมูลผลวิจัยที่ว่าด้วย 5 พฤติกรรมที่คนทั่วไปมองว่า “ขี้เกียจ” แต่มันคือสิ่งที่บอกว่าเราฉลาดล้วน ๆ ลองมาเช็กดูกันอีกทีว่าเราเป็นแบบนี้ไหม ถ้าใช่…ยินดีด้วย คุณไม่ใช่คนขี้เกียจ 1. ไม่ได้อยากโซเชียลตลอดเวลา สาว ๆ และเพื่อนฝูงโปรดเข้าใจ เวลาเราเห็นกรุ๊ปแชทเด้งตลอดเวลาแต่ไม่ได้เข้าไปอ่านหรือไม่ตอบแค่กด ๆ ให้มันขึ้น read ให้จบ ๆ ไปโดยไม่สนใจจะตอบ หรือช่วงปาร์ตี้หลังเลิกงานเราก็แอบลี้หนีนัดตลอด มันไม่ได้แปลว่าเราไม่โปรดักทีฟเท่าคนอื่น ๆ หรือไม่ใส่ใจโลก เพราะมีผลวิจัยของนักจิตวิทยาจาก London School of Economics and Singapore Management University ที่ออกมายืนยันว่าคนฉลาดกว่าหรือคนที่ IQ สูงทั้งหลายเขาไม่ได้ชอบสังสรรค์กับเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ตรงกับความเห็นของ Washington post ที่เคยรายงานไว้ในเรื่องเดียวกันว่า คนเราถ้ายิ่งโซเชียลกับคนใกล้ชิดยิ่งกระตุ้นความสุขส่วนตัวให้เพิ่มขึ้น ยกเว้น “คนฉลาด” 2. ชอบชิลจับแมวนั่งตักมากกว่าพาหมาวิ่ง
พูดถึงเรื่องเซ็กซ์สะเด็ดสะเด่าหวือหวากระชากใจสาวทีไร ผู้ชายอย่างเราก็มักฝันฟุ้งว่ามันต้องไม่ใช่เซ็กซ์มือเปล่า แต่ต้องมาพร้อมอุปกรณ์หรือการลงทุนบางอย่าง ไหนจะเซ็กซ์ทอยเพิ่มความซาบซ่าน หรือควักเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าห้องดี ๆ หรู ๆ แพง ๆ สร้างบรรยากาศโรแมนติกให้ได้อารมณ์แปลกใหม่ การจะมีเซ็กซ์ซาบซ่านในหัวเราจึงเป็นเรื่องของการลงทุนด้วยเงินล้วน ๆ เท่านั้น แต่ UNLOCKMEN อยากพามา UNLOCK ความเชื่อเดิม ๆ เซ็กซ์ดี ๆ เด็ด ๆ อาจไม่ต้องทุ่มเงินก็ได้ ด้วย 5 วิธีต่อไปนี้จะสร้างอารมณ์เซ็กซ์ดี ๆ และแปลกใหม่โดยไม่ต้องลงทุนอะไรแค่ใช้ของที่มีอยู่แล้ว และความตั้งใจของเราก็พอ เซ็กซ์ไร้เสียง สร้างสำเนียงภายในให้แนบแน่น ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่กิจกรรมบนเตียงก็มักสร้างสุ้มเสียงแห่งความพอใจออกมาจากทั้งตัวเราและสาว ๆ ได้ในรูปแบบของการครางกระเส่า ลมหายใจรุนแรง หรือแม้แต่คำพูดวาบหวามชวนสยิว แต่ครั้งนี้เราจะขอให้สาว ๆ ของเราปฏิบัติภารกิจไปกับเราแบบเงียบเชียบที่สุด รวมถึงตัวเราเองด้วยที่ห้ามส่งเสียงครางใด ๆ ออกมา ความเงียบจะทำให้ประสาทสัมผัสของเราตื่นตัวมากยิ่งขึ้น เราจะดื่มด่ำกับรสสัมผัสจากร่างกายเธอในรูปแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันจึงจะเป็นเซ็กซ์สุดแนบแน่นท่ามกลางความเงียบ บางครั้งภายใต้ความเงียบสนิทนั้น เราแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้นเร่า ๆ ด้วยความเสียวซ่านได้เลยทีเดียว เซ็กซ์ในที่จำกัด มันส์ทะลุขีดจำกัด การได้บรรเลงเพลงรักสุดซาบซ่านของเรามักเป็นไปแบบไม่มีขีดจำกัด
ตื่นนอน หลังกินข้าว เข้าห้องน้ำ หลังจบกิจกรรมบนเตียงให้คีย์เวิร์ดมาแค่นี้ผู้ชายอย่างเราก็พอจะรู้แล้วว่ามันคือเวลาที่ผู้ชายอยากจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสักมวน ให้ปอดได้ลิ้มรสกลิ่นควันที่อบอวลเมื่อพ่นออกมา สำหรับคนที่ดูดบุหรี่ มันแทบจะอยู่เป็นของคู่กายแบบ 24/7 บางคนอาจจะใช้เป็นไฟแช็กบ้าง ซิปโป้บ้าง หรือจะเป็นแบบ USB เอาไว้พกเป็น Gadgets เท่ ๆ ก็มี แต่สิ่งที่ทุกคนคุ้นตาที่สุดคงจะเป็นไฟแช็กใช้แล้วทิ้งอันละไม่กี่บาท แต่ในเมื่อมันเป็นของที่เราใช้ออกจะบ่อย ทำไมเราถึงไม่เลือกใช้แบบที่ตีบวกความเท่ให้เราได้ด้วยล่ะ UNLOCKMEN อยากให้หนุ่ม ๆ ได้ลองดู THE LIGHTER จาก “KNNOX” ดีไซน์สุดเจ๋ง ชวนให้เราอยากจะหยิบมันขึ้นมาจุดบุหรี่แทบทุกชั่วโมง ปกติแล้วเราคงจะเคยชินกับไฟแช็กเอื้ออาทร ยืมเพื่อน เพื่อนยืม จนรู้สึกว่ามันคือสิ่งที่ซื้อมาหายไป ซื้อใหม่ได้อีกตลอด เพราะราคาถูก และดีไซน์เบสิก ๆ ที่เราคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ดีไซน์ของมันไม่เคยทันสมัยตามเวลาเลย เท่ขึ้นมาหน่อยก็เป็นซิปโป้ที่มีลวดลายให้เลือกมากขึ้นกว่าไฟแช็กอันจิ๋วนั่น เราอยากให้ลืมภาพจำการจุดบุหรี่แบบเดิม ๆ ทิ้งไป จะดีแค่ไหนที่เราจะรู้สึกเท่ทุกครั้งที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด เวลาแค่ไม่กี่วินาทีก็สามารถเติมออร่าให้เราได้แบบไม่ต้องพยายามอะไร แค่หยิบ Gadget เท่ ๆ ขึ้นมาสักชิ้นอย่าง THE LIGHTER จาก “KNNOX”
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนเคยผ่านช่วงรับน้องใหม่มาแล้ว แม้หลาย ๆ มหาวิทยาลัยจะยกเลิกการทำกิจกรรมที่สร้างความรุนแรงหรือบังคับให้ทำสันทนาการโดยไม่เต็มใจ แต่ UNLOCKMEN ก็เชื่อว่ามีหลาย ๆ มหาวิทยาลัยที่ยังเชื่อว่าการตะโกนใส่รุ่นน้อง บังคับให้ออกมาเต้นไก่ย่าง หรือทำท่าทางประหลาด ๆ เรียกเสียงหัวเราะเป็นการละลายพฤติกรรม บางคนสนุกด้วยก็ดีไป แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสนุกด้วย หลังจากจบการศึกษาผู้ชายหลายคนจึงโล่งอกโล่งใจที่ไม่ต้องทำอะไรที่ถูกละเมิดสิทธิแบบนั้นแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเราเข้าทำงานที่ใหม่ มักจะมีกิจกรรมละลายพฤติกรรม หรือทำ Team-Building โดยกิจกรรมก็เหมือนเราได้กลับไปเป็นเด็กปีหนึ่งอีกครั้งมีทั้งออกไปเต้น มีทั้งกิจกรรมกลางแจ้ง หรือกิจกรรมยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์ จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่ากิจกรรมเหล่านี้มันพัฒนาการทำงานร่วมกันเป็นทีมได้จริงไหม ? องค์กรใหญ่ ๆ อย่างเฟซบุ๊ก กูเกิล แอปเปิลเขาจับพนักงานมาเต้นไก่ย่างเหมือนเราหรือเปล่า ? และทำไมการบังคับให้ทำกิจกรรมแบบนี้ถึงไม่เวิร์ค ? ความอับอายไม่ใช่การละลายพฤติกรรม “ละลายพฤติกรรม” คือกิจกรรมแรก ๆ ที่เราต้องเจอไม่ว่าจะตอนเข้าเรียนที่ใหม่ หรือทำงานที่ใหม่ เราคิดว่าคนเราจะรู้จักหรือสนิทใจกันด้วยการทำท่าทางตลก ๆ ใส่กัน เต้นแร้งเต้นกาสุดเหวี่ยงใส่กัน บางคนอาจสนุกกับกิจกรรมสันทนาการแบบนี้ แต่นี่ไม่ใช่วิธีที่มืออาชีพที่สุด เพราะการเรียกร้องให้คนออกมาทำท่าทางประหลาด ๆ ต่อหน้าคนที่เพิ่งรู้จักกัน หลายครั้งสร้างความอับอายและอึดอัดให้เกิดขึ้น แทนที่คนในองค์กรจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับทีม กลับกลายเป็นสร้างกรอบขึ้นมากั้นเอาไว้ และรู้สึกแปลกแยกมากไปกว่าเดิม หากต้องการสร้างความมีส่วนร่วมกับทีมลองหากิจกรรมที่สร้างสรรค์กว่านั้นโดยไม่ต้องบังคับให้ใครอับอาย
มีภาพยนตร์มากมายที่ใช้รถเป็นตัวหลักของเรื่อง จนทำให้รถคันนั้นดูเด่นพอ ๆ กับนักแสดงนำของเรื่องเสียอีก แม้ว่าปัจจัยหลักส่วนใหญ่เวลาค่ายหนังจะเลือกใช้รถซักคันมักมาจากสปอนเซอร์ แต่ทว่าหนึ่งในยี่ห้อรถที่ถูกนำมาใช้ค่อนข้างมากคือแบรนด์สุดเก๋าอย่าง Ford อาจเพราะพวกเขามีรถให้เลือกใช้หลายประเภทตั้งแต่รถสปอร์ตยันรถกระบะคันใหญ่ ซึ่งส่วนมากหนังจากฮอลลีวูด มักจะเลือกรุ่นสปอร์ตอเมริกันยอดนิยมอย่าง Mustang ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำรถ Ford 5 คันที่ถูกเลือกนำไปใช้ประกอบหนังจนโด่งดังเป็นพลุแตกให้ได้รับชมกันครับ 1968 Ford Mustang Fastback – BULLITT เริ่มคันแรกกับ 1968 Ford Mustang Fastback สีเขียวเข้ม Dark Highland Green จากหนังไล่ล่าชื่อดังระดับตำนานอย่าง BULLITT ที่นำแสดงโดย Steve McQueen นักแสดงชื่อดังผู้ล่วงลับ ว่าด้วยเรื่องของตัวเอก Frank Bullitt นายตำรวจแห่งเมืองซานฟรานซิสโกผู้ถูกมอบหมายให้คุ้มครองพยานปากเอกคนสำคัญ ซึ่งจะต้องขึ้นให้การกับศาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่งานกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อ Bullitt ค้นพบว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกับพยานคนนี้ โดย Bullitt ก็ได้ใช้รถ Mustang Fastback ปี 1968 สีเขียวเข้มคันนี้เป็นรถประจำตัวเองอีกด้วย และจุดเด่นของเรื่องนี้คือฉากไล่ล่าระดับตำนานซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังรถยุคใหม่