หลายคนที่คงจะพอคุ้นชื่อกับเทพเจ้าแห่งการออกแบบเชื้อสายอียิปต์อย่าง Karim Rashid กันมาบ้างแล้ว ส่วนใครที่ยังไม่รู้จัก เราขอแนะนำกันสั้น ๆ กันตรงนี้ซะหน่อย ก่อนที่จะไปรู้จักกับผลงานสุดเจ๋งของเขา สำหรับนักออกแบบชื่อดังคนนี้มีรางวัลการันตีในความสำเร็จระดับโลกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 300 รางวัล และมีผลงานการออกแบบตั้งแต่สิ่งของเล็ก ไปจนถึงสถาปัตยกรรมใหญ่ ๆ อย่างโรงแรม ซึ่งรวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 4,000 ชิ้น ผลงานกระจายอยู่มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และภายใต้ความเชื่อส่วนตัวที่ว่า งานออกแบบของเขานั้นทำออกมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึง ใช้ได้จริง และยังเต็มไปด้วยไอเดีย ความสวยงาม นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ Karim Rashid จะกลายเป็น Designer ที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนนึงในยุคสมัยนี้ ทำให้แบรนด์ระดับโลกมากมายมักร่วมงานกับเขาเพื่อที่จะสร้างผลิตภัณฑ์เจ๋ง ๆ ออกมา ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อทุกครั้งที่มีผลงานใหม่ ๆ ของ Karim เกิดขึ้นก็สามารถเรียกเสียงฮือฮา และความนิยมได้อย่างมาก เห็นได้จากการที่มูลค่าของสินค้าต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นทันทีเพียงแค่มีชื่อ Karim Rashid เป็นผู้ออกแบบ ไม่เว้นแม้แต่ดารา หรือ Celebrity ระดับโลกที่เป็นแฟนตัวยงก็มักจะซื้อ หรือสวมใส่ Collection ที่เป็นผลงานการออกแบบของ
บางทีพอมาลองนึก ๆ ดูในเรื่องของเทคโนโลยีดี ๆ ก็งงเหมือนกันว่า สรุปแล้วมันจะไปในทิศทางไหนกันแน่ ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งโทรศัพท์มือถือของแต่ละแบรนด์ พยายามแข่งขันกันให้มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอมาช่วงหลังกลับกลายเป็นว่า คนกลับชอบจอใหญ่ ๆ จะใช้ iPhone ก็ต้องเป็นรุ่น Plus ถึงจะเรียกได้ว่า พอดีมือไม่เล็กจนเกินไป แต่แล้วเมื่อวันก่อนก็มีบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกสับสนอีกครั้ง เมื่อมีการปรากฏตัวของ ‘Zanco Tiny T1′ ขึ้น โทรศัพท์ที่ว่ากันว่า เป็นโทรศัพท์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในปัจจุบันอีกด้วย เราเชื่อว่า ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่า โทรศัพท์ที่ได้ชื่อว่า มีขนาดเล็กที่สุดในโลกเครื่องใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว และก็คงจะไม่รู้ว่าหน้าตาของเป็นอย่างไร มีอะไรเจ๋งบ้างนอกจากเรื่องของขนาด วันนี้เราจึงได้นำเอา ‘Zanco Tiny T1′ ที่ว่านี้มาให้ชาว UNLOCKMEN ได้ดูกันว่า มันมีอะไรที่น่าสนใจซ่อนเอาไว้บ้าง สำหรับในปี 2017 ที่กำลังจะหมดลงในอีกไม่กี่วันนี้ มีโทรศัพท์ออกใหม่มามากมาย พร้อมทั้งยังมีลูกเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมาอีกชนิดที่แทบจะติดตามกันไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นจอโค้ง, จอไร้ขอบ หรือแม้แต่ระบบสั่งการต่าง ๆ ก็ถูกอัพเดทให้มีความทันสมัย และใช้งานง่ายมากขึ้น แต่สำหรับบริษัทผู้ผลิตมือถืออย่าง Zanco ซึ่งเป็นโทรศัพท์สัญชาติอังกฤษนั้น กลับสวนทุกกระแส
สำหรับเหล่าสาวกผู้คลั่งไคล้สีครามของกางเกงยีนส์ดิบ ๆ ทุกคน มักจะเจ็บปวดราวกับว่าโลกทั้งใบของพวกเขาแตกสลายลงไปเรียบร้อยแล้ว หรือบางคนอาจจะโกรธจัดถึงขั้นผิดใจกับใครสักคนได้ง่าย ๆ ถ้าหากว่ามีใครก็ตามที่อยู่ดี ๆ มาหยิบเอากางเกงยีนส์ที่กำลังปลุกปั้นกำลังได้ที่ ไปโยนลงไว้ในเครื่องซักผ้า พร้อมทั้งจัดการเทแฟ้บอย่างเอาใจใส่ ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มไปให้อีกด้วย ไอ้ความหวังดีเหล่านี้แหละ ที่ทำให้นักปั้นยีนส์ทั้งหลาย อยากจะคว้ากางเกงยีนส์มารัดคอคนทำซะให้ตายรู้แล้วรู้รอดกันไปเลยทีเดียว ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ มีความเชื่อต่อ ๆ กันมาว่า กางเกงยีนส์ที่เขากำลังปั้นอยู่นั้น ห้ามซักอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาตอนสุดท้าย จะกลับกลายจากกางเกงยีนส์ที่มีริ้วรอยดึงดูสายตา ให้ไร้ค่ากลายเป็นกางเกงยีนส์ซีด ๆ แห้ง ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง โดยเฉพาะนักปั้นยีนส์ตัวจริงทั้งหลาย ที่เน้นปันแต่สายยีนส์ดิบ หรือ Raw Jeans ด้วยแล้ว การซักกางเกงยีนส์ถือว่าเป็นอะไรที่อัปมงคลกับชีวิต และกางเกงของพวกเขาเป็นอย่างมาก เพราะในกระบวนการซักนั้น มันมีหลายกลไกที่ทำให้สีของยีนส์หลุดลอกออกไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทำให้การ Fade ของยีนส์ตัวนั้น ๆ ไม่ขึ้นริ้วขึ้นรอยที่สวยงาม แถมยังมีสีที่ซีด และเนื้อผ้าที่เหี่ยวปวกเปียกสวมใส่แล้วรู้สึกว่า ไม่ได้ทรงอีกด้วย แต่ก็มีคนจำนวนมากเช่นกัน ที่เดิมทีตั้งใจที่จะใส่ยีนส์ไปนาน ๆ จนได้ที่ แล้วจึงค่อยนำไปซักตามตำรา แต่ด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรืออาจจะด้วยกลิ่นที่ทำให้ต้องกลั้นหายใจทุกครั้งที่ใส่ เริ่มเบียดเบียนชีวิตมากเกินไปจนเสียความตั้งใจในตอนแรก
ในยุคที่กล้องถ่ายรูป และ Smartphone ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีขนาดนี้ ทั้งความคมชัดในระดับที่ไม่ธรรมดา คมกริบแทบจะบาดลูกตาบวกกับความสะดวกสบายใจการ Edit ภาพให้สวยได้ด้วย Application เสร็จสรรพในตัว ทำให้กล้องถ่ายรูปเริ่มที่จะมีคนสนใจน้อยลง แต่เห็นที่จะไม่มีกล้องชนิดไหน ที่น่าเห็นใจไปมากกว่า กล้อง Instant ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกระแสอย่างหนักชนิดฮิตติดชาร์จทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ แต่สุดท้ายกลับโดนมนุษย์ที่บ้าความทันสมัย โยนทิ้งโยนขว้าง บ้างก็เลือกใช้ไป เพราะสาเหตุที่ว่า ทั้งใหญ่ และไร้ความคมชัด แถมยังต้องใช้ฟิล์มอีก แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหากคุณลองมองกล้อง Instant ดูดี ๆ ใช้มันให้ถูกกับความต้องการ รวมไปถึงเลือกใช้แบรนด์ที่มีคุณภาพ กล้อง Instant เหล่านี้ ก็มีดี และไม่ได้กากจนคุณต้องเลิกใช้มันอย่างที่หลาย ๆ คนทำกันในปัจจุบันนี้ก็ได้ วันนี้เราจึงได้นำเอา 5 กล้อง Instant ที่รับรองได้เลยว่า ไม่กากอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิด เอามาแนะนำให้คุณลองดูกัน เผื่อใครที่กำลังจะซื้อกล้อง Instant มาใช้จะได้ลองนำเอาไปคิด ส่วนคนที่เคยมีของดีเหล่านี้อยู่ และโยนมันทิ้งเอาไว้ที่บ้านจนฝุ่นเก่า จะได้ลองหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นใช้งานกันอีกครั้ง อย่าปล่อยให้พังไปฟรี ๆ
ผู้ชายที่ยอดเยี่ยม และมีรสนิยมส่วนใหญ่ มักจะรู้จักเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับตัวเองที่สุดให้กับตัวเองอยู่เสมอ จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ ครั้งเรามักจะได้เห็นประโยคที่คอยเตือนให้เรารู้ว่า อะไรกันแน่ที่เป็นสิ่งซึ่งควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ อย่างประโยคคลาสสิคที่ว่า “Dress Italian, Drive German, Drink Scott, Smoke Cuba และ Kiss French” ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ ล้วนก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเถียงได้ ว่ามันไม่จริง หรือยังมีสิ่งที่ดีกว่า เพราะมันผ่านการพิสูจน์มาแล้ว ทั้งในเรื่องของ คุณภาพ คุณค่า และกาลเวลา อย่างที่ว่า ทอง ยังไงก็ยังเป็นทองอยู่วันยันค่ำ ไม่เคยเสื่อมคุณค่า หรือมีอะไรที่ถดถอยไปตามกาลเวลา กลับมาที่ประโยคคลาสสิคที่เราอ้างถึงก่อนหน้านี้กันสักหน่อย เพราะถึงแม้ว่า คำพูดประโยคนั้น มันอาจจะดูเหมือนไกลตัวพวกเราชาวไทยไป ไล่เรียงรายชื่อแต่ละประเทศในประโยค ก็ไม่เห็นจะมีประเทศไหนอยู่ใกล้กับประเทศของเราเลย แต่ถ้าหากคุณลองคิดดูดี ๆ จะเห็นได้เลยว่า จริง ๆ แล้ว มันก็ไม่ได้ไกลตัวของเราไปมากมายจนเกินเอื้อมถึง ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์จากประเทศ German ที่เราเชื่อว่า ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ตาม หากมีโอกาสเลือกรถให้กับตัวเองได้สักคันหนึ่ง ก็คงจะต้องมีชื่อแบรนด์ BMW
ถือว่าเป็นข่าวดีรับปีใหม่กันเลยทีเดียวสำหรับยอดเงินบริจาคโครงการ ‘ก้าวคนละก้าวเพื่อ’ ที่มียอดทะลุ 1,200 กว่าล้านบาท จากการที่ได้ ‘นาย อาทิวราห์ คงมาลัย’ หรือ ‘ตูน’ นักร้องนำวง ‘BodySlam’ และทีมงานออกวิ่งจากเบตง – แม่สาย จุดใต้สุดไปจุดเหนือสุดของประเทศ รวมระยะทางสุทธิ 2,215.40 กิโลเมตร เพื่อชวนคนไทยร่วมใจกันบริจาคเงินช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อวานนี้ โดยโครงการนี้ถือเป็นการทำเพื่อสังคมอย่างแท้จริง ด้วยการริเริ่มความคิดที่จะเติมเต็มสิ่งสำคัญที่ยังคงขาดแคลน อย่างอุปกรณ์การแพทย์ให้กับชาวไทย เพื่อที่ทุกพื้นที่ของประเทศไทย และโรงพยาบาลในแต่ภูมิภาคจะได้มีเครื่องมือทางการแพทย์เอาไว้รักษาผู้ป่วยอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ก็เคยทำไปแล้วครั้งหนึ่งแล้ว ในชื่อโครงการว่า “ก้าวคนละก้าวเพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน” ด้วยระยะทางกว่า 400 กิโล จากจังหวัด กรุงเทพฯ ไปจนถึงจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก็สามารถระดมทุนจากคนไทยทั่วประเทศได้ถึง 85 ล้านบาท และนำเงินไปบริจาคให้ได้สำเร็จเช่นกัน การวิ่งของเขาทั้ง 2 ครั้ง ถือเป็นการวิ่งที่ยิ่งใหญ่ และคงจะไม่มีใครไม่พูดถึงอย่างแน่นอน มันไม่ใช่เพราะเรื่องระยะทางที่ยาวไกล หรือจะเป็นเรื่องยอดบริจาคที่ได้มาว่ามากมายเท่าไหร่ แต่คนจะจดจำการกระทำที่เสียสละด้วยหัวใจอันยิ่งใหญ่ ซึ่งต่อจากนี้ไปในวันข้างหน้า สิ่งที่เขารวมไปถึงทีมงานก้าวคนละก้าวได้ทำเอาไว้ทั้งหมดนี้
นับเป็นความโชคดีของเหล่าหนุ่ม ๆ ขาช้อปในปัจจุบันที่ศูนย์กลางแฟชั่นของโลกได้ขยับเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้น ประเทศ เกาหลี และญี่ปุ่น แทบจะกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญสำหรับผู้ที่หลงใหลในแฟชั่นต่างพาเหรดกันมาจับจ่ายใช้สอยอย่างเมามันส์ ด้วยสินค้าที่หลากหลาย และความเป็นปัจเจคแตกต่างกันด้วยเอกลักษณ์อันชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจหาก โซล และโตเกียว จะเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นต้องการเดินทางไปช้อปปิ้งสักครั้งให้จงได้ การเดินทางไปยังสองประเทศนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับชาวไทยอีกต่อ แต่หลายคนมักจะมีคำถามว่าหากเราตั้งเป้าจะเดินไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้ารองเท้าเพียงอย่างเดียวระหว่างไป เกาหลี และญี่ปุ่น แบบไหนถึงจะคุ้มค่า และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่ากัน? ซึ่งเราเองก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าแบบไหนที่ดีกว่า เพราะทั้งคู่ต่างมีจุดเด่น จุดด้อยที่ต่างกันออกไป ดังนั้นในวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงขอมาอธิบายลักษณะความแตกต่างของแฟชั่น และย่านช้อปปิ้งระหว่างทั้งสองประเทศมหาอำนาจทางแฟชั่นของเอเชียว่าแบบไหนถึงจะเหมาะ แบบไหนถึงจะโดนใจคุณมากกว่ากัน Seoul เราขอเริ่มต้นที่ประเทศเกาหลีใต้ก่อน จากช่วงหลายขวบปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าพวกเขาเจริญก้าวหน้าทางศิลปะ แขนงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงแฟชั่นสไตล์การแต่งตัวของหนุ่ม ๆ บ้านเขา จนเราเองไม่สามารถล้อเลียนเหมือนที่ผ่านมาได้อีกแล้ว แฟชั่นของผู้ชายเกาหลีนับว่ามีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หนุ่ม ๆ เริ่มมีการพลิกแพลงเพิ่มลูกเล่นการแต่งตัว อีกทั้งดีไซน์เนอร์ชื่อดังของพวกเขาเริ่มมีการนำ sub-culture ต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ แม้ส่วนใหญ่จะติดกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นมาพอสมควร แต่ภาพรวมของผู้ชายประเทศเขาจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากจนควรเอาเยี่ยงอย่าง สำหรับจุดเด่นของการไปช้อปปิ้งที่โซลจากประสบการณ์ที่เราได้สัมผัสมาคือ สินค้าที่นั้นจะมีราคาค่อนข้างถูก แทบจะไม่ต่างกับราคาเสื้อผ้าในไทยเลย แถมที่สำคัญดีไซน์ยังมีความสวยงามทันสมัย แต่จะค่อนข้างอิงกับกระแสโลก อีกทั้งมีแบรนด์จำนวนไม่น้อยที่มีไลน์สินค้าเฉพาะในประเทศเกาหลี ดังนั้นเราจะพบกับไอเทมที่มีความ
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่มาเป็นอีกครั้งที่ทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสเดินทางไปร่วมงานเฉลิมฉลอง ศิลปะ ดนตรี อาหาร และความคิดสร้างสรรค์ อย่าง “WONDERFRUIT” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2014 โดยภายในงานเราก็จะได้พบกับกิจกรรมมากมายที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา อาทิ ศิลปะจากหลายหลากแขนงที่ทีมงานรวบรวมมาในรูปแบบโครงสร้างดีไซน์อินสตอลเลชั่น จนนำไปสู่อารมณ์ร่วมให้เกิดเป็นแฟชั่นการแต่งกายที่แปลกใหม่ภายในงาน สำหรับความรื่นเริ่งในส่วนของการแสดงดนตรีก็เต็มไปด้วยศิลปินเจ๋ง ๆ ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งคุณจะไม่สามารถหารับฟังได้ง่าย ๆ จากที่ไหนอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีความสนุกจากกิจกรรมครอบครัวมากมายที่ Camp Wonder ให้เด็กได้ร่วมสนุกสนาน ดังนั้นงาน Wonderfruit จึงเป็นงานที่เหมาะจะมาทั้งครอบครัว และเพื่อนฝูงในคราวเดียวกัน ซึ่งงานในครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่เรารู้สึกประทับใจ และขอปักหมุดว่าถ้าไม่ติดขัดอะไร จะต้องเดินทางไปร่วมงานให้ได้ทุกปี เพราะคิดว่าเนี่ยหละคืองานเฟสติวัลแห่งเดียวในประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยความสนุกเพลิดเพลินภายในงานยังคงมีอีกเพียบ ถ้าจะให้เล่าบรรยายสำหรับคนที่ไม่ได้ไปสัมผัสจริง อาจจะยังคงไม่เห็นภาพ และคิดว่าทำไมฉันจะต้องเชื่อและหลวมตัวไปด้วยละ? ราคาบัตรก็แพงกว่างานเทศกาลเฟสติวัลอื่น ซึ่งเราก็ไม่ขอปฎิเสธว่าราคาบัตรเข้างานนั้นมีราคาสูงจริง แต่ถ้าเกิดเราลองดูในรายละเอียดจะรู้ว่ามันคุ้มค่าอยากมาก หากคุณต้องการจะหาแรงบันดาลใจใหม่จากศิลปะแขนง ต่าง ๆ ที่หารับชมได้ยาก ดังนั้นเพื่อประกอบการตัดสินถึงความคุ้มค่าว่าแท้จริงแล้วราคาค่าบัตร WONDERFRUIT แพงอย่างที่ทุกคนคิดหรือเปล่า ทีมงาน UNLOCKMEN จะลองมาตีแพร่ในแง่ของกิจกรรม workshop ภายในงานตลอด 4 วันว่า
หลายคนอาจจะคิดว่าโรคหัวใจ เป็นสิ่งที่ไกลตัวอย่างมาก และแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย แต่เราอยากจะขอให้เปลี่ยนความคิดนั้นเสียใหม่ เพราะปัญหาสุขภาพไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามอาจเกิดขึ้นเป็นภัยเงียบที่มาแบบไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว ตัวอย่างเช่นเรื่องที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ โดยเชื่อว่าทุกคนคงจะเคยเห็นข่าวชายวัยกลางคนเสียชีวิตขณะประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะมานักต่อนัก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด เนื่องจากเคยมีการศึกษาตีพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้วจาก Journal of the American College of Cardiology ค้นพบว่าผู้ชายมีอัตรา 1 ต่อ 100 ในการเสียชีวิตจากอาการหัวใจหยุดเต้นขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อเทียบกับผู้หญิงแล้วกลับพบว่ามีสัดส่วนที่ต่างกันอย่างน่าตกใจคือ 1 ต่อ 1000 คน โดยการศึกษานี้ได้สุ่มตรวจชายวัย 30 อัพ ใน Portland, Oregon จำนวนกว่า 4,557 ตัวอย่าง ซึ่งชี้ชัดว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายหัวใจวายขณะมีเซ็กซ์มากที่สุดกว่า 75% คือการเล่นท่ายากเกินไป บวกกับการเจอคู่ขาที่มีอายุน้อยกว่า, สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย และการดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปล้วนแต่เป็นปัจจัยมีส่วนทำให้ชายผู้น่าสงสารเหล่านั้นต้องลาโลกไปในขณะที่กำลังฟินอยู่แท้ ๆ แต่ปัญหาดังกล่าว ชาว UNLOCKMEN ไม่ต้องวิตกกังวลไปหากเรารู้จักที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุ คือหมั่นออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ไม่สะสมไขมันส่วนเกินในร่างกายมากจนเกินไป เลือกกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้มันจะช่วยเพิ่มความคึกคักก่อนลงสนาม แต่อย่าลืมว่าเครื่องดื่มเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงหัวใจมากเป็นพิเศษ ยิ่งบวกกับท่วงท่าการออกศึกที่ต้องใช้พลังงานอย่างมาก อาจจะทำให้เกิดอาการช็อคก็เป็นได้ ดังนั้นจากคำแนะนำของเรา หากคุณเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้ดูแลสุขภาพตัวเองดีเท่าตอนสมัยหนุ่ม
UNLOCKMEN กล้าพูดเลยว่ามีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่พอหอบงานไปทำที่ร้านกาแฟแล้วดันโฟกัสกับงานที่ตัวเองทำได้มากกว่าทำที่ออฟฟิศตัวเอง หรือผู้ชายสายฟรีแลนซ์ก็ไม่เว้นกับเขาด้วย พอจะทำงานที่บ้านก็เกิดอาการเตียงดูดให้นอนอยู่กับที่เสียอย่างนั้น แต่พอกระเด้งตัวไปร้านกาแฟแถวบ้านทีไรงานพุ่งเป็นไฟทุกที งานนี้เราไม่ได้คิดไปเองเพราะมันมีเหตุผลเบื้องหลังอยู่จริง ๆ งานนี้บอกเลยว่าความเข้าใจเรื่องเสียงของเรา ๆ ที่เคยถูกสอนสั่งมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวน้อย ๆ ว่าความเงียบทำให้เกิดสมาธิอาจจะต้องถูกพับเก็บเอาไว้ก่อน เพราะงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นออกมาบอกว่าเจ้าเสียงที่อยู่โดยรอบเราอย่าง Ambient Noise ที่เหมาะแก่การคิดงานอย่างสร้างสรรค์ให้พุ่งกระฉูดหรือการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพชนิดไฟพุ่งนั้นไม่ใช่เสียงเงียบ ๆ อย่างที่เราเคยเข้าใจ แล้วเสียงแบบไหนหรือระดับไหนกันแน่ที่เป็นมิตรแก่การทำงานของเรา? ก็เหมือนว่าเราจะรู้ดีทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อ่านงานวิจัยถึงได้เลือกร้านกาแฟเป็นที่สิงสถิตย์เพราะร้านกาแฟมีเสียงรบกวนในระดับปานกลางประมาณ 70 เดซิเบล (ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเราได้ดีกว่าเสียงที่เงียบกว่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับเสียงประมาณ 50 เดซิเบล) ดังนั้นในร้านกาแฟที่มีเสียงรบกวนหน่อย ๆ แต่ไม่มากเกินพอดีจึงส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพการทำงานของเราได้มากกว่าการทำงานในออฟฟิศหรือห้องสมุดที่ทุกคนต่างพากันเงียบสนิท จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกวันนี้มีเว็บไซต์จำนวนมากที่ทำเสียง Ambient Noise เลียนแบบเสียงร้านกาแฟออกมาเพื่อให้เรากดเปิดฟังได้แม้อยู่ในที่ทำงานหรือที่บ้านเพื่อสร้างบรรยากาศหลอกร่างกายของเราว่า เฮ้ย นี่ฉันกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟในเสียงที่เหมาะสมจริง ๆ เพราะฉะนั้นตั้งใจทำงานและสร้างสรรค์อะไรดี ๆ ออกมาได้แล้ว ถ้าชาว UNLOCKMEN อยากลองว่ามันได้ผลเท่ากับการไปนั่งร้านกาแฟจริงไหมก็ลองกดเปิดฟังไป ทำงานไปดู (ฟัง Ambient Noise) อย่างไรก็ตามเรื่องเสียงก็ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่ทำให้เราตั้งใจหรือโฟกัสกับงานได้มากกว่าปกติที่ร้านกาแฟ แต่การได้ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ก็เป็นอีกผลหนึ่งที่ท้าทายให้เราอยากแสดงศักยภาพออกมาให้คนอื่นได้เห็น (แม้จริง ๆ