ปฎิเสธไม่ได้ว่า topic ที่เป็นกระแสพูดถึงมากที่สุดในบ้านเราขณะนี้ คงจะหนีไม่พ้นโปรเจ็คต์วิ่งเพื่อชาติของร็อกเกอร์หนุ่มชื่อดังอย่าง ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน Bodyslam ที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นคนไทยคนแรกที่สามารถวิ่งจากจุดใต้สุดไปยังจุดเหนือสุดของประเทศ เพื่อร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งในจุดนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ต้องขอคารวะและเอาใจช่วยให้ คุณ ตูน Bodyslam สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ เพราะต้องยอมรับว่าการที่คน ๆ หนึ่งจะลุกขึ้นมาใช้ร่างกายของตัวเองเสียสละเพื่อส่วนรวม มันเป็นการกระทำที่น่ายกย่องอย่างมาก แต่วันนี้เราจะไม่ขอมาพูดหรือถกเถียงเหมือนที่ในโลกโซเชียลจุดประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการวิ่งครั้งนี้ เพียงแต่เราจะมาเจาะลึกไอเทมต่าง ๆ ที่ ตูน Bodyslam สวมใส่ เพราะปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งของเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้ นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมของร่างกาย ทีมพยาบาลที่คอยสนับสนุน #Firstgear มาเริ่มกันที่ชิ้นแรกซึ่งเปรียบได้กับหัวใจสำคัญในการนำพา ตูน Bodyslam ไปให้ถึงยังแม่สายอย่างปลอดภัยนั่นคือ รองเท้าที่จะต้องทำหน้าที่ปกป้องเท้า ช่วยเซฟอาการบาดเจ็บต่าง ๆ จากการวิ่งระยะทางไกลกว่า 2,191 กิโลเมตร โดยทาง ตูน Bodyslam ได้เลือกใช้รองเท้า Nike Zoom Vaporfly 4%
หากพูดถึงแฟชั่นยุค 70’s ยุคที่แฟชั่นผู้ชายมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมหลังผ่านช่วง Mid-Century ยุคสมัยที่แฟชั่นผู้ชายมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว แรงบันดาลใจจากการแสดงความเป็นตัวเองออกมา ความหลากหลายของ Sub-culture ที่วางรากฐานสไตล์ผู้ชายมาถึงปัจจุบัน ดังนั้นแฟชั่นในยุค 70’s จึงเติบโตบนความ Rebellion & Individuality อย่างเต็มที่ มันจึงเต็มไปด้วยความหลากหลาย และการลองผิดลองถูกของสไตล์การแต่งตัว บางคนก็บอกว่ามันเป็นยุคเฟื่องฟูของแฟชั่น บางคนก็มองว่ามันเป็นยุคแห่งการลองผิดลองถูก แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องยอมรับว่า 70’s men style เป็นอีกรากฐานที่ทำให้เกิดแนวทางแฟชั่นผู้ชายที่ลงตัวในปัจจุบัน สำหรับเราแล้ว ยุค 70’s ถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กับยุคไหน ๆ เรียกว่าเป็นยุคแห่ง individuality ที่คนมีอิสระด้านการแต่งตัวที่สุด ถ้าหากเราย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าว ความอิสระนี้ทำให้วงการแฟชั่นได้รู้จักกับผ้ายืด Spandex หรือแม้กระทั่งผ้า Nylon ที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งมันยังเป็นขวบปีที่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด กางเกงขาม้าได้รับความนิยมอย่างมาก จนใคร ๆ หลายคนอาจจะจดจำ และเรียกแทนยุคนี้ว่า ยุค Disco ซึ่งใครเป็นแฟนซีรีย์ชื่อดัง “ That 70’s Show ” ที่ทำให้ Ashton
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงในปีนี้ สำหรับการแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตที่มีลวดลายไม่ว่าจะเป็น ฮาวาย ลายดอก โพลคาดอท และอีกมากมาย แต่การแต่งตัวแบบสีสันจัดจ้านล้วนต้องอาศัยความกล้า และความพอดีที่จะจัดวางไอเทมต่าง ๆ ให้ออกมาอย่างลงตัว เพราะบ่อยครั้งการที่เรายัดประโคมทุกอย่างลงไปอาจจะไม่ได้เป็นผลดีต่อภาพรวมเมื่อออกมาเป็น Outfit ที่เสร็จสมบูรณ์ ในทางกลับกันแล้วถ้าชาว UNLOCKMEN สามารถเลือกได้อย่างเหมาะสม การแต่งตัวด้วยเสื้อลายปริ้นท์ก็จะทำให้เราโดดเด่น Outstanding และดูเป็นคนแต่งตัวเก่งขึ้นมาในทันที ดังนั้นเพื่อเป็นการเกาะกระแสนี้ ทีมงาน UNLOCKMEN ขอนำวิธีการมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อปริ้นท์ออกมาอย่างไรให้ดูเฉียบไม่ตกเทรนด์ เลือกไซส์ที่ใช่สำหรับตัวคุณ การซื้อเสื้อลายปริ้นท์ควรเลือกให้มีขนาดพอดี หากหลีกเลี่ยงได้การใส่แบบรัดติ้วพอดีตัวจะเป็นอะไรที่โอเคมากเพราะคงไม่มีใครอยากโดนเพื่อนแซวว่าเตรียมตัวใส่เสื้อลายพร้อยไปเล่นสงกรานต์แน่ ๆ และถ้าหากคุณชอบที่จะดูมีสไตล์ที่แตกต่างการเลือกเสื้อปริ้นท์แบบโอเวอร์ไซส์ขึ้นมาหน่อยนิดหนึ่งจะช่วยให้ลุคการแต่งตัวของคุณมีมิติมากยิ่งขึ้น เลือกโทนสีให้เหมาะกับสีผิว โทนของเสื้อลายปริ้นท์นั้นมีสีให้เลือกค่อนข้างเยอะมาก หากคุณเป็นคนขี้อาย และไม่มีไอเดียในการแต่งตัวมากนักก็ไม่ควรจะเลือกให้มันฉูดฉาด เพราะจะทำให้นำมามิกซ์เข้ากับกางเกง และรองเท้าได้ยาก ดังนั้นสีที่ทีมงาน UNLOCKMEN ว่าใส่แล้วรอดเกือบทุกคน ได้แก่ เสื้อที่มีสีพื้นเป็น แดง น้ำเงิน ขาว ดำ ส่วนสีสันลวดลายก็เลือกตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรจะเลือกเสื้อที่มีสีปนกันอยู่บนตัวมากเกินกว่า 3-4 สีขึ้นไป ระวังลวดลายของดอกบนเสื้อ ถ้าคุณเป็นคนตัวใหญ่ก็ควรจะเลี่ยงลายดอกใหญ่ ๆ เด็ดขาด เพราะมันเหมือนการไปเน้นสัดส่วนให้ดูตัวใหญ่มากขึ้นไปอีก ทางออกง่าย ๆ เพียงแค่หาลายดอกเล็ก
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องกันในวันนี้ เราคงต้องขอแสดงความยินดีกับใครก็ตามที่มีความคลั่งไคล้ และชื่นชอบเรื่อง SEX อย่างจริงจัง ชนิดที่พูดได้ว่า หายใจเข้า หายใจออกมีแต่เรื่องเหล่านี้อยู่ในหัว เพราะในตอนนี้นั้น ทุก ๆ อย่างมันเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นไปทุกที สำหรับการที่โลกของเราจะมี Sex Robot ที่สามารถตอบสนองความต้องการอันเอ่อล้นได้ใกล้เคียงกับมนุษย์จริง ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันจะไม่ได้แก้ปัญหาให้กับคนเหงาที่ไร้คู่เท่านั้น แต่มันจะช่วยแก้ปัญหาคนที่มีความเบื่อหน่าย หรือไม่ชอบเรื่องอย่างว่า จนเกิดกลายเป็นปัญหาระหว่างความสัมพันธ์ได้ วันนี้เราจะดูกันว่า Sex Robot ที่ใกล้จะเกิดขึ้นจริง ๆ บนโลกนี้ มีอะไรน่าสนใจ หรือมีอะไรที่โดนใจคุณบ้าง? ส่วนคนที่ชีวิตรักไม่ได้มีปัญหา แต่สนใจเพราะรู้ตัวดีว่า เป็นคนหมกมุ่นในกามตัณหาขั้นรุนแรง วันนี้เราคงต้องบอกกับผู้ชายทุกคนเอาไว้ก่อนเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีปัญหาเรื่อง SEX หรือใครก็ตามที่รู้สึกตัวว่าเป็นสายหื่นตัวจริงเสียงจริง เก็บเงินให้ไว และเตรียมอั้นรอกันได้เลย เพราะในไม่ช้า คุณจะพบกับสิ่งที่จะมาช่วยระเบิดความมันส์ให้พวยพุ่งในรูปแบบใหม่ของโลกกันแล้ว อย่างที่บอกไปว่า มันใกล้จะเกิดขึ้นเต็มทีแล้ว ดังนั้น ต่อไปคำพูดที่ว่า ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ คงจะไม่มีใครเอ่ยออกมาอีกแน่นอน เพราะวันนี้เราจะมาพาทุกคนดำดิ่งเข้าไปในโปรเจ็คต์สุดสยิวอย่าง “The Race to Build The World’s First
Stranger Things Season 2 ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ทุกคนตั้งตารอมาแรมปี แถมเมื่อออกฉายแล้วก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะความสนุกจัดเต็มทวีคูณกว่าเดิมถึงสองเท่า สมชื่อ netflix การันตีอยู่แล้ว แถมนอกเหนือจากเนื้อเรื่องความมันส์ การกลับมาในคราวนี้เพิ่มดีกรีรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมสไตล์แฟชั่นภายในเรื่องถูกออกแบบจัดออกมาได้อย่างโดดเด่นไม่แพ้กัน อาจเป็นเพราะปัจจุบันเทรนด์แฟชั่นยุค 80s ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาเหตุการณ์ในซีรี่ส์กำลังเป็นที่นิยม และถูกพูดอย่างแพร่หลาย เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยอิงกระแส Stranger Things ที่กำลังร้อนแรง Sneakers of the week สัปดาห์นี้จึงได้ทำไกด์รองเท้าของตัวละครหลักภายในเรื่องสำหรับคอซีรีส์พันธุ์แท้ได้ดูไว้เป็นแบบอย่าง เผื่ออยากที่จะหาซื้อมาใส่ตาม Will Byers = adidas campus ตัวละครที่เป็นต้นเรื่องที่เข้าไปสื่อสารกับโลกคู่ขนาน จนเป็นเรื่องราวภายในซีรีส์ Stranger Things ทั้งหมด หากเราสังเกตดูจะเห็นว่าในภาคแรกจะเห็นฉากที่ Will Byers ปั่นจักรยานหลุดเข้าไปในโลกปีศาจ จะพบว่าเขาใส่รองเท้ารุ่นคลาสสิค และเป็นที่นิยมสำหรับเด็กนักเรียนยุค 80s นั่นคือ adidas campus โดย adidas campus เป็นรองเท้ารุ่นที่เกิดจากกลยุทธ์การขายในช่วงปี 80s ซึ่งในช่วงนั่น adidas รุ่น gazelle กำลังประสบปัญหาของขาดตลาด เนื่องจากขายดีเกิน
บางครั้งวงเหล้าในหมู่เพื่อนที่กินกันจนเมาแบบกรึ่ม ๆ มักจะมีเพื่อนสักคนที่พูดภาษาอังกฤษขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้ง ๆ ที่ในวงเหล้าวงนั้นก็ไม่ได้มีชาวต่างชาติ บทสนทนาก็ยังไม่มีตรงไหนที่บอกว่าให้พูดจาด้วยภาษาอื่น แถมพูดคล่องจนคนในวงตกใจว่าแอบไปฝึกภาษามาจากไหน ยิ่งถ้าเคยกินหลาย ๆ วงก็บอกได้เลยว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ต้องมีคนเมาแล้วพูดภาษาอังกฤษขึ้นมาประจำ ตกลงเมาแล้วพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นจริงไหม UNLOCKMEN เอางานวิจัยมาฝากกัน งานวิจัยชิ้นหนึ่งบอกเราว่าเบียร์สักไพน์ หรือไวน์สักแก้วสามารถช่วยให้เราพูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาแม่ได้ดีขึ้นจริง โดยภายใต้เงื่อนไขว่าต้องได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะแอลกอฮอล์มีส่วนลดการยับยั้งชั่งใจของเรา ซึ่งส่งผลให้เวลาเราพูดภาษาต่างชาติออกไปเราไม่มีความกังวล ความกลัวว่าจะพูดผิด ไม่มีความลังเลใจที่จะพูดออกไป แต่ในทางกลับกันเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ก็มีผลต่อการทำงานด้านความรู้ความเข้าใจของสมอง แถมส่งผลเสียต่อความจำ และอาจนำไปสู่ความมั่นใจที่สูงเกินไป รวมถึงการประเมิณตัวเองสูงเกินจริง เราเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงแล้วแอลกอฮอล์ทำให้เราพูดภาษาอื่นได้ดีขึ้น หรือจริง ๆ เราก็แค่กล้ามากขึ้นกว่าเดิม? งานวิจัยที่ชื่อ Dutch courage? Effects of acute alcohol consumption on self-rating and observer ratings of foreign language skills ที่ได้รับการตีพิมพ์ลง Journal of Psychopharmacology ทำการทดลองโดยการใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชาวเยอรมันจำนวน 50 คนโดยทุกคนเรียนอยู่ที่ Maastricht
ชีวิตการทำงานในทุกวันนี้ก็เปรียบเสมือนการเดินทาง ที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในแต่ละวันจะเจอกับเรื่องอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายต่าง ๆ หรือ ผู้คนที่มากมาย และแม้ว่าวันนี้จะมีเทคโนโลยีมากมายที่ออกแบบมาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นแต่เทคโนโลยีเองก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อให้ตรงกับยุคสมัย หรือไลฟ์สไตล์ของคนทำงานในปัจจุบัน ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำงานในปัจจุบัน เราจำเป็นที่จะต้องก้าวไปพร้อมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ ทางที่ดีเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ว่าจะทั้งศึกษาหาความรู้อัพเดทให้ตัวเองเท่าทันเทคโนโลยีใหม่ ๆ และ ปรับตัวเองให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ทุกพื้นที่ ที่ต้องเจอในชีวิตทำงานทุก ๆ วัน เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การเรียนรู้เท่าทันเทคโนโลยี เราคิดว่ามันคือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และใช้มันให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถปรับเปลี่ยนหรือยืดหยุ่นการใช้งานได้อย่างคล่องตัว เหมือนเลือกคู่หูดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง อย่างเช่นโน้ตบุ๊ค Acer รุ่น Spin 5 ที่คล่องตัวทุกสภาพแวดล้อม เข้าถึงทุกสถานการณ์ แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่มากมาย แต่เราเชื่อว่า โน้ตบุ๊ค ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ใกล้ชิดการทำงานของเราทุกวัน การมีโน้ตบุ๊คครบครันทุกฟังก์ชั่นสักเครื่อง อย่าง Acer รุ่น Spin 5 ก็ถือว่าตอบโจทย์ กับหน้าจอทัชสกรีน Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว ดีไซน์หรู
UNLOCKMEN เคยนำเสนอเรื่องการใช้ลิ้นชิมรสสาว ๆ แล้วป้องกันความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งไปแล้ว แต่ในโลกที่ข้อมูลข่าวสารวิ่งไวไปไว งานวิจัยตีกันวุ่นวาย วันนี้เรามีเรื่องราวทางการแพทย์ชิ้นใหม่มาฝาก บอกเลยว่าผู้ชายอย่างเราที่ขยันใช้ปากให้สาว ๆ ไม่ซ้ำหน้าต้องมีหนาว ๆ ร้อน ๆ กันเป็นแถว ๆ มะเร็งที่ว่านี้เป็นมะเร็งที่เกิดในช่องคอ ซึ่งถ้าคุณเป็นผู้ชายที่สูบบุหรี่ด้วยแถมชอบ oral sex ให้สาว ๆ พอใจด้วยยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งชนิดนี้มากเข้าไปใหญ่ แต่ใหญ่แค่ไหน ก็ไม่ใหญ่เท่าคนที่โชว์เก๋าชอบโชว์สาว ๆ ไปทั่ว เพราะยิ่งถ้าเคยใช้ปากให้ตรงนั้นของสาว ๆ มากกว่า 5 คนขึ้นไปก็ยิ่งมีโอกาสได้รับเชื้อ HPV และเสี่ยงจะเป็นมะเร็งมากยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่คนที่สูบบุหรี่น้อยกว่า และเคยมีคู่นอนที่ใช้ปากให้กันต่ำกว่า 5 คนก็มีความเสี่ยงน้อยลงตามไปด้วย ตามสถิติ ประมาณ 8 ใน 10 คนเคยติดเชื้อไวรัส HPV ตลอดช่วงชีวิต และเชื้อ HPV มีหลายร้อยชนิดแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เป็นอันตราย และประมาณ 12 ชนิดสามารถก่อให้เกิดมะเร็ง นอกจากนั้นเชื้อ HPV สามารถส่งต่อไปที่ปากและลำคอผ่านการทำ
BMW M3 เดินทางเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งแรกในปี 1987 และนับตั้งแต่นั้นมาชื่อของรถยนต์ตัวแรงจากเมืองเบียร์ ก็เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน หรือในสนามแข่งขันก็ตาม เป็นเวลา 30 ปีมาแล้ว ที่ชาวอเมริกัน ได้รู้จักกับพิษสงของรถร่างเล็ก ที่ทำให้เหล่ารถนักกล้ามตัวใหญ่แรงเยอะอย่าง Muscle Car ที่ชาวอเมริกันแสนภาคภูมิใจไม่อยากที่จะเข้าใกล้ และในวันนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 30 ที่ BMW M3 ไปปรากฎตัวอยู่ที่อเมริกาเป็นครั้งแรก BMW จึงได้ทำการสร้าง M3 30 Years American Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษขึ้นมา และจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่ SEMA นครแห่งแสงสี Las Vegas M3 รุ่นครบรอบการปรากฎตัวที่อเมริกานี้ เป็น M3 2018 ซึ่งก็คือตัวล่าสุดที่ออกมา พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และจัดเต็มด้วยชุดแต่งตัวแข่งในสนามแบบพร้อมซิ่งออกมาจากประตูโรงงาน เพื่อเฉลิมฉลอง และตอกย้ำถึงจิตวิญญาณ และสมรรถนะระดับรถสนามที่อยู่ในร่างของรถหรู M3 2018 30 Years American
หากว่าคุณฝันอยากจะได้รถที่ยอดเยี่ยมสักคันหนึ่ง มันคงไม่ได้หมายความว่า คุณต้องการรถที่โดดเด่นในเรื่องของความแรง หรือสมรรถนะในการขับขี่เท่านั้น แต่มันต้องเป็นรถที่มีคุณค่า มีระดับ ภูมิใจทุกครั้งที่ได้ลงไปนั่งขับ และที่สำคัญคือ ความสวยงามต้องไม่เป็นรองใคร ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้เองที่ทำให้หลายคนเลือกคิดถึง BMW ขึ้นมาเป็นอันดับแรก แต่ด้วยการที่ BMW เองก็มีรถหลากหลาย Series ซึ่งถูกออกแบบมาให้ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไป อย่าง 6-Series ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจาก 6-Series ที่ผ่านมา จากเดิมเราคุ้นตากันในแบบรถ Coupe’ สมรรถนะสูง ระดับ Super Luxury แต่ 6-Series รุ่นล่าสุด กลับเปิดตัวออกมาเหมือน 5-Series GT ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า มันมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่ ก่อนจะพูดถึงยุคปัจจุบัน เราจะพาย้อนไปทำความรู้จักกับ BMW 6-series กันก่อน อย่างที่เรารู้ว่า BMW ได้แบ่ง Series รถยนต์ของตัวเองตาม Segment และไลฟ์สไตล์การใช้งาน ซึ่งเลข 6 ของ BMW นั้นถูกใช้สำหรับรถยนต์แบบ Grand