ในช่วงวัยเด็กนอกจากจะมีความฝันเป็น ตำรวจ หมอ ทหารกันแล้ว ความฝันชั้นยอดคงหนีไม่พ้นการอยากเป็น “นักบินอวกาศ” ด้วยผมก็เป็นอีกคนที่ผูกพันกับการดูหนัง Sci-fi นอกโลกมาแต่เดิมอยู่แล้ว และต้องบอกว่าหนังแนวนี้หาดูยากมาก ปีสองปีจะออกมาที เพราะต้นทุนสูง Special Effect เยอะ และเรื่องความสมจริงของภาพอีกมากมาย ทำให้หาเลือกดูยาก UNLOCKMEN จึงคัดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมาให้ถึง 7 เรื่อง ไว้ตะลุยอวกาศไปพร้อม ๆ กัน Apollo 13 | 1995 อาจเก่าไปสักหน่อยเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจ ทุกครั้งที่นึกถึงหนังอวกาศ เรื่องนี้จะติดโพลเสมอ “Apollo 13” ไม่ได้เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จในการลงดวงจันทร์เหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่มีการนำเสนอเนื้อเรื่องที่มากกว่านั้นคือ อุบัติเหตุในอวกาศที่เป็นเหตุให้หมดสิทธิ์จะทำภารกิจให้สำเร็จ แถมเชื้อเพลิงและออกซิเจนที่ไม่เพียงพอนี่แหละ ที่จะทำให้ภารกิจการกลับบ้านของหนัง Apollo 13 ท้าทายไม่แพ้เรื่องอื่น ยิ่งถ้าว่ากันตรง ๆ ในสมัยนั้นเอฟเฟคต์ทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเหนือชั้นสุดยอดแล้ว Armageddon | 1998 Armageddon หนังแนวแอ็คชั่น ดราม่า ส่วนใหญ่ที่เราเห็นหนังแนวอวกาศจะเป็นไปทาง Sci-fi
คนเราถ้าให้มองหน้า หรือลองคบกันเพียงแค่ผิวเผินคงจะไม่มีใครกล้าคิดร้ายกับอีกฝ่ายขึ้นมาตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากเป็นผู้หญิงที่คุณชอบ หรือหลงรักด้วยแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะแบ่งแยกดี-ชั่วให้ออกจากกันได้ อย่างที่มักพูดกันว่า ความรักทำให้คนตาบอด แน่นอน ด้วยเกียรติขอลูกผู้ชายอย่างเราคงไม่ดีแน่ถ้าจะมองผู้หญิงสักคนในแง่มุมร้าย ๆ แต่มันก็ไม่อาจจะปฎิเสธได้ว่า ผู้หญิงบางคนก็แสบอย่างที่คุณเองอาจจะคาดไม่ถึงด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะ “การหลอกแดก” หรือที่ฝรั่งมักจะใช้คำเรียกคนประเภทนี้ว่า Gold Digger ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัญหาสังคมที่ผู้ชายบางคนอาจจะเคยเจอชนิดที่ว่าปลิงยังชิดซ้าย เพราะพวกเธอเหล่านี้ไม่เพียงแค่สูบเลือดสูบเนื้อ แต่ยังเน้นหนักไปที่การสูบเงินโดยเฉพาะ อย่างข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งหลอกผู้ชายให้แต่งงานกับเธอนับสิบราย ก่อนจะเชิดเอาสินสอดไปแบบหน้าตาเฉย เรื่องดังกล่าวนี้จึงพอแสดงให้เห็นว่า ผู้ชายอย่างเรานั้นก็สามารถตกเป็นเหยื่อ และโดนหลอกได้ง่าย ถ้าหากไม่รู้ถึงสัญญาณอันตรายของพวกเธอ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของชายชาว UNLOCKMEN ทุกคน วันนี้เราจึงได้นำเอาสัญญาณอันตรายที่สามารถบอกคุณให้รู้ตัวไว้ก่อนได้ว่า คุณกำลังเป็นเหมืองทองให้ใครสักคนกำลังเก็บเกี่ยวขุดทองอย่างสบายใจ First Date Conversations ส่วนใหญ่แล้วบทสนทนาของคนที่ออกเดทกันในวันแรก มักจะเต็มไปด้วยความระมัดระวัง และไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนอะไรมากมายเท่าไหร่นัก แต่สำหรับนักขุดทองทั้งหลาย จะมีบทสนทนาในเดทแรกที่แตกต่างออกไป แทนที่พวกเธอจะถามไถ่ถึงสิ่งที่คุณชื่นชอบ หรือสิ่งที่คุณเกลียด และงานอดิเรกของคุณ แต่นักขุดทองเหล่านี้จะมุ่งเน้นการสนทนาไปที่การเงินของคุณเป็นหลัก อย่างเช่นถามคุณว่า เดือนหนึ่งคุณมีรายได้เท่าไหร่? ใช้จ่ายคล่องตัวหรือไม่ บางคนก็คุยถึงของใช้ High-End สิ่งต่าง ๆ ที่มันหรูหรา นั่นก็เพราะว่า พวกเขาต้องการที่จะรู้ถึงสถานะทางการเงินของคุณว่า มันหนาแน่นพอให้พวกเขาสามารถเรียกร้อง
สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาคงจะไม่มีกระแสรองเท้าคู่ใดที่ฮอตฮิตไปกว่าภาพหลุดจาก adidas original NMD Hu x Chanel ที่เป็นการร่วมงานระหว่าง Pharrell Williams และแบรนด์ โอว์ กู ตู ระดับท็อปจากฝรั่งเศส แม้ตอนนี้จะยังไม่มีแหล่งข่าวที่สามารถยืนยันได้ว่าจริงเท็จเพียงใด แต่เราเชื่อว่า sneakerhead ต่างกำสตางค์แบบใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ รอเสียแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจึงนำรองเท้าที่เป็นการร่วมงานระหว่างแบรนด์ไฮเอนด์กับสตรีทแฟชั่นที่กำลังวางขาย และน่าสนใจมาฝากกัน Raf Simon x adidas Ozweego iii นับวันรองเท้าคู่นี้จะทวีความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากในช่วงแรกมันถูกมองเป็นรองเท้าหน้าตาประหลาดที่ดูแล้วไม่น่านำมาสวมใส่อย่างยิ่ง แต่หลังจากกระแสความนิยมรองเท้าทรงโบราณหรือ Ugly sneakers รองเท้ารุ่น Ozweego ซึ่งเป็นผลงานจากดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Raf Simon ก็ดูเหมือนจะได้รับความนิยมขึ้นทันตาเห็น แม้ว่าดูภายนอกแล้วรองเท้านั้นจะดูธรรมดาไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่ราคาป้ายนั่นจัดอยู่ในเกณฑ์แพงที่ราว ๆ $500 หรือ 17,xxx บาท หากใครที่สนใจอยากจะมีรองเท้าแปลก ๆ แนว collaboration สตรีทไฮเอนด์
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ผู้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับออนไลน์คอนเทนท์เหนือสิ่งอื่นใด เพราะจากผลสำรวจพบว่าในแต่ละวันมนุษย์เราใช้เวลาอยู่กับการดูวิดีโอ เสพข่าว หรือโซเชียลมีเดียไปอย่างน้อยวันละ 17.8 ชั่วโมง* จนเรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตในทุก ๆ วัน *source ซึ่งในแง่ของความเป็นออนไลน์ก็มีทั้งข้อคุณ และโทษในเวลาเดียวกัน สำหรับข้อดีคือคุณจะได้รับเสพข่าวสารที่รวดเร็ว และฉับไว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยแหล่งข่าวที่ขาดความน่าเชื่อ อีกทั้งบางครั้งพื้นที่ออนไลน์ก็ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับคนที่มองเห็นโอกาสอีกด้วย เราจึงเห็นได้ว่าปัจจุบันใครก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นเน็ตไอดอลได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ทั้งนี้ทั้งหากคอนเทนท์ที่ถูกนำเสนอ ไม่ได้จรรโลงใจ หรือเกิดเพียงเพราะกระแส คน ๆ นั้นก็จะหายตายจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังที่เราเห็นกันอยู่บนโลกออนไลน์ แต่สำหรับคนที่มองเห็นโอกาส แล้วอยากจะก้าวขึ้นมาสร้างออนไลน์คอนเทนท์เป็นของตัวเอง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ได้นำประสบการณ์จากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย แต่เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งปีเศษเพื่อสร้างผู้ติดตามได้มากถึง 9 ล้านคน และวิดีโอไวรัลของเขามีผู้รับชมมากกว่า 1 ล้านล้านครั้ง อีกทั้งปัจจุบันมีแบรนด์มากมายได้เข้ามาซัพพอร์ตอย่างเช่น Doritos , Ubisoft หรือแม้กระทั่งถูกดึงตัวไปเป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง Now You See Me 2 เขาคนนั้นคือ Julius Dein Julius Dein คือเด็กหนุ่มวัย 23 ปีที่ลุกขึ้นมาทำวิดีโอแกล้งคนโดยใช้วิธีคือการเล่นมายากลโชว์ตามปาร์ตี้ อีเว้นท์ หรือแม้กระทั่งข้างถนน
ถือเป็นโอกาสอันดีเมื่อทีมงาน UNLOCKMEN มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมที่ร้าน SEEK Thailand ได้จัดเวิร์กช็อปถ่ายภาพ โดยการเชิญตากล้องระดับอินเตอร์ผู้อยู่เบื้องหลังภาพถ่ายสตรีทอาร์ตมากมายอย่าง Team COZY ดังนั้นเราจึงอยากนำภาพบรรยากาศ รวมถึงเคล็ดลับที่ได้จากการพูดคุยกับพวกเขาในเรื่องมุมมองเทคนิคการถ่ายภาพแบบสตรีทอาร์ตมาฝากกัน สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลีกับวงการถ่ายภาพ อาจจะสงสัยว่า COZY คือใคร ทำไมพวกเขาจึงมีความสำคัญถึงขนาดต้องเดินทางไปเพื่อฟังบรรยาย โดยอันที่จริงแล้ว Team Cozy คือกลุ่ม Community เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในการถ่ายรูป ซึ่งพวกเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานถ่ายหลักของเว็บไซต์อย่าง Highsnobiety ที่ว่ากันว่าเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับสตรีทคัลเจอร์อันดับต้น ๆ ของโลก โดยพวกเขาจะใช้ Hashtag ที่ชื่อว่า #TeamCozy จากนั้นค่อย ๆ พัฒนาขยับขยายจากเพียงแค่การถ่ายภาพมาเป็นในเรื่องของแฟชั่นเสื้อผ้า จนมีฐานแฟน ๆ ไปทั่วโลก ดังนั้นพวกเขาจึงถือโอกาสเดินทางออกทัวร์เพื่อพบเจอกับบรรดาคนที่ชื่นชอบในเรื่องถ่ายภาพ และสตรีทแฟชั่นในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันเมื่อพวกเขามีโปรเจคที่ชื่อว่า The Cozy Asia Tour ทาง SEEK Thailand จึงได้เชิญพวกเขามาเพื่อเปิดเวิร์คช็อปเล็ก ๆ ขึ้น ณ Central Embrassy ภายในงานเราก็จะได้พบกับผู้ก่อตั้งอย่าง
หากใครที่เป็นแฟนการ์ตูน “GTO คุณครูพันธุ์หายาก” ที่มีตัวเอกดำเนินเรื่องก็คือ โอนิซึกะ เอคิจิ คงจะไม่พลาดหนังสือการ์ตูนที่มีชื่อว่า “คู่คนลุยเลอะ” ซึ่งเป็นภาคก่อนหน้า ว่าด้วยเรื่องราวสมัยก่อนที่ โอนิซึกะ จะได้มาเป็นอาจารย์สุดห่าม โดยที่ยังเป็นนักเรียน และเป็นหัวโจกแห่งโรงเรียนโชนันเคียคุโต ร่วมกับ ดันมะ ริวจิ เพื่อนซี้ และมีสมญานามว่า คู่หูโอนิบาคุ ซึ่งมีพาหนะเป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจ และทำเอาผู้ชายหลายคนที่อ่านการ์ตูนทั้ง 2 เรื่องนี้ หันมาคลั่งไคล้มอเตอร์ไซค์ Kawazaki Z2 ที่โอนิซึกะได้รับมาจากคุณมาซากิ ชายผู้ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโชนัน ถึงแม้ว่าในการ์ตูนจะเขียนออกมาเว่อร์เกินความจริงไปบ้าง สำหรับเรื่องของความแรง แต่ทว่าในโลกแห่งความจริง คนที่เล่นรถมอเตอร์ไซค์จะรู้ดีว่า Kawasaki Z1 และ Z2 นั้น เป็นรถที่มีคุณค่าน่าสะสม และเป็นรถที่หาสภาพสวย ๆ จับได้ยาก ด้วยจำนวนอันน้อยนิดเนื่องจากถูกผลิตตั้งแต่ปี 1970 และนาน ๆ จะมีคนจะยอมปล่อยออกมาสักคัน ข่าวดีคือพวกเราเตรียมเฮกันให้ลั่นทุ่งได้เลย เมื่อทาง Kawasaki ได้ประกาศว่าจะนำเอาโมเดลในตำนานกลับมาผลิตใหม่ และวางขายในชื่อว่า Kawasaki Z900RS ในปี 2018!!
เราเชื่อว่าปัญหาหน้าจอแตกเป็นอะไรที่สุดแสนจะน่าเบื่อสำหรับผู้ใช้สมารท์โฟนในปัจจุบัน เพราะถ้าย้อนกลับไปราว ๆ 10 ปีก่อน หากคุณจะทำหน้าจอโทรศัพท์แตกนั้นต้องมาจากการกระแทกอย่างรุนแรงเท่านั้น ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปมากเท่าไหร่ โทรศัพท์แบบจอสัมผัสก็มีขนาดกว้างใหญ่ขึ้นตามมาเท่านั้น ซึ่งหากพูดในเรื่องการใช้งานแล้วต้องถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ในอีกแง่หนึ่งคือเรื่องความปลอดภัยที่นับวันจะยิ่งเปราะบางมากขึ้นเท่านั้น โดย iSmash บริษัทผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการซ่อมโทรศัพท์สมารท์โฟนของประเทศในเครือสหราชอาณาจักร ได้ทำการเก็บข้อมูลลูกค้าที่ส่งซ่อม แล้วคำนวณว่าคนส่วนใหญ่มักจะทำหน้าจอแตกเมื่อผ่านการใช้งานไปจำนวน 105 วัน (iPhone) เท่ากับว่าคนเราจะมีอายุการใช้งานโทรศัพท์เพียง 3 เดือนเศษเท่านั้นก่อนที่จะทำหน้าจอแตก ดังนั้นใครใกล้จะครบ 3 เดือนกว่า หรือเพิ่งทำ iPhone ตกแตกไปก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะซื้อ iPhone X พร้อมเปิดแพ็คเกจกับ Truemove H จะช่วยประหยัดค่าเครื่องได้สูงสุดถึง 10,500 บาท พูดง่าย ๆ คือสามารถเป็นเจ้าของ เครื่อง iPhone X รุ่น 64 GB ได้ในราคาเริ่มต้นถูกสุด ๆ เพียง 30,500 บาทเท่านั้น ใครที่ซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจ 4G+ FUN Unlimited จาก TrueMove H นอกจากจะได้
ศิลปิน นักร้อง ถือเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการแต่งตัวของผู้ชายเราอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นในยุค 90s ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนพยายามลอกเลียนสไตล์จากฮีโร่แห่งยุคอย่าง Kurt Cobain จนเกิดเป็นกรันทจ์สไตล์ขึ้นมาจวบจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันเราจะไม่ได้มีสไตล์ที่แปลกแหวกแนวขึ้นมาเป็นชื่อเรียก เท่ ๆ อีกต่อไป แต่นักร้อง นักดนตรี ก็ยังมีส่วนสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับหนุ่ม ๆ ทั่วโลกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น UNLOCKMEN จึงนำการจัดสำรวจของ GQ ที่เขาได้รวบรวมนักดนตรีที่โดดเด่นในเรื่องของสไตล์ประจำปี 2017 จนไม่ควรพลาดที่จะไปติดตาม Drake ปัจจุบันเราแทบจะลืมภาพฮิปฮอฟใส่เสื้อตัวใหญ่ กางเกงหลุดก้นไปได้เลย เพราะพวกเขาหันมาแต่งตัวให้เหมาะสมกับตัวเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรายของ Drake ที่พยายามหาสไตล์ใหม่ ๆ อยู่สม่ำเสมอ ไม่ปิดกั้นตัวเองจากแนวทางใดแนวทางหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ดูเหมือนเขาจะอินกับการแต่งตัวแบบ sportwear อีกทั้งเมื่อต้องปรับลุคเป็น formal ตัวของ Drake ก็มีวิธีการเลือกชุดสูทที่เหมาะกับตัวเขาเอง ที่ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นฮิปฮอฟอยู่ไม่ได้เนี้ยบคุณชายจนเกินไป Instragam : champagnepapi Jared Leto เป็นหนึ่งคนที่ UNLOCKMEN ชื่นชอบมาก ๆ สำหรับ นักดนตรียุคใหม่ เนื่องจากเขามีสไตล์ที่จัดจ้านชัดเจน แม้ว่าหากเราดูในรายละเอียดแล้วตัวของ
ในโลกปัจจุบันนี้ ทุกอย่างได้ถูกเทคโนโลยีเข้าครอบงำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งเสื้อผ้า ที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะกลายเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อกับ Smartphone ได้ด้วย ถึงอย่างไรก็ตามในวันนี้ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อนั้นก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ด้วยการร่วมมือจากผู้นำทางด้านแฟชั่นการแต่งกาย และผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดอย่าง Levi’s และ Google กับเสื้อยีนส์สุดพิเศษที่พวกเขาได้เปิดตัวออกมา และบอกว่า มันสามารถ Connect กับ Smartphone เพื่อใช้งานบน Application ได้ ตอนนี้เรามาดูกันว่ามันมีอะไรน่าสนใจบ้าง? โดยเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ตัวนี้ มีความพิเศษจากการที่คุณสามารถควบคุมการทำงานบางอย่างบน Smartphone ได้ โดย Google ได้ทำการออกแบบ และสร้างเส้นใยที่ไวต่อการสัมผัสขึ้น จากนั้นก็ทำการทอมันเข้าไปในเนื้อผ้าของเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ และที่สำคัญที่สุดก็คือ มันจะไม่หลุดออกไปแม้เวลาที่คุณนำไปซักในเครื่องซักผ้า เส้นในแบบพิเศษนี้ จริง ๆ แล้วมันเป็นชุดข้อมูลที่สามารถรับ-ส่งสัญญาณ Bluetooth ไปยัง Smartphone ทำให้คุณสามารถเปลี่ยนเพลงที่คุณกำลังฟังผ่าน Smartphone ได้โดยการลูบที่แขนเสื้อเท่านั้น!! นอกจากนั้นคุณยังสามารถใช้คำสั่ง Play – Pause หรือ Stop ได้โดยการสัมผัสบริเวณแขนเสื้อ และสามารถสั่งเปิด – ปิด
ช่วงนี้เราอาจจะเห็นแบรนด์รถยนต์หลายแบรนด์เริ่มลงมือผลิตรถไฟฟ้ากันอย่างตูมตาม ซึ่งไม่เพียงแต่รถยนต์เท่านั้นนะครับ เพราะว่าฝั่งมอเตอร์ไซค์ก็เริ่มเตรียมบุกตลาดด้วยเช่นกัน โดยรอบนี้ทาง Honda ไม่ยอมน้อยหน้าใครที่ไหน เตรียมเปิดตัว Honda Riding Assist Motorcycle รถมอเตอร์ไซค์สุดล้ำที่สามารถทรงตัวได้เอง โดยกำลังเตรียมจะเปิดตัวในงาน Tokyo Motor Show ครั้งที่ 45 นี้ Riding Assist-e จะเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และมีความสามารถในการ Self-Balancing ที่จะทรงตัวได้ในความเร็วต่ำ หรือแม้แต่จอดนิ่ง ๆ ก็ไม่ต้องลงขาตั้ง (ต้องเปิดสวิทช์การทำงานฟังก์ชั่นนี้ไว้ด้วย) โดยมีคอนเซ็ปท์อย่างเป็นทางการว่า “Enjoying The Freedom of Mobility” (ความสนุกสนานในการเคลื่อนที่อย่างอิสระ) และ “A Carbon-Free Society” (สังคมไร้มลพิษ) เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่มากขึ้นและยังรักโลกมากขึ้นอีกด้วย โดยตัวรถจะเป็น (AI) ที่ออกแนวกึ่ง ๆอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มากกว่า นอกเหนือจากความสามารถด้านการทรงตัวและพลังงานไฟฟ้าแล้ว ยังมีการออกแบบตัวรถไม่ว่าจะเป็นเฟรมรถหรือสวิงอาร์มก็ถูกได้รับการออกแบบมาอย่างดี พร้อมระบบเบรค Nissin และระบบกันสะเทือนแบบลิงค์แอสซิสที่เชื่อมต่อกัน คันเร่งจะเป็นระบบไฟฟ้าและติดตั้ง LED รอบคัน ซึ่งเรายังไม่มีราคาหรือรายละเอียดตัวเครื่องยนต์อย่างเป็นทางการ