Entertainment

BEHIND THE SONGS: 5 เพลงฮิตฟังสนุก ทำนองชวนแดนซ์ แต่ดันมีเนื้อหาชวนดาร์ก!

By: Synthkid December 26, 2019

เพลงบางเพลงสามารถสร้างบรรยากาศสนุกสนานให้กับผู้คนมากมายได้ด้วยทำนองชวนแดนซ์ เปิดเมื่อไหร่ก็มันส์ ฟังสนุก แต่ใครจะรู้ว่าบางครั้ง บทเพลงเหล่านั้นก็เป็นดั่ง ‘มีดอาบน้ำผึ้ง’ ที่ซ่อนเนื้อหาดาร์ก ๆ เอาไว้บนเมโลดี้สดใส จนหลายคนไม่ได้สังเกตมาก่อนว่าความหมายในเพลงมันโหดร้ายแค่ไหน

วันนี้ UNLOCKMEN จะหยิบยก 5 เพลงฮิตติดหูที่ฟังแล้วอารมณ์ดี มาตีแผ่เนื้อหาขม ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน แล้วตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เปิดเพลงนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณอาจรู้สึกกับมันไม่เหมือนเดิม!

Pumped Up Kicks – Foster The People

เพลงนี้จัดว่าเป็นที่นิยมสำหรับงานรื่นเริงเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นสาวกของวงก็คงจะรู้ที่มาที่ไปของเนื้อหากันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ฟังแบบไม่ได้คิดอะไร รู้ไหมครับว่าในเนื้อเพลงที่ร้องว่า “All the other kids with the pumped up kicks You’d better run, better run, out run my gun”  (พวกเด็กทั้งหลายที่ใส่รองเท้า Pumped up kicks เธอควรจะวิ่งหนีไป วิ่งให้ห่างจากปืนของฉัน) Foster the People เขาไม่ได้แต่งเอาสนุกเท่านั้น แต่ตั้งใจจะสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหากราดยิงในโรงเรียนที่มักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ในอเมริกา

โดยเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของสมาชิกในวง มือเบสคนเก่าอย่าง Cubbie Fink มีลูกพี่ลูกน้อง (ผู้หญิง) ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียน Columbine เมื่อปี 1999 และความเลวร้ายในวันนั้นยังคงเป็นฝันร้ายที่ส่งผลแก่ตัวเธอจนถึงปัจจุบัน Cubbie จึงอยากจะสร้าง Platform ที่ทำให้คนตระหนักถึงปัญหานี้ ผ่านบทเพลงของเขาอย่างที่เราได้ฟังนั่นเอง

Paper Planes – M.I.A.

เพลงนี้ถูกนำไปรีมิกซ์เปิดในคลับมากมายหลายเวอร์ชัน เป็นเพลงแดนซ์สามัญประจำบ้านของใครหลายคน แต่จริง ๆ แล้ว เนื้อหาของมันช่างชวนหดหู่ เพราะแม้สาว M.I.A จะได้รับสัญชาติอังกฤษ เพราะเกิดที่ลอนดอน แต่เธอคือลูกสาวแท้ ๆ ของ Arul Pragasam นักสิทธิมนุษยชนชาวศรีลังกา และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรปฏิวัติ EROS (Eelam Revolutionary Organisation of Student) 11 ปีแรกของชีวิตเธอจึงเป็นอะไรที่ยากลำบากจากปัญหาสงครามกลางเมืองของศรีลังกาทำให้ครอบครัวเธอถูกหมายหัวจากกองทัพ ไม่แปลกที่บทเพลงของเธอจะเต็มไปด้วยปัญหาสงคราม การเมือง และผู้อพยพ

เพลง Paper Planes นี้ ฟังเผิน ๆ อาจจะรู้สึกสนุกดี แต่อันที่จริงมันคือเพลงที่บอกเล่าสารพัดปัญหาของผู้อพยพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเอกสารมากมายที่ไม่มีวันจบสิ้น ถูกตรวจเข้มกว่าคนทั่วไปเป็นหลายสิบเท่า ปัญหาวีซ่า และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่ออาชญากรรม แต่ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือเสียงปืนและระเบิดที่เธอนำมาใส่ในเพลง เพราะเธอกล่าวว่า เสียงปืนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้อพยพ เธอเคยถูกยิง จึงรู้สึกไม่สะทกสะท้านอะไรแล้วในการได้ยินเสียงมัน ถ้ามีปัญหากับสิ่งนี้ ก็ไปโทษพวกคนที่ยิงเธอเอาละกัน เหมือนจะพูดติดตลก แต่ขำไม่ออกเลยนะครับเรื่องนี้

Misery – Maroon 5

ต้องยอมรับนะครับว่าทำนองเพลงนี้มันฟังสนุกจริง ๆ ขนาดเราเองก็ยังชอบเอามาเปิดเต้นสนุกๆ กับเพื่อน แต่เนื้อหาในเพลงนี่ทำเอาขำไม่ออกเลยนะครับ เพราะมันพูดถึงความสัมพันธ์ที่ทรมานขั้นขีดสุด Misery ในที่นี้จะแปลตรงตัวว่า ‘ความสาหัส’ หรือ ‘ความทุกข์ทน’ ซึ่งในเนื้อเพลงที่ Adam Levine เขาเขียนมาก็ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นแหละครับ

หนุ่ม Adam กล่าวว่า เพลงนี้เกี่ยวกับการที่เรายังปล่อยใครบางคนที่รู้ทั้งรู้ว่าเขานิสัยไม่ดีไว้ในชีวิต แน่นอนว่ามันทำให้เราลำบาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่กล้าพอจะเสียเขาไป ถ้าเปลี่ยนทำนองเพลงให้ช้าลง เพลงนี้ก็จะกลายเป็นเพลงที่เศร้ามากทันที “Sometimes these cuts are so much deeper than they seem You’d rather cover up, I’d rather let them bleed” (บางครั้งรอยแผลบาดลึกเกินเราจะมองเห็น คุณเลือกจะปกปิด ส่วนผมจะปล่อยให้เลือดรินไหล) เต้นไม่ออกแล้วจะพาลน้ำตาตกด้วย แต่ต้องยอมรับว่ามิวสิกวิดีโอเพลงนี้ถ่ายทำสื่อเรื่องราวออกมาได้ดีมาก ๆ เลยครับ

I Took A Pill In Ibiza – Mike Posner

ตอนเพลงนี้ออกมาใหม่ ๆ เกิดประเด็นถกเถียงเยอะทีเดียวครับในวงการเพลง เพราะมันเป็นการเล่าเรื่องตรง ๆ เกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด ซึ่งมันก็เป็นเช่นจริง ๆ เพียงแต่ Mike Posner เขาจงใจเขียนออกมาเพื่อให้คนได้ตระหนักถึงความฉาบฉวยของชื่อเสียงและยาเสพติดต่างหาก

เนื้อเพลงเล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมาของเขา หลังจากห่างหายจากวงการเพลงไปหลายปี ในช่วงที่เขาเฟื่องฟูและมีชื่อเสียง เขามัวเมาไปกับเหล้ายาปาร์ตี้ ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นกลืนกินตัวเอง “But you don’t wanna be high like me Never really knowing why like me” (คุณไม่อยากจะมัวเมาแบบผม ไม่มีทางรู้เลยว่าทำไม แบบที่ผมเป็น) เมื่อชีวิตถึงขาลง เขากลายเป็นเพลงศิลปินเพลงป๊อปที่ถูกลืม ไม่เหลือแม้กระทั่งเพื่อนฝูง และไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนไว้ได้เลย ถึงแม้เพลงนี้จะถูกรีมิกซ์กี่เวอร์ชัน หรือถูกเปิดในผับสักที่ร้าน เชื่อเถอะครับว่ามันเป็นเพลงที่เศร้าและมีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ สำหรับศิลปินคนหนึ่ง

Take A Walk – Passion Pit

เชื่อว่าคอเพลงอินดี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินเพลงนี้มาบ้าง เพราะถือว่าดังอยู่พอตัว Take A Walk จาก Passion Pit เป็นเพลงทำนองสนุก ๆ ฟังแล้วติดหู จนหลายคนเก็บไว้ฟังยามเช้าให้ตัวเองรู้สึกตื่นเต็มตา แต่อันที่จริงสิ่งนี้คือมีดอาบน้ำผึ้งชั้นดี เพราะเพลงมันเกี่ยวกับวิกฤตทางการเงินครับ!

โดยเพลงนี้ตั้งใจกระทบตั้งแต่ระบบทุนนิยมในอเมริกาตั้งแต่ท่อนเปิดตอนแรก แล้วต่อมาด้วยการเล่าประสบการณ์ที่ต้องช่วยกันเก็บหอมรอมริบเงินกับภรรยาอย่างยากลำบาก จนถึงช่วงท้าย ๆ ที่เฉลยว่าอะไรที่ทำให้ชีวิตของเขาพังลง “But then my partner called to say the pension funds were gone He made some bad investments, now the accounts are overdrawn” (หุ้นส่วนของผมโทรบอกว่าเงินทุนหมดเกลี้ยงแล้ว เขาทำอะไรแย่ ๆ และยังถอนเงินไปเกินบัญชี) สถานการณ์มันเลวร้ายจนเขาต้องออกไป Take A Walk หรือเดินเล่น เพื่อเป็นการหนีปัญหานั่นเอง

สำหรับข้อมูลที่เรานำมาบอกต่อคอเพลงในวันนี้ คุณจะรับรู้ไว้เฉย ๆ เอาไปคุยกับเพื่อน หรือจะนำไปตีความอะไรต่อก็สุดแล้วแต่ แต่อย่าให้ถึงว่าเสียอรรถรสในการฟังเลยครับ เพราะคุณยังเอนจอยกับมันได้เสมอ

บางครั้งการหาความสนุกสนานบนความทุกข์โศก ก็เป็นการบำบัดจิตใจชั้นเยี่ยม ให้ดนตรีเป็นหนึ่งในความสุขของคุณดีกว่าครับ

 

Source: 1 / 2 / 3 / 4 / 5

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line