1989 BMW 8-SERIES E31 GRAND TOURER ไฟ POP-UP ที่สร้างตำนานความขลังให้เลข 8

ถ้าเราพูดถึง BMW 8-Series ในวันนี้ คนส่วนใหญ่จะนึกถึง BMW แบบ Grand Tourer สปอร์ต 2 ประตู รุ่นใหญ่สุดเก๋าของค่ายที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานในรหัส G14 (Coupe’) และ G15 (Covertible) ที่เรียกได้ว่ามีดีไซน์ที่สุดสวยงามผสมผสานความสปอร์ตและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แน่นอนว่ามันเป็นรถในฝันที่หลายคนต้องอยากได้ไว้ในครอบครอง

แต่ถ้าพูดถึงรหัสเลข 8 เราต้องย้อนไปพูดถึงโมเดลที่สร้างมาตรฐานความเป็นที่สุดของ BMW ซึ่งถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1989 และปัจจุบัน BMW 8-Series รหัส E31 ซึ่งเป็นผู้สร้างความขลังให้กับตัวเลข 8 ของค่ายใบพัดฟ้าขาว ก็ยิ่งทวีความ Rare เพิ่มมูลค่าในหมู่นักสะสมและผู้คนที่มีโอกาสได้เห็นมัน ส่งผลให้รถ 2-Door Coupe’ ที่มีจุดเด่นคือไฟ Pop-up headlight เพียงหนึ่งเดียวของตำนาน BMW ยังคงเป็นรถที่สวยงามเอาชนะกาลเวลา และไม่ว่าใครก็ต้องหันไปมองกันจนคอเคล็ดเสมอแม้เวลาจะผ่านมากว่า 20 ปีแล้วก็ตาม

ในอดีตหลายคนเข้าใจผิดว่า BMW 8-Series คือรถโมเดลที่ต่อยอดมาจาก BMW 6-Series E24 ซึ่งคนที่เข้าใจแบบนี้ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปว่าเป็นการพัฒนาที่ไม่เหลือความเป็น 6-Series เหลืออยู่เลย แต่นี่คือความเข้าใจผิดของคนยุคนั้น

ที่จริงแล้ว BMW 8-Series E31 คือรถที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเพื่อการขับขี่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และจับกลุ่มลูกค้าที่มองหาความหรูหรายิ่งกว่า มีสมรรถนะที่ดีกว่าทุกโมเดลที่ BMW เคยผลิตออกมา

โปรเจค BMW 8-Series E31 นั้นได้รับไฟเขียวให้เริ่มลงมือตั้งแต่ปี 1981 ซึ่งใช้เวลาออกแบบและเตรียมเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำยุคที่สุดเท่าที่เคยมี กว่าจะพร้อมก็ปาเข้าไป 5 ปี และทดลองพัฒนาไปมาอีก 3 ปี จนกระทั่งได้ฤกษ์เปิดตัวโชว์ความ Avantgarde แบบฉีกทุกตำนานที่เคยมีมาของค่ายให้กับสาธารณชนในงาน Frankfurt Motor Show (IAA) เดือนกันยายน ปี 1989 ก่อนจะพร้อมเปิดสายพานการผลิตในปี 1999 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ 6-Series E24 หมดอายุขัยพอดิบพอดี

ภายในระยะเวลา 8 วันที่ BMW 850i จอดโชว์ตัวในงาน Frankfurt Motor Show ด้วยดีไซน์ที่สุดล้ำไม่ซ้ำใคร ขนาดรูปทรงที่ทั้งใหญ่และเต็มไปด้วยความ Sport Coupe’ จากการไม่มีเสา B-pillar และเครื่องยนต์ 5.0-litre V12 จับคู่กับเกียร์ Manual 6-speed ให้กำลัง 300 แรงม้า แรงบิด 332lb ft of torque ทำให้มียอดจองยาวเหยียดมากกว่า 5,000 คัน และในปีนั้นก็เรียกว่าจองเต็ม Capacity การผลิตที่เตรียมเอาไว้ราว 12,000 คันต่อปี ต้องขึ้นป้าย Sold Out เคลียร์ยอดจองถึงปี 1993

แม้มันจะทำได้ดีในระยะแรก แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง BMW 8-Series ประสบปัญหาจนต้องหยุดการผลิตเอาไว้ที่ 30,621 คันในปี 1999

ด้วยความเป็นสุดยอดรหัสเลข 8 ที่เรียกว่าจัดเต็มทุกอย่างที่ล้ำหน้ายุคสมัยของ BMW ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตด้วย CAD ครั้งแรก การใส่เทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไปเช่น Drive-by-wire, ช่วงล่าง Multi-link หรือหลังคาที่ต้องออกแบบเป็นพิเศษเนื่องจากรถไม่มีเสา B-Pillar ทำให้ราคาตั้งขายของ BMW 850i ค่อนข้างสูงถึง US$70,000 ในยุคนั้น ซึ่งใกล้เคียงกับ Ferrari 348tb หรือ Mercedes-Benz SEC ได้เลย

บวกกับเป็นช่วงเวลาที่โลกประสบปัญหาเศรษฐกิจจากสงครามและราคาน้ำมัน ทำให้รถยนต์สุดหรูเครื่องใหญ่ V12 ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักในยุคนั้น น่าเสียดายที่โปรเจคตัวแรง BMW M8 ถูกพับเก็บไปเนื่องจากเหตุผลนี้เช่นกัน

แต่วิกฤตในยุคนั้น กลับกลายเป็นโอกาสในยุคนี้ ปัจจุบันนักสะสมรถยนต์ต่างมองหา BMW 8-Series (850i และ 840i) เพื่อเก็บไว้ในครอบครองกันอย่างกว้างขวาง มันเป็นรถที่มีพร้อมทั้งตำนาน หน้าตา สมรรถนะ และมีจำนวนเพียงสามหมื่นกว่าคันในโลก!

ไม่ว่าจะเป็น BMW เพียงหนึ่งเดียวที่มีไฟ Pop-up เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่สร้างมาตรฐานให้กับรหัสเลข 8 ถูกเก็บสงวนไว้สำหรับรถที่ดีที่สุดของค่ายมายาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งในบ้านเราอาจจะพบเห็น BMW 840Ci เครื่องยนต์ เครื่องยนต์ 4.0-liter V8 ได้บ้าง แต่ก็มีจำนวนไม่มาก (น่าจะไม่ถึง 20 คัน ยิ่งสภาพดี ๆ น่าจะยิ่งมีจำนวนน้อยลงไปอีก) โดยหนึ่งในนั้นอยู่ในครอบครองของคุณก้อง สุภวิช วงศ์วิวัฒน์ นักสะสม BMW ตัวยงที่เราเคยสัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในสภาพที่สมบูรณ์ สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้

BMW 8-Series ไม่ว่าจะเป็น Generation ที่ 1 หรือ Generation ที่ 2 ต่างก็เป็นรถยนต์ 2-Door Coupe’ ที่ดีที่สุดของ BMW และถูกเก็บสงวนเลข 8 เอาไว้นานกว่า 20 ปีโดยไม่เคยคิดจะเอามาทำตลาดหาเงินจากตำนานบทเก่า กระทั่งมาถึงวันนี้ BMW 8-Series G14 จึงเป็นรถที่เรารู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องมีดีมากแค่ไหน กว่าจะได้รับการติดป้ายเลข 8 ไว้ท้ายรถ

ถ้ามีโอกาสได้ครอบครองไม่ว่าจะ Generaton ไหน ก็รับประกันได้เลยว่ามันจะเป็นการตัดสินใจซื้อรถที่ไม่มีคำว่าผิดหวังออกมาจากปากของคุณแน่นอนครับ