DESIGN

Cartier คอลเลคชั่นใหม่ พลังแห่งความสร้างสรรค์จากอดีตสู่อนาคตจากงาน Watches and Wonders 2023

By: Chaipohn March 30, 2023

สำหรับคาร์เทียร์ เวลานั้นหมุนเวียนเป็นวัฏจักร มิใช่เดินเป็นเส้นตรงอย่างที่นำเสนอทั่วไป วิสัยทัศน์นี้จึงเป็นหนึ่งในคำอธิบายว่าทำไมเมซงคอยพัฒนาปรับเปลี่ยนนาฬิกาและรังสรรค์ทั้งดีไซน์และกลไกขึ้นใหม่อย่างไม่รู้จบ เพื่อนำพาผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาไปสู่อนาคต เรือนเวลาของคาร์เทียร์ประสบความสำเร็จจากการเดินทางด้วยพลังแห่งจินตนาการจากอดีตไปสู่อนาคต ตราบเท่าที่วิวัฒนาการยังดำเนินไปไม่สิ้นสุด ไร้ขีดจำกัดของกาลเวลา ความคิดสร้างสรรค์เป็นอนันต์ และในปีนี้ คอลเลคชั่นใหม่ของคาร์เทียร์ได้สะท้อนสิ่งนี้ ผ่านเรือนเวลาที่พรั่งพร้อมทั้งรูปทรงและคาแรกเตอร์ ปรับโฉมใหม่ผ่านการสร้างสรรค์ อันทรงคุณค่า

Tank คือไอเดียแรกที่หลุยส์ คาร์เทียร์ทำนายว่าจะประสบความสำเร็จ และในปีนี้มีตัวแทนคือ Tank Normale รุ่นใหม่ที่อ้างอิงเรือนแรกสุดจากปี 1917 กับ Tank Américaine อันภูมิฐาน สองเอกลักษณ์การรังสรรค์เรือนเวลาของคาร์เทียร์ มาเคียงคู่เรือนเวลาที่ได้รับการตีความขึ้นใหม่ อันได้แก่ Pasha, Baignoire, Panthère และ Santos de Cartier รวมถึง Clash [Un]Limited เรือนเวลาที่หลอมรวมมรดกเชิงสุนทรียะของคอลเลคชั่น Clash อย่างสร้างสรรค์และและสร้างวิวัฒนาการให้ก้าวไกลกว่าเดิมจากปัจจุบันที่มุ่งหน้าสู่อนาคต

TANK NORMALE

แต่ละปีเรือนเวลาหายากหนึ่งรุ่นจะได้รับเลือกเข้าสู่คอลเลคชั่น Cartier Privé จุดนัดพบของนักสะสม ซึ่งเฉลิมฉลองและสำรวจเรือนเวลารุ่นตำนานของเมซงผ่านเรือนเวลารุ่นลิมิเต็ดโดยสลักหมายเลขกำกับไว้ วันนี้ Cartier Privé เปิดตัว Tank Normale ผลงานชิ้นที่ 7 ซึ่งเป็นผลงานเดียวซึ่งหลุยส์ คาร์เทียร์ เคยรังสรรค์ขึ้นเมื่อปี 1917 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 2 ปีต่อมา กล่าวได้ว่า Tank คือผลงานที่โดดเด่นที่สุดรุ่นหนึ่งของเมซงและอยู่ในทำเนียบสุดยอดมาสเตอร์พีซในประวัติศาสตร์วงการนาฬิกา

ในปีนี้คาร์เทียร์เนรมิต Tank รุ่น hour/minute ที่หยิบยืมสัดส่วนและหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดม (beveled) จากเรือนวลาต้นฉบับ โดยใช้วัสดุทั้งตัวเรือนทอง สายหนังอัลลิเกเตอร์สีน้ำตาล และตัวเรือนแพลทินัม สายหนังอัลลิเกเตอร์สีดำ และยังสามารถเลือกสายแบบกำไลเยลโลว์โกลด์หรือแพลทินัม ขัดแต่งซาตินหรือขัดเงา ให้อารมณ์ยุค 70

คาร์เทียร์ใส่กลไกสเกเลตัน พร้อมกลไกคอมพลิเคชั่น 24 ชั่วโมง ประดับเครื่องหมายพระอาทิตย์และพระจันทร์เสี้ยวแบบสเกเลตันเช่นกัน โดยเข็มนาทีจะหมุนรอบหน้าปัดใน 1 ชั่วโมง ส่วนเข็มชั่วโมงจะหมุนรอบหน้าปัดใน 24 ชั่วโมง ไม่ใช่ 12 ชั่วโมงเช่นนาฬิกาทั่วไป

ด้วยเหตุนี้การบอกเวลาช่วงกลางวันจึงอยู่บริเวณหน้าปัดครึ่งบน ขณะที่การบอกเวลาช่วงกลางคืนจะปรากฏบริเวณหน้าปัดครึ่งล่าง เพื่อแสดงการเปลี่ยนผ่านจากกลางวันเป็นกลางคืนช่างนาฬิกาได้เคลือบสีสะพานจักรสเกเลตันแบบไล่น้ำหนัก ด้วยเฉดสีเดียวกับที่ใช้ตกแต่งหน้าปัดทั้งสองส่วน Tank รุ่นสเกเลตัน ผลิตเพียง 50 เรือน พร้อมสลักหมายเลขกำกับทุกเรือน สามารถเลือกทั้งแบบตัวเรือน เยลโลว์โกลด์ สายหนังอัลลิเกเตอร์สีน้ำตาลอมเขียว ปุ่มไขลานประดับแซฟไฟร์คาโบชงสีน้ำเงิน หรือตัวเรือนแพลทินัม สายหนัง อัลลิเกเตอร์สีแดงเบอร์กันดีสลับเทา เม็ดมะยมฝังทับทิมคาร์โบชง และแบบสุดท้ายที่ผลิตเพียง 20 เรือนพร้อมสลักหมายเลขประจำตัว ตัวเรือนฝังเพชรทรงกลมเหลี่ยมเกสร สายหนังอัลลิเกเตอร์สีฟ้าอมน้ำเงิน เม็ดมะยมฝังเพชรเหลี่ยมเกสร

เรือนเวลาเหล่านี้มีรหัสด้านดีไซน์ของ Tank รุ่นดั้งเดิมอยู่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเข็มบอกเวลาสีน้ำเงิน เม็ดมะยมคาโบชง และแบบไม่ฝังเพชร จะมาพร้อมเส้นบอกนาทีรูปรางรถไฟและลายเซ็นลับ

 

TANK AMERICAINE

เปิดตัวเมื่อปี  1989  โดยได้แรงบันดาลใจ ตลอดจนตัวเรือนทรงโค้งมนมาจาก Tank Cintrée แต่ขณะเดียวกันก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเป็นเรือนเวลารุ่นแรกที่มาพร้อมสายแบบปรับความยาวได้ ที่สอดรับกับหัวบัคเกิลแบบพับได้อันโด่งดัง ซึ่งคาร์เทียร์ได้ยื่นจดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี 1910

ในปี 2023 สตูดิโอออกแบบของเมซงได้เน้นย้ำดีไซน์ต้นฉบับและรูปทรงโค้งมนของ Tank Cintrée ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ด้วยการสลักเส้นสายที่ละเอียดยิ่งกว่าเดิมและดูปราดเปรียวดุจนักกายกรรม ความบริสุทธิ์ของรูปทรงได้รับการเน้นให้เด่นชัดขึ้นอีกด้วยสไตล์ของหน้าปัด และการบูรณาการกรอบข้างตัวเรือนให้เชื่อมกับสายนาฬิกาอย่างไร้ที่ติ

กลไกภายในคือรุ่น 1899 MC ที่ปรับขนาดให้สอดคล้องกับตัวเรือนที่บางลง Tank Américaine 2023 มีให้เลือกในแบบตัวเรือนและสายทองคำ (all gold) แบบตัวเรือนสตีลสายหนัง ตัวเรือนโรสโกลด์ฝังเพชรสายหนัง และตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์ฝังเพชร บนสายโลหะที่ออกแบบมาสำหรับ Tank Américaine โดยเฉพาะ ข้อสายขัดเงาทุกด้าน เมื่อแสงตกกระทบจึงเปล่งประกายแวววาว

 

SANTOS-DUMONT

การยกระดับรูปทรงเรียบบางเป็นเอกลักษณ์ของ Santos-Dumont นับเป็นความท้าทายครั้งใหม่สำหรับ Cartier Manufacture ซึ่งนำกลไกจักรกลอัตโนมัติ 9629 MC แบบสเกเลตันที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษออกเปิดตัวในปี 2023

คาร์เทียร์ยังคงมรดกดั้งเดิมและความภูมิฐานของต้นฉบับปี 1904 ไว้อย่างครบถ้วน เรือนเวลา Santos-Dumont รุ่นล่าสุด ผ่านการตีความใหม่ในปี 2019 ในแบบตัวเรือนโกลด์และตัวเรือนสตีล อวดสกรูว์บนตัวเรือน พร้อมเม็ดมะยม beaded crown ทำด้วยคาโบชง สีน้ำเงิน ภายในบรรจุกลไกสเกเลตันที่ทุกรายละเอียดเชิงโครงสร้างล้วนรังสรรค์ขึ้นเพื่อคารวะนักบินผู้ยิ่งใหญ่ กลไกที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และเรื่องราวนี้ประกอบด้วยจานเหวี่ยง (functional oscillating weight) ขนาดจิ๋วรูปเครื่องบิน Demoiselle (เดอมัวแซลล์) อากาศยานรุ่นบุกเบิกที่ซานโตสดูมงต์ออกแบบไว้เมื่อปี 1907 สัญลักษณ์นี้ยิ่งมองก็ยิ่งทรงพลัง เพราะดูราวกับมันทะยานขึ้นเหนือลูกโลก

ผลงานเชิงสุนทรียะและเทคนิคที่ทำขึ้นเพื่อคารวะอัลแบร์โต ซานโตสดูมงต์ชิ้นนี้เป็นความสำเร็จที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่นักบินผู้ยิ่งใหญ่เคยจารึกไว้ ซานโตสดูมงต์เป็นบุรุษที่ตั้งเป้าสูงกว่าเดิมเสมอ เขาออกแบบอากาศยานกว่า 22 ลำ จดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่า ทั้งยังเสี่ยงชีวิตทุกครั้งที่นำเครื่องขึ้นทดลองบิน สำหรับกลไกไมโคร-โรเตอร์ (micro-rotor) แบบใหม่เป็นผลงานที่ Cartier Manufacture ที่ La Chaux-de-Fonds (ลา โช เดอ ฟง) โดยใช้เวลาพัฒนาเกือบ 2 ปี และนำมาประกอบชิ้นส่วนขึ้นทั้งหมด 212 ชิ้น

เรือนเวลา Santos-Dumont กลไกสเกเลตัน ในแบบตัวเรือนโรสโกลด์และตัวเรือนสตีล ยกระดับความภูมิฐานขึ้นอีกขั้น และยังมีรุ่น ลิมิเต็ด ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์เคลือบแลคเกอร์สีกรมท่า ที่รายละเอียดทุกส่วน รวมถึงขอบหน้าปัดและตัวเรือนล้วนเคลือบแลคเกอร์ โดยสะพานจักรแบบสเกเลตันนั้นเคลือบแลคเกอร์ด้วยมืออย่างประณีต

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line