ปีนี้เป็นปีที่ Porsche ให้ความสนใจใน motorsports มากเป็นพิเศษ ดูได้จากการเตรียมกลับสนามลงแข่งรายการ Formula 1 ด้วยการเข้าซื้อหุ้นทีม Red Bull F1 Team จำนวนถึง 50% ซึ่งคาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ยังใกล้จะเปิดตัว 2023 Porsche 911 GT3 RS รถแข่งรหัสใหม่อีกคัน เป็น Track Car ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทำเวลาในสนามแข่งโดยเฉพาะ ขุมพลัง 4-liter flat-six 500 horsepower ดีไซน์ที่แตกต่างคือ rear wing ขนาดใหญ่ด้านหลัง และฝากระโปรงหน้าเจาะช่องระบายอากาศสุดดุดัน แสดงให้เห็นถึง DNA ของรถสมรรถนะสูงโดยเฉพาะ เตรียมเปิดตัววันที่ 17 สิงหาคมนี้ แต่คันที่เราอยากนำเสนอในครั้งนี้พิเศษยิ่งกว่า เป็นรหัสร้อนอีกคันที่ดีไซน์อย่างดุดันสำหรับสนามแข่งที่พัฒนาขึ้นตามโจทย์ของลูกค้า Porsche 911 GT3 R พัฒนาบนพื้นฐานของ 992-generation แต่ถูกอัพเกรดรายละเอียดใหม่หมดทั้งคัน มาพร้อมสมรรถนะ
Prodrive Racing Simulator. A blend of art & performance in a striking piece of home sculpture ประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับ Racing Simulators ที่พัฒนาโดย Prodrive ชื่อที่เป็นตำนานในวงการแข่งรถ เคยสร้างไอคอนแห่งวงการแรลลี่อย่าง 1995 Subaru Rally ที่ขับโดย Collin McRae และคว้าแชมป์มาแล้ว รวมถึงประสบการณ์ด้านรถแข่งอย่าง British Touring และคว้าแชม์ปรายการ GT class 24 Hours of Lemans มาแล้ว จึงการันตีได้เลยว่ารายละเอียดในรถแข่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง องศาพวงมาลัย รวมถึง motion ต่าง ๆ นั้นจะถูกถ่ายทอดจากประสบการณ์กว่า 1200 สนามแข่งที่แม่นยำและใกล้เคียงของจริงมากที่สุด Prodrive Racing Simulator สร้างแบบ
ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการนำรถยนต์มาเชื่องโยงกับโลกของศิลปะ แต่ส่วนใหญ่เราจะเห็นเพียงดีไซน์สีหรือการตกแต่งภายนอกเท่านั้น ต่างจากรถยนต์กึ่งผลงานศิลป์ของดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส Pierre Gonalons กับการออกแบบโปรเจคที่ชื่อว่า “Renault 5 Diamant” Renault 5 Diamant คือการใช้แรงบันดาลใจจากอัญมณีมีค่า นำมาใส่ในดีไซน์ของรถยนต์ Renault 5 ซึ่งในอีกความหมายคือการเชิดชูตำนาน rally racing อันยิ่งใหญ่เลอค่าของรถรุ่นนี้ ดีไซน์ธรรมดาถูกแทนที่ด้วยเส้นสายรายละเอียดของเครื่องเพชร ตั้งแต่ไฟหน้าถูกปรับดีไซน์เหมือนเพชรเม็ดใหญ่ ที่จับประตูได้แรงบันดาลใจจากตุ้มหูเพชร เป็นการคัสตอมรถให้กลายเป็นเครื่องเพชรติดล้อก็ว่าได้ ภายนอกสีสันสดใสอย่างมีสไตล์ด้วยโทน matte pink สีชมพูด้านที่หาดูได้ยากบนท้องถนน มีการเติมเม็ดสีทองจำนวนมากลงไปเพื่อเพิ่มมิติและแสงประกายทองวิบวับในเวลากลางวัน และจะกลายเป็นประกายสีน้ำเงินเข้มในเวลากลางคืน ภายในใส่รายละเอียดสุดบรรจงไว้ทุกจุด ของตกแต่งสั่งผลิตสำหรับผลงานชิ้นนี้โดยเฉพาะจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก แม้แต่พรมรถยังผลิตจากผ้าไหมโมแฮร์ของ Pinton ที่ใช้เส้นใยที่ได้จากแพะแอกอร่ามาทอเป็นผืน ส่วนเบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าสั่งพิเศษจาก Metaphores ห้องโดยสารตกแต่งปิดทองเพิ่มความหรูหราโดย Bertin-Aubert ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ พร้อมเพิ่มความทันสมัยบนคอนโซลด้วย phone dock สำหรับเชื่อมต่อ Smartphone ผลิตจากผ้าที่ใช้ขนม้าถักด้วยมือจาก Le Crin ปุ่มกดและที่จับเปิดประตูใช้ทองเหลืองปิดด้วยแผ่นทอง ส่วนพวงมาลัยได้ไอเดียจากเก้าอี้สุดหรู Loggia by Pierre Gonalons ซึ่งผลิตจากหินอ่อนและ
ขึ้นชื่อเรื่องสำนักแต่ง Supercar แม้แต่ Ferrari’s SF90 Stradale ระดับพันม้าของเดิมก็ยังแรงไม่สะใจ NOVITEC จับมาอัพเกรดใหม่ด้วยชุดแต่งรอบคันที่ดีไซน์ใหม่เป็น NOVITEC race-spec options ไม่ใช่แค่ออกแบบให้ภายนอกดูดี แต่เป็นการดีไซน์ที่เข้า wind tunnel เพื่อเน้นอัพเกรดทั้งความดุดันและประสิทธิภาพการควบคุมอย่างแท้จริง ด้วยการนำข้อมูลที่ได้มาใช้สร้าง body kit ตั้งแต่ front spoiler, detachable side skirts, rear diffuser, และ ducktail rear spoiler ทั้งหมดผลิตจาก carbon fiber จาก naked carbon fiber ทั้งช่วยเพิ่ม aerodynamic และ downforce ให้ดียิ่งขึ้น โดยที่ยังคงจุดเด่นของ SF90 Stradale เสริมความโหดขึ้นได้อย่างชัดเจน ขุมพลัง 4-liter twin-turbo V8 + three electric
รถไฟฟ้าคันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับกระแสการ์ตูน Lightyear ของ Pixar ที่เข้าฉายอยู่ แต่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการที่โลกร้อน สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และน้ำมันแพงเป็นประวัติการณ์ในตอนนี้ ตรงที่จะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันด้วยการเป็นรถคันแรกที่สามารถชาร์จพลังแสงอาทิตย์เข้าไป แล้ววิ่งยาว ๆ 7 เดือนโดยไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าเลย แถมวัสดุของรถก็ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย! เมื่อปี 2017 บริษัท Lightyear เคยปล่อยภาพแรกของตัวร่างต้นแบบ Lightyear 0 มาให้เราดู ในช่วงระยะเวลา 6 ปีที่หายไปนั้น เขาทั้งทดสอบระบบ ออกแบบรถซ้ำ ๆ อย่างหนัก จนมีเสปก ฟังก์ชั่น และตัว Final หน้าตาจริง ๆ พร้อมให้โลกได้ดูกันแล้วในวันนี้ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน วิธีเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ของ Lightyear 0 นวัตกรรมสุดล้ำที่เป็นหัวใจหลักในการประหยัดพลังงานของรถคันนี้ คือ ‘แผงโซลาเซลล์คู่ขนาด 5 ตารางเมตร’ ไว้ใช้กักพลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งในวันที่แดดออกแรงนั้น ไม่ว่ารถจะจอดนิ่ง ๆ หรือว่าวิ่งขับอยู่ พลังงานของแสงอาทิตย์ก็จะช่วยให้ตัว Lightyear 0 ประจุพลังงานเอาไว้ขับได้ไกลอีกถึง
คงไม่มีใครคิดว่าวันนึงเราจะได้เห็นการจับมือของ 2 แบรนด์อิตาลีชื่อดังระดับโลกที่ไลน์ผลิตสินค้าไม่ได้ใกล้เคียงกันสักนิดอย่าง Fiat กับ Smeg เกิดขึ้น สำหรับคนที่กังวลว่างานนี้จะสวยแต่รูปจูบไม่หอมรึเปล่าก็อุ่นใจได้เลย เพราะแบรนด์ทั้งสองเขาใช้แนวคิดในการทำงานร่วมกันครั้งนี้ว่า “เพราะตู้เย็นไม่ใช่แค่เครื่องใช้ไฟฟ้า และฝากระโปรงหน้ารถเองก็ไม่ใช่แค่ชิ้นส่วนหนึ่งของรถยนตร์” SMEG 500 ตู้เย็นไซส์มินิ ออกแบบโดยจำลองหน้ารถของรุ่น Fiat 500 ทั้งไฟตากลม โลโก้สีแดงมาครบ ส่วนชื่อรุ่นของตู้เย็นถูกทำเป็นทะเบียนรถติดอยู่ที่ตรงกันชนหน้า (ตัว E ที่เป็นธงชาติของประเทศอิตาลีสวยมาก) วิธีเปิดตู้เย็นของเครื่องนี้รับรองความไม่เหมือนใคร เพราะเขาใช้วิธีเดียวกับการเปิดฝากระโปรงหน้ารถเลย แล้วพอเปิดขึ้นมาก็จะเจอค่าแสดงความเย็น และปุ่มสวิตซ์ในการปรับค่าตู้เย็นออกแบบเป็นคอนโซลของรถยนตร์ทั้งหมด! สำหรับความจุในการใส่ของจะอยู่ที่ 100 ลิตร จะเป็นที่วางเครื่องดื่มทั้งหมด อ๊ะเกือบลืมบอกไป ตู้เย็นคันนี้เขามีสีให้เลือกถึง 5 สีเลยนะ มีสีขาว แดง เขียว น้ำเงิน และเหลือง จุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์ SMEG 500 เกิดจากความสนใจของ Fiat ต่อโลกของงานออกแบบที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่งานพาหนะยานยนตร์ แต่อยากจะลองทำสินค้าอื่นอยู่เสมอ และอย่างที่รู้กันดี สำหรับ Smeg มันก็ต้องไม่ใช่แค่งานออกแบบที่สวยงามเท่านั้น การใช้งานจริงก็ต้องเป็นไปได้ ทำให้แบรนด์เครื่องครัวในฝันของทุกคนกลายเป็นแบรนด์ในอุดมคติที่จะบรรลุโปรเจ็กต์นี้ให้ Fiat ได้
ด้วยราคาของ Nissan Skyline GT-R ที่มีแต่แข็งและแพงขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะรถเดิม ๆ สภาพแห้ง ๆ กับมูลค่าระดับ Supercar ก็คงไม่มีใครอยากจะแงะแกะมันออกมา แต่ทุกอย่างย่อมต้องมีขั้นกว่าสำหรับคนที่มองหาความพิเศษกว่าใคร หนึ่งในนั้นคือสำนักแต่งในญี่ปุ่นที่ชื่อ Built By Legends (BBL) Built By Legends คือเจ้าแรกที่มีโปรแกรมการสร้าง Nissan Skyline GT-R ขึ้นใหม่แบบ restomod ทุกอย่างคือของแท้ตั้งแต่แหวนยันน็อต พร้อมเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ขาดหายไปในรถยนต์ยุค ’90s กระบวนการ restomod เริ่มตั้งแต่การตามหา chassis ของ Skyline GT-R แท้สภาพสวย เพื่อนำมาสร้างใหม่ทั้งหมดด้วย Mine’s-spec car ชุดแต่งทั้งภาพนอกและภายในจาก Mine’s เครื่องยนต์ RB26DETT ถูกนำมาจูนเพิ่มความจุเป็น 2.8 ลิตร มีแรงม้าให้เลือกสามระดับคือ 500, 550
หากพูดถึงโลกของแรลลี่ ไม่มีใครจะสร้างชื่อที่น่าตื่นเต้นได้เท่า Subaru Impreza และที่สุดของความหายากต้องยกให้ Impreza 22B รถตำนานที่มีเพียง 424 คันในโลก ล่าสุดสำนัก Prodrive ได้ประกาศจะสร้าง Prodrive P25 รหัสพิเศษที่ใช้บอดี้ Subaru Impreza 2-door มาปั้นเป็น 22B แบบครบทุกจุด ในราคาคันละ 20 ล้านบาท ตัวรถถูกเสริมความแกร่งด้วยวัสดุ carbon composite ทั้งภายนอกและภายใน ตั้งแต่ WRC rear wing ไปจนถึงคอนโซลและประตู พร้อมเบาะ lightweight ลดน้ำหนักเพื่อให้ตัวรถเข้าใกล้ 22B มากยิ่งขึ้นด้วยน้ำหนักรวมไม่ถึง 1,200 กิโลกรัม ใต้ฝากระโปรงวางเครื่องยนต์ 2.5-liter boxer ผ่านการปรับแต่งระบบดูดอากาศ เพิ่มขนาด turbocharger จนได้แรงม้าทะลุ 400 ตัวสบาย ๆ ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6-speed sequential เปลี่ยนเกียร์ได้ด้วย
มีเสน่ห์น่ามองไปทุกส่วน เพิ่งจะคว้ารางวัล 2022 Car Design Award สาขา Concept Cars จาก Milano Design Week มาหมาด ๆ นี่คือ Toyota Compact Cruiser EV Concept รถยนต์ off-roader ขุมพลังไฟฟ้ารูปทรงกล่องพร้อมเส้นสายบึกบึนที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก FJ Land Cruiser เพื่อตอบโจทย์นักเดินทางผู้ชื่นชอบไลฟ์สไตล์ outdoor ดีไซน์ภายนอกดูสดใหม่ทันสมัยด้วยเส้นไฟ LED ด้านหน้าและหลัง สะดุดตาด้วยชุดแต่งกันชนหน้าที่ลากยาวต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกับซุ้มล้อทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ ด้านท้ายมีบันไดสำหรับปีนหยิบของบนหลังคาพร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้เสา C-pillar ไปในตัว Toyota ไม่ได้เผยข้อมูลเทคนิคของ Compact Cruiser EV Concept คันนี้ออกมามากนัก แต่เรามั่นใจว่าจะมาพร้อมระบบพลังงานไฟฟ้าล้วน ขับเคลื่อนแบบ all-wheel drive คาดว่าไม่นานเกินรอ จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Toyota แน่นอน เพราะเป็นปีที่ค่ายเน้นปล่อยรถ EV มาแย่งส่วนแบ่งจากตลาดรถไฟฟ้าที่คึกคักในตลาดใหญ่ ๆ
เพิ่มความสปอร์ตให้รถหรู ด้วยรุ่นอัพเกรดใหม่กับรหัส “S” ใหม่ล่าสุด หลังจากก่อนหน้านี้ Bentley เพิ่งจะเปิดตัว Continental GT และ GTC พร้อม S badge ไปแล้ว วันนี้มาถึง Flying Spur S Sedan กับการเพิ่มของแต่งโทนดำ Blacked-out Bentley Flying Spur S ตกแต่งภายนอกด้วยโทนดำมาแทนที่วัสดุเงินสะท้อนแสงทั้งหมด กระจังหน้าและช่องดักอากาศดำ โคมไฟหน้าหลังรมดำ dark-tinted พร้อมล้อลายโหดสีดำ gloss black ขนาด 22 นิ้ว กับ calipers brake สีแดงดุดัน ปลายท่อไอเสีย quad exhaust tips สีดำ ช่วยให้ Flying Spur S ดูเตี้ยและใหญ่กว่าปกติ ขุมพลังของ Bentley Flying Spur S
ลงทุนอะไรไม่ดอย วันนี้ต้องยกให้ Classic Car ที่สุดของทรัพย์สินที่มูลค่ามีแต่ทวีคูณ หากคุณรู้ว่ารุ่นไหนน่าเล่นน่าลงทุน วันนี้เราขอแนะนำ Top Classic Car ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกจากการประมูลอย่างเป็นทางการ จากเดิมที่อันดับ 1 เคยตกเป็นของ Ferrari 250 GTO มาอย่างยาวนาน ปีนี้ก็ถูกยึดตำแห่งโดย Mercedes-Benz 300 SLR กับราคาที่แพงกว่าถึง 3 เท่าตัว 1. 1955 Mercedes-Benz 300 SLR “Uhlenhaut Coupe”: 5,000 ล้านบาท รถที่เปรียบเสมือนสมบัติแห่งชาติของ Mercedes-Benz วงการ Racing car ช่วงปี 1950s มีเพียง 2 คันในโลก ผลงานของ Rudolf Uhlenhaut หัวหน้าแผนก Test department ได้นำเอา 300 SLR W196
น่าจะเป็น Jaguar E-Types ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในปัจจุบันแล้ว เพราะนี่คือ 1965 Series 1 Roadster ที่ถูกนำมาชุบชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้งนึงชนิดใหม่ยันหัวน็อตโดย Jaguar Classic นำออกมาขับโชว์ในขบวนฉลอง Queen of England’s Platinum Jubilee ที่ผ่านมา เป็น 1 ใน 26 คันของ Jaguar Land Rover ที่เตะตาเรามากที่สุด Jaguar Classic ใช้เวลาถึง 12 เดือนเต็มในการสร้าง Series 1 E-Type คันนี้ขึ้นมาใหม่แบบ one-off สำหรับลูกค้าคนพิเศษที่สั่งระบุว่าต้องการรถที่สร้างขึ้นตรงกับปีเกิดของเจ้าตัวด้วย ซึ่งเป็นการแสดงฝีมือการ restore รถเพื่อให้โลกได้เห็นในวันงานที่สำคัญที่สุดของคนอังกฤษ ภายนอกโดดเด่นแปลกตาด้วยตัวถังสี deep metallic blue และภายในสีแดง ได้แรงบันดาลใจมาจากสีบนธงชาติอังกฤษ ซึ่งกระบวนการหุ้มหนังทุกขั้นตอนใช้วิธีแบบดั้งเดิม เย็บและประกอบด้วยมือทั้งหมด มีการเพิ่มเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เข้าไปภายใต้รูปแบบดีไซน์ที่ยังคงความคลาสสิค ไม่ว่าจะเป็นจอ Infotainment