นับตั้งแต่ Mission: Impossible ภาคปฐมบทเข้าฉายในปี 1996 จนถึงวันนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 22 ปีแล้วแต่สายลับมาดเท่นาม Ethan Hunt ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะวางมือจากวงการง่าย ๆ เพราะตอนนี้ Mission: Impossible – Fallout ภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ในซีรีส์นี้กำลังจะเข้าฉายให้เหล่าสาวกได้ตื่นเต้นไปกับภารกิจสุดระห่ำที่เป็นไปไม่ได้อีกครั้ง นักแสดงที่มารับบทเป็น Ethan Hunt ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Tom Cruise เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ถึงแม้อายุจะปาไป 56 กะรัตแล้วแต่ก็ยังฟิตปั๋งอยู่ แต่ในส่วนผู้กำกับของภาคนี้มีการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์นิดหน่อยเพราะโดยปกติซีรีส์ MI จะเปลี่ยนตัวผู้กำกับทุกภาค ไม่เคยใช้ผู้กำกับซ้ำกัน แต่ในภาคนี้ผู้รับหน้าที่กุมบังเหียนกำกับคือ Christopher McQuarrie คนเดิมจากภาค Mission: Impossible – Rogue Nation เมื่อดู Trailer แล้วในภาคนี้ความระห่ำของ Ethan Hunt ก็ยังจัดหนักจัดเต็มไม่แพ้ภาคก่อน ๆ ดังนั้นก่อนที่เราจะไปสนุกกับ Mission: Impossible – Fallout UNLOCKMEN ขอพาไปย้อนดูในภาคก่อน ๆ ว่าพ่อหนุ่ม Ethan Hunt เคยผ่านการเสี่ยงตายอะไรกันมาบ้าง
ช่วงหยุดยาวแบบนี้ อีกหนึ่งกิจกรรมที่หนุ่ม ๆ สายแอดเวนเจอร์อย่างเรามักจะทำคือการออก road trip ขับรถตะลอนทัวร์กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือไม่ก็คนเดียวเปลี่ยว ๆ ซึ่งสิ่งที่จะสร้างความบันเทิงในการเดินทางได้ดีก็คือเพลงเยี่ยม ๆ ที่ทำหน้าที่มอบความมันส์ระหว่างทาง และช่วยให้เราไม่ง่วงง่าย ๆ ลดอัตราเสี่ยงอันตรายจากการขับรถทางไกลได้พอสมควร นักวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า เพลงที่จะเหมาะกับการนำมาฟังขณะขับรถทางไกลนั้นควรจะมีเมโลดี้ที่ติดหู มีริฟฟ์กีตาร์มันส์ ๆ ไลน์กลองหนักแน่นกระทุ้งอารมณ์ ทำให้ร่างกายของคุณหลั่งอะดรีนาลีนออกมาให้รู้สึกตื่นตัวตลอดทางหลังจากสตาร์ทเครื่อง ด้วยเหตุนี้ UNLOCKMEN จึงขอนำเพลงที่เราคิดว่าเหมาะกับ road trip เป็นอย่างยิ่งมาให้ฟังกัน โดยเพลงเหล่านี้พิสูจน์ตัวเองมาหลายกิโลฯ หลายปีแล้ว และก็ยังคงอยู่ในใจของคนที่ทำหน้าที่คุมพวงมาลัยประจำทริปตลอดมา Home – Edward Sharpe and the Magnetic Zeros แม้ว่า Home จะเป็นเพลงรัก แต่ก็มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกลับบ้านสมชื่อ เหมาะกับเอาไว้ฟังขณะเดินทางสู่บ้านเกิด ด้วย upbeat ฟังสนุกในท่อน verse บวกกับท่อน hook ติดหู ทำให้เราคิดไปก่อนแล้วว่าถึงบ้าน Don’t
แม้จะปล่อยมาแค่ Trailer สั้น ๆ แต่ก็ทำเอาหลายคนน้ำตาตกไปเรียบร้อยแล้วสำหรับสารคดีตามติดชีวิต BNK48 ไอดอลกลุ่มแรกในประเทศไทยในชื่อ BNK48: Girls Don’t Cry กำกับโดยผู้กำกับฝีมือเป็นเอกลักษณ์อย่าง เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เจ้าของผลงานภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Mary is happy, Mary is happy, ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ และอีกมากมาย การพบกันระหว่างกลุ่มไอดอลที่มีสตอรี่เรื่องราวดราม่ามากมายกับผู้กำกับยอดนักเล่าเรื่อง ทำให้เชื่อได้เลยว่าเราจะได้เห็นอะไรที่ทั้งเข้มข้นและคาดไม่ถึงใน BNK48: Girls Don’t Cry อย่างแน่นอน จากตัว Trailer ที่ปล่อยออกมาเราพอจะคาดเดาประเด็นที่ตัวสารคดีต้องการจะเล่าได้ประมาณหนึ่ง วันนี้ UNLOCKMEN จึงจะมาวิเคราะห์ให้อ่านกันคร่าว ๆ เป็นน้ำจิ้มก่อนอาหารมื้อใหญ่จะมาเสิร์ฟในวันที่ 16 สิงหาคม 2561 นี้ ความอึดอัดและการแข่งขัน มิตรภาพใน 48 Group เป็นมิตรภาพย้อนแย้งและยากจะเข้าใจได้ เพราะจากภาพที่คนนอกอย่างเราเห็นคือพวกเธอรักกันมาก เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงวัยใกล้เคียงกันที่ใช้ชีวิตร่วมกันแทบจะตลอดเวลามาตลอด 1 ปี แต่ในขณะเดียวกันพวกเธอคือคู่แข่งกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือความจริง ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? ก็เพราะคนที่จะได้เป็นสมาชิกตัวจริงในแต่ละเพลงจะมีแค่
อีกหนึ่งความคลาสสิกที่หยิบเอามาฟังได้ตลอดกับเพลงจากวงอังกฤษ ที่จะมีเอกลักษณ์ของเขาเองจนเกิดเป็นคำเฉพาะที่เรียกกันว่า “Britpop” เราอาจคุ้นเคยกับรุ่นใหญ่อย่าง Pulp, Elastica, Blur, Oasis, The Smiths อะไรทำนองนั้น แต่วันนี้เราขอหยิบยก Britpop ที่เป็นยุคใหม่ขึ้นมาหน่อย อาจจะมีเพลงเก่าปะปนไปบ้าง เพราะเราเข้าใจดีว่าชาว Britpop มักจะคุ้นเคยกับเพลงจากวงรุ่นใหญ่มากกว่า มาฟังเพลงรุ่นใหญ่ที่ฮิตกันสุด ๆ ช่วงแรก และฟังเพลงจากวงอังกฤษในยุคถัดมาในช่วงหลังที่เจ๋งไม่แพ้กัน สำหรับ Britpop รุ่นใหญ่เจอกันในคอนเทนต์หน้า สำหรับใครที่สะดวกฟังใน Spotify เราจัด Playlist มาให้แล้ว Supergrass – Alright มาเริ่มกันด้วยเพลงนี้ จากอัลบั้มเดบิวต์ที่ทำให้พวกเขาดังเปรี้ยงขึ้นมา ที่กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตในหลายที่โดยเฉพาะในอังกฤษเอง Suede – Metal Mickey เพลงจากอัลบั้มเดบิวต์ชื่อเดียวกันกับชื่อวง ซึ่งเพลงนี้ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมายในบริตอะวอร์ด และเป็นอีกเพลงที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของ Britpop ได้แบบชัดเจน Oasis – Supersonic คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก กับวงระดับตำนานอย่าง Oasis ที่เพลงฮิตมากมายของพวกเขา สามารถแทรกตัวเข้าไปได้แทบจะในทุก Playlist เลยด้วยซ้ำ Blur – Parklife Oasis มาแล้ว
‘แชร์ลูกโซ่’ คำ ๆ นี้อยู่คู่กับประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ถ้าพูดถึงจุดกำเนิดคงต้องย้อนไปเมื่อพ.ศ.2520 กับคดี ‘แชร์แม่ชม้อย’ ซึ่งกวาดเงินไปมากกว่า 4 พันล้านบาท ด้วยจำนวนเงินมหาศาลนี้เองทำให้แชร์ลูกโซ่ไม่เคยหายไปไหน อาจจะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนวิธีการ แต่ปลายทางสุดท้ายก็ไม่ต่างกัน และปัจจัยสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยในแชร์ลูกโซ่นั่นคือ ‘ความโลภ’ แน่นอนว่าความโลภเป็นสิ่งสากล ดังนั้นขบวนการแชร์ลูกโซ่จึงไม่ได้มีแค่ในประเทศไทยเท่านั้น และไม่ได้เกิดจากการหลอกคนจนเท่านั้น คนรวยเองก็ตกเป็นเหยื่อของความโลภไม่ต่างกัน วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักกับ Billionaire Boys Club บริษัทแชร์ลูกโซ่ที่สามารถเสกเงินพันล้านขึ้นมาได้ในพริบตา อื้อฉาวจนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันซึ่งกำลังเข้าโรงฉายอยู่ในตอนนี้ Joseph Henry Gamsky เรื่องราวการฉ้อฉลบันลือโลกนี้เริ่มต้นจากชายชื่อ Joseph Henry Gamsky หรือ Joe Hunt นักลงทุนชาวอเมริกันในยุค 80 เขาฉลาดเป็นกรด ทะเยอทะยาน และเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูง เรียกว่าเขามีคุณสมบัติและลักษณะนิสัยที่คนจะประสบความสำเร็จควรมี (ผู้เขียนคิดว่า Joe Hunt และ Jordan Belfort หมาป่าแห่ง Wall Street ที่เรื่องราวของเขาเคยถูกนำมาทำหนังเป็นภาพยนตร์เช่นกันในชื่อ The Wolf
เราอาจจะคุ้นเคยกับภาพยนตร์ที่เป็นภาพเคลื่อนไหวตามปกติ แต่อาจจะไม่คุ้นเคยกับ Stop-Motion ที่ต้องทำกันเฟรมต่อเฟรม ถือว่าเป็นโปรดักชั่นที่โหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน นอกจากจะได้เสพเนื้อเรื่องแล้ว เรายังได้เสพโปรดักชั่นดี ๆ อีกด้วย UNLOCKMEN ชวนมาดู 5 หนัง Stop-Motion ที่สนุก ดูง่าย เราคัดมาให้แล้ว จริง ๆ ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็น Stop-Motion แล้วน่าดู แต่ถ้าแนะนำกันหมดมันคงจะยาวเกินไป เราเลยเลือกเรื่องที่ดูง่าย หลากหลายแนว สำหรับหนุ่มหลายสไตล์มาให้ได้เลือกดูกันในวันว่าง ๆ นี้ Wallace & Gromit : The Curse of the Were-Rabbit (2005) เรื่องราวสุดชวนหัวของ Wallace ผู้ที่มีดูโอ้เป็นหมาผู้ซื่อสัตย์อย่าง Gromit ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งคนช่วยแก้ปัญหา เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว เหมือนโดเรมอนที่คอยช่วยโนบิตะยังไงอย่างงั้น จริง ๆ เรื่องนี้มีแฟรนไชน์ของภาพยนตร์สั้นและยาวอยู่หลายตอน เราขอหยิบยกตอนที่ยอดฮิตและเป็นที่รู้จักมากที่สุดอย่าง The Curse of the Were-Rabbit รับประกันความฮาของดูโอ้คู่นี้ ที่จะมาสร้างเสียงหัวเราะบนวีรกรรมวายป่วงของพวกเขา เมื่อแถบที่พวกเขาอาศัยนั้น กำลังจัดการประกวดผักสวนครัวประจำปี ดูโอ้คู่นี้จึงลงมือสร้างเครื่องมือไล่ศัตรูพืชอย่างกระต่ายที่มักจะมาป่วนสวนผักของชาวบ้าน
หลังจากห่างหายจากการทำอัลบั้มมานานถึง 4 ปี ล่าสุด Wiz Khalifa “วิซ คาลิฟา” กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อเพลงแร็ปกับการเปิดตัวอัลบั้มที่ 6 “โรลลิ่ง เปเปอร์ส 2” (Rolling Papers 2) พร้อมปล่อยซิงเกิ้ลเพลงใหม่ล่าสุด Real Rich ฟีเจอริ่งกับแร็ปเปอร์ชื่อดัง กุชชี่ เมน (Gucci Mane) เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้นก็เรียกกระแสจากยอดยูทูปได้กว่า 4 ล้านวิวแล้ว ด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และความมุ่งมั่นในการสร้างเนื้อหาเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเขา เรียกได้ว่า 5 อัลบั้มที่ผ่านมาในรอบ 10 ปี เป็นกระแสแรงจนถึงทุกวันนี้ UNLOCKMEN ลองรวบรวม Top 5 เพลงฮิตที่ติดบิลบอร์ดอเมริกาออกมา อดไม่ได้ที่จะบอกต่อให้ได้ติดตามเปิดวนซ้ำ ๆ กันไปตามนี้ #1 Say Yeah เพลงแจ้งเกิดของ Wiz Khalifa หลังจากเซ็นสัญญาครั้งแรกกับค่ายวอร์เนอร์บราเธอร์เรคคอร์ด (Warner Bros.
เครียดมาทั้งวัน อยากจะผ่อนคลายกับคนข้างกาย ด้วยความแรงดีไม่มีตกของเรา เตียงเจ้ากรรมส่งเสียงดังไม่พอ สาวเจ้าเองก็เสียงไม่ได้เบาไปกว่าเตียงเลย กว่าจะจบกิจกรรมแต่ละครั้ง รู้กันไปสามบ้านแปดบ้าน แม้ฟังดูจะเป็นเรื่องขำขัน แต่ถ้ามันบ่อยครั้งเข้า หรือรบกวนความสงบของคนอื่น เราก็ควรหาทางออกให้วิน-วินกันทั้งสองฝ่าย UNLOCKMEN ขอแนะนำ PLAYLIST ที่เริ่มเปิดได้ตั้งแต่เล้าโลม กับ 20 เพลงปลุกไฟรักให้ลุกโชนในช่วงแรก ส่วนช่วงหลังสามารถเพิ่ม Volume กลบเสียงกิจกรรมบนเตียงได้ด้วย หลายคนอาจมีเพลงที่เปิดประจำกันอยู่แล้ว ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศมาฟังเพลงที่เราเลือกมาให้กันบ้าง ถือว่าเป็นการแลกเพลงกันฟัง ซึ่ง PLAYLIST นี้จะไม่ได้เป็นเพลงร็อกหนัก ๆ หรือเพลงเร็วร้อนแรงอะไรทำนองนั้น เพราะเผื่อเอาไว้ว่ากิจกรรมนี้ส่วนมากจะโผล่มาตอนดึก การเปิดเพลงดังมากซะจนรบกวนคนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงคงไม่ดีนัก สำหรับใครที่สะดวกฟังใน Spotify เราจัด PLAYLIST ไว้ให้เหมือนเดิม The 1975 – fallingforyou เพลงฟุ้ง ๆ จาก The 1975 ที่ไม่ได้เซ็กซี่เพียงแค่น้ำเสียงของ แมตตี้ นักร้องนำเท่านั้น แต่เนื้อหาของเพลงยังชวนให้ยิ้มมุมปากตามอีกด้วย จะมองว่าเป็นเพลงรักใส ๆ ก็ได้ หรือจะคิดลึกให้มันเซ็กซี่ก็ไม่ขัด The 1975 – Medicine ฟุ้งกันแบบต่อเนื่องไม่แพ้เพลงแรก เป็นอีกเพลงที่ฟังแล้วชวนให้รู้สึกเซ็กซี่ไม่แพ้เพลงแรก
ความตื่นเต้นของการได้ลักลอบทำอะไรบางอย่างมันกระตุ้นเร้าให้เลือดในร่างกายผู้ชายอย่างเราสูบฉีดแรงเสมอ โดยเฉพาะความรู้สึกของการได้ลอบอ่านบันทึกหรือจดหมายของใครสักคน ความลับ ความรู้สึก ความคิดและความทรงจำของมนุษย์คนอื่น ๆ มีแรงยวนใจบางอย่างให้เราอยากเข้าไปตะลุยและค้นหาแบบไม่รู้จบ แต่การไปแอบอ่านบันทึกหรือจดหมายคนอื่นในชีวิตจริงมันไม่ใช่มารยาทที่ดีของสุภาพบุรุษเท่าไหร่ จะดีแค่ไหนถ้ามีหนังสือสักเล่ม (หรือหลายเล่ม) ที่มาในรูปแบบจดหมายหรือบันทึกประจำวันให้เราได้ตะลุยอ่านความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเพื่อปลดล็อกพลังบางอย่างให้ตัวเอง ? นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไม UNLOCKMEN ไม่อยากให้คุณพลาดหนังสือ 5 เล่มนี้ เพราะมันได้ทั้งความรู้สึกของการได้อ่านบันทึกหรือจดหมายของคนอื่น แถมได้กระตุกเสี้ยวของความคิดอะไรบางอย่างในตัวเองได้แน่นอน บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ (The Diary of a Young Girl) ถ้าจะพูดถึงบันทึกลับแล้วไม่พูดถึงหนังสือเล่มนี้ UNLOCKMEN คงพลาดมาก บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ คือหนังสือที่เป็นสมุดบันทึกประจำวันจริง ๆ ของเด็กหญิงชาวยิวนามว่าแอนน์ แฟรงค์ที่ต้องหลบซ่อนอยู่ในบ้านเกือบ 2 ปีเพราะหนีการกวาดล้างชาวยิวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2! บันทึกของเด็กหญิงวัย 10 ปีต้น ๆ ภายใต้สภาวะชวนหวาดผวา หลับไม่เต็มตาในแต่ละวัน แต่ละคืน จะพาเราดำดิ่งไปในความรู้สึกนึกคิดและความกล้าหาญของเธอ จนปลดล็อกพลังนักสู้ในตัวเราได้แน่นอน เมื่อพ่อของฉันถูกฆ่า (First They Killed My Father)
ถ้ามองวงการ Hip-Hop ในประเทศไทยเป็นพายุ ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาพายุลูกนี้ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น ก่อนที่จะโหมซัดกระหน่ำเต็มที่ในปี 2018 นี้เอง เห็นได้จากรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับ Hip-Hop เต็มรูปแบบที่มาพร้อมกันถึง 2 รายการทั้ง The Rapper ทางช่อง Work Point และ Show Me the Money ทางช่อง True4U ถ้า UNLOCKMEN ต้องพูดคุยกับใครสักคนในประเด็นนี้ คงไม่มีใครเหมาะไปกว่า กอล์ฟ Fukking Hero หรือ ณัฐวุฒิ ศรีหมอก แรปเปอร์รุ่นใหญ่ที่อยู่คู่วงการ Hip-Hop ไทยมามากกว่า 10 ปี แต่ประเด็นที่ UNLOCKMEN พูดคุยกับเขา ไม่ได้มีแค่เรื่องในวงการเพลงเท่านั้น ยังมีเรื่องการเข้าไปอยู่ใต้ชายคาค่าย What The Duck และพร้อมเปิดตัวอัลบั้มแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว และเส้นทางสู่การเป็นศิลปิน Hip-Hop ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ก่อนอื่นมาอัปเดตกันก่อนว่าช่วงนี้มีผลงานอะไรให้เราได้ติดตามบ้าง? ตอนนี้ก็กำลังทำอัลบั้มเต็มอยู่ครับ คิดว่าอัลบั้มน่าจะออกมาได้ช่วงปลายปี
สำหรับผู้ชายที่ชอบดูหนังอย่างเรา หากจะดู Documentary ตรง ๆ อาจจะรู้สึกว่าเนื้อหามันหนักหน่วงเกินไป อยากจะได้อะไรที่มันผ่อนคลายขึ้นมาอีกหน่อย เราเลยอยากแนะนำเป็น หนัง Biography ที่ Based On True Story นอกจากจะมีความน่าตื่นเต้นตรงที่เรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว เรายังสนุกไปกับการพลิกแพลงและเล่าเรื่องของผู้กำกับ ที่อยากนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงออกมาในรูปแบบที่เขาอยากนำเสนอ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน UNLOCKMEN เลยเลือกมาให้หนุ่ม ๆ แล้ว 5 เรื่องซึ่งเกี่ยวกับอาชญากรรมแบบ Based On True Story หลากหลายแนว ให้หนุ่ม ๆ ได้เลือกเอาตามความชอบ Dog Day Afternoon (1975) Director : Sidney Lumet’ เรื่องนี้มาจากเหตุการณ์ “The Boys in the Bank” คือการปล้นธนาคารแห่งหนึ่งใน Brooklyn อันโด่งดัง ซึ่งเป็นเรื่องราวของโจรหน้ามึนสองคนเดินโต้ง ๆ เข้าไปปล้นธนาคารในวันที่อากาศร้อนระอุ หรือวันที่เรียกสแลงว่า “Dog Days” นอกจากเงินแล้วพวกเขายังจับคนที่อยู่ในธนาคารตอนนั้นเป็นตัวประกัน
ปี 2018 นี้ถือเป็นปีแห่งการกลับมาทำเพลงเลยก็ว่าได้ หลาย ๆ วงที่ห่างหายจากการทำเพลงไปนานได้กลับมาสู่ห้องอัดและเข็นสตูดิโออัลบั้มแจ่ม ๆ ออกมาหลายวง ไม่ว่าจะเป็น The Longshot, Franz Ferdinand, Gorillaz, Snow Patrols สองหนุ่มดูโอ้อย่าง Twenty One Pilots ก็ยังกลับมาปล่อยเพลงอีกครั้ง THE 1975 เองก็เช่นกัน UNLOCKMEN จะพามาอัพเดตเรื่องราวเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ที่แสนจะลึกลับ เพราะทางวงเองก็ไม่ค่อยบอกอะไรมากนัก เรามัดรวมข่าวทั้งหมดมาไว้ให้ที่นี่แล้ว Give Yourself A Try หลังจากทวิตเตอร์ Official ของวง หายเงียบไม่มีความเคลื่อนไหวอยู่สักพักใหญ่ (นั่นก็คือหลายปี) แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อความสั้น ๆ ภาพแปลก ๆ ที่ทางวงปล่อยออกมา ชาวเน็ตจึงตั้งข้อสงสัยว่านี่คือสัญญาณของการกลับมาหรือเปล่า และก็ใช่ซะจริง ๆ เมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางวงได้ปล่อยซิงเกิ้ล “Give Yourself A Try” ภายใต้อัลบั้มที่ชื่อ “A Brief Enquiry Into