ไม่ง่ายนักที่เราจะได้เห็นแบรนด์นาฬิกาหรูระยับสำหรับประดับข้อมือนักการเมืองอย่างบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ปัจจุบัน ปปช ยังใบ้รับประทานเพราะไม่รู้จะตอบประชาชนว่ายังไงดี แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เพราะเรือนนี้เป็นการร่วมมือกันของ Richard Mille ที่ทำงานร่วมกับ Rambo กล้ามใหญ่ Sylvester Stallone เพื่อให้ภาพความเป็นนาฬิกาหรูสายลุยชัดเจนยิ่งขึ้น ผลงาน Masterpiece ชิ้นล่าสุดของ Richard Mille ชิ้นนี้เป็นไอเดียที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเริ่มมาจากการเป็นแฟนผลงานการแสดงของ Stallone พระเอกที่ดังเป็นพลุแตกตั้งแต่ปี 1982 ด้วยภาพจำจากหนังบู๊ระเบิดป่าผ่าเมืองอยู่ตลอดเวลา Richard Mille ผู้เป็นเพื่อนกับ Stallone จึงเกิดได้แรงบันดาลใจจากคาแรคเตอร์เหล่านี้ และอยากสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดเป็นนาฬิกาที่มีความทึกทนและฉลาดเฉลียว เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์บ้าง จึงเกิดเป็นนาฬิกา RICHARD MILLE RM 25-01 TOURBILLON ADVENTURE WATCH ที่ดูยังไงก็เหมาะกับคนสไตล์ Stallone สวมใส่บนข้อมือมากที่สุด เรื่องสเปคด้านการลุยของ RM 25-01 นั้นพิเศษแน่นอน หน้าปัดขนาด 50.85mm เหมาะกับข้อมือผู้ชายตัวใหญ่ หน้าปัดรวมถึงฝาปิดผลิตจาก Carbon
หลังจากหายหน้าหายตาจากโลกแฟชั่นไปสักพัก ในที่สุดก็กลับมาอีกครั้งสำหรับ Bum Bag , Fanny Pack หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า กระเป๋าสะพายข้าง แต่รอบนี้ดูเหมือนว่าจะเขย่าเงินในบัญชีของเหล่า fashionista ทั้งมือเก๋าและสมัครเล่นได้ไม่น้อย เมื่อมีการโดดเข้ามากินโต๊ะ ร่วมแจมจากแบรนด์ดังต่าง ๆ มากมาย โดยไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทำเงินของตัวเองไปหลุดลอยไปสักราย ไม่ต้องแปลกใจสำหรับชื่อของมัน เพราะเป็นแค่เรื่องความแตกต่างของการใช้ภาษาเท่านั้น เพียงแค่ Bum Bag คือคำเรียกของทางฝั่งอังกฤษ ส่วน Fanny Pack เป็นของฝั่งอเมริกานั่นเอง โดยเดิมทีในยุค 90’s Bum Bag เป็นกระเป๋าซึ่งออกแบบมาสำหรับใส่ของมีค่าขนาดเล็ก และคาดไว้ช่วงเอว แต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าการคาดไว้ที่เอวมีผลกระทบต่อสะโพก ทำให้ความนิยมตกลงไป แต่เมื่อไม่นานมานี้พบว่ามันกำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเกิดใหม่ในแฟชั่นระดับ Hi-end และเหมือนกระแสจะแรงขึ้นไปอีก ผลพวงจากที่ตัวพ่อในวงการแฟชั่นหลายคน ปรากฏตัวในลุคสตรีท พร้อมกับเจ้า Bum Bag เสมอ ไม่ว่าจะเป็น A$ap Rocky , Pharrell Williams ,
นับว่าเป็นช่วงปล่อยคอลเลกชั่นใหม่จากหลาย ๆ แบรนด์ดัง เนื่องด้วยถึงฤดูกาล Fall/Winter ที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะแบรนด์สตรีทแฟชั่นทั้งหลาย ที่ต่างล้อไปกับกระแสโลกที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้ทำคอลเลกชั่นล่วงหน้าเหมือนกับแฟชั่นไฮเอนด์ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในแบรนด์ที่สาวกทั่วโลกต่างรอคอย และพร้อมจะเสียตังค์ใช้จ่ายอย่างไม่มีเหตุผล คงจะหนีไม่พ้น Supreme ที่มักจะสร้างเซอร์ไพรส์สร้างไอเทมแปลก ๆ ให้กลายเป็น Talk of the town ตัวอย่างเช่น พระพิฆเนศ เมื่อคอลเลกชั่นที่ผ่านมา ล้วนทำให้ชาวสตรีทแวร์ต่างนำไปห้อยคอบูชา โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายถึงอะไร กลับมาคราวนี้ สำหรับคอลเลกชั่น Fall/Winter 2018 Supreme ยังคงนำเสนอเสื้อผ้า กางเกง หมวก กระเป๋า และสินค้าเบ็ดเตล็ดด้วยสีสันฉูดฉาดตามสไตล์ของแบรนด์อีกเช่นเคย โดย UNLOCKMEN จะอาสาพาไปดูไอเทมเจ๋ง ๆ ที่น่าจะกลายเป็นไฮไลท์สำคัญและเป็นกระแสที่ต้องตามเก็บชนิดรีเซลล์แพงมหาโหดอย่างแน่นอน JACKET เนื่องจากเป็น Fall/Winter 2018 ทำให้ภายในคอลเลกชั่นนี้ จะเต็มไปด้วยเสื้อแจ็คเก็ตอยู่มากมาย ซึ่งไอเทมแต่ละชิ้นก็ยังคงความเป็น Supreme ที่ดิบ และมีเอกลักษณ์อยู่ในตัวเองเสมอมา ที่สำคัญไม่ว่าคุณจะเป็นคนสไตล์ไหนก็สามารถสวมใส่ Supreme ได้หมดทุกคน สำหรับแจ็คเก็ตเหล่านี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราเสียเท่าไหร่ แต่ถ้าคิดว่าอยากจะซื้อมาประดับบารมีเฉย ๆ แจ็คเก็ต Windbreaker
นาฬิกาข้อมือ หนึ่งใน Item ชิ้นสำคัญในการแต่งตัวของผู้ชาย อุปกรณ์ที่สามารถบ่งบอกได้ถึงฐานะและรสนิยมของผู้สวมใส่ผ่านทางกายภาพที่มองเห็น สัมผัสและจับต้องได้ แต่ด้วยขนาดอันน้อยนิดเมื่อเทียบกันกับเครื่องแต่งกายอย่าง เสื้อ หรือ รองเท้า หลายคนจึงมักมองข้ามความสำคัญของมันไป ลองจินตนาการว่า เราเจอกับหนุ่มมาดเนี้ยบในลุค Formal มาพร้อมรองเท้าและเข็มขัดหนังชั้นดี ทุกอย่างดู Match เข้ากันอย่างลงตัว แต่ดันมาตกม้าตายตอนยกมือขึ้นมาเสยผม ด้วยนาฬิกาสายแฟชั่นสีแสบเสียอย่างนั้น คงเริ่มเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมว่าตัวบอกเวลาที่ข้อมือชิ้นนี้สำคัญขนาดไหน เปรียบเหมือนกับส่วนเติมเต็มสุดท้ายของความสมบูรณ์ในการแต่งตัวของเรานั่นเอง อย่ารอช้า วันนี้ UNLOCKMEN ได้จัดทำคู่มือการแบ่งชนิดพร้อมรูปแบบการสวมใส่ที่เหมาะสมมาไว้ให้แล้ว จะจับคู่ ต้องรู้ประเภท ลำดับแรกหากต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสวมใส่ เราจะต้องรู้จักประเภทของนาฬิกาแต่ละชนิดเสียก่อน ที่คุ้นเคยกันดีในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่คือ แบบ Analog Watch และ Digital Watch ซึ่งวันนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่แบบแรก ซึ่งเป็นนาฬิกายอดนิยมสำหรับผู้ชาย นั่นก็คือ Analog Watch กับความคลาสสิกด้วยตัวเลข 12 ตำแหน่งบนหน้าปัด และเข็มบอกเวลา ความเรียบง่าย หรูหรา และทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะคว้ามาใส่เวลาไหน ก็ทำให้ดูดีได้เสมอ นาฬิกาข้อมือประเภท Analog Watch
adidas Originals จับมือ Pharrell Williamsส์ เปิดตัว Hu series สำหรับซีซั่น Fall/Winter 2018 นี้ ที่เน้นย้ำถึงความเชื่อที่ว่ากีฬาทำให้หนุ่มสายสปอร์ตทุกคนมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิต คอลเลคชั่นนี้ฟาร์เรลล์แสดงออกถึงความชื่นชอบในความสงบและความนิ่งของสภาวะจิตใจในขณะวิ่ง เขาพยายามที่จะผสมผสานการพัฒนาและประสิทธิภาพของอาดิดาสด้วยสีสันที่แปลกใหม่ รูปแบบ และสไตล์ที่โดดเด่นของทางแอฟริกาตะวันออกที่ซึ่งการวิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ฝังลึกในวัฒนธรรม การเข้าถึงด้านวัฒนธรรมอย่างเหนือชั้นและการเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์ของฟาร์เรลล์ ได้ถูกรวบรวมและนำเสนอออกมาเป็นรองเท้าและเสื้อผ้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ได้ถูกนำเสนอออกมาด้วยโทนสีที่โดดเด่นอย่างสีฟ้า สีแดงเข้ม สีเหลือง สีเขียว และสีม่วง รวมทั้ง Primeknit วัสดุที่สำคัญของอาดิดาสได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกความประณีตและงานแฮนด์เมด ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิม ๆ เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดในการร่วมมือกันของอาดิดาสและฟาร์เรลล์ Pharrell Williams SOLARHU NMD ถูกพัฒนาขึ้นมาจากรองเท้ายอดฮิตอย่าง NMD โดย outsole ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นทางการวิ่ง ผ้า Primeknit ที่ถูกถักทอด้วยเทคนิคพิเศษรวมถึงการผสมผสานกันของสี และตัวอักษรสีดำบนพื้นสีขาวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเบอร์วิ่งติดเสื้อสำหรับนักวิ่งโดยจะอยู่ที่ด้านบนของรองเท้าแต่ละคู่ซึ่งมีคำที่เชื่อมโยงกัน เช่น “MOTHER” และ “LAND” หรือ “EMPOWER” และ “INSPIRE” หรือคำภาษาสวาฮิลี “MIELE” (forever) และ
ผู้ชายบางคนอาจจะไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวมากนัก เน้นชิล ปล่อยเซอร์ ไปตามสภาพ ได้เสื้อแถมจากไหนมาก็นำมาสวมใส่รวมกับกางเกงยีนส์ลากรองเท้าแตะเป็นอันจบ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไรหากคุณตัดสินใจที่จะแต่งกายแบบนั้นออกมาจากบ้าน เพราะทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นความชอบของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แต่การที่เราจะปล่อยเซอร์ก็ควรมีข้อยกเว้นควรระวังบ้างเหมือนกัน หากจำเป็นต้องไปประชุม ออกงาน พบเจอผู้คนจะไม่แคร์โลก และกาลเทศะเลยก็ไม่ได้ อะไรที่มันเยอะไป หรือน้อยมักไม่เป็นผลดีอยู่เสมอ ดังนั้นทีมงาน UNLOCKMEN จะขอแนะนำเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการแต่งตัวแม้ว่าคุณจะเป็นคนสไตล์อย่างไรก็ตาม กาลเทศะ เรื่องกาลเทศะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหนืออื่นใด เพราะเอาเข้าจริงไม่มีสไตล์ไหนที่ถูก หรือผิด มีแต่เหมาะหรือไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง อย่างเช่นงานที่เป็นทางการก็ควรจะแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยเสียนิดหนึ่ง อย่าเป็นตัวเองมากจนเกินไป เพราะคนอาจจะมองได้ว่าคุณเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะ แต่ถ้าในชีวิตปกติก็สามารถเป็นสไตล์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ชนิดไม่ต้องแคร์ใคร โดยเฉพาะในงานเฟสติวัลต่าง ๆ หากอยากปล่อยของก็ต้องโอกาสนี้เท่านั้น ตรวจเช็กความเรียบร้อย เราเข้าใจว่างานรีดผ้าไม่ใช่ของถนัดของผู้ชาย แล้วยิ่งถ้าไม่มีแฟนมานั่งคอยรีดให้อีก แบบนี้ยุ่งเลย แค่ลำพังจะเอาเสื้อมาซักแต่ละอาทิตย์ก็ขี้เกียจแล้ว แต่มันจะเป็นภาพที่แย่มากถ้าเกิดคุณใส่เชิ้ตยับ ๆ ไม่ผ่านการรีดไปทำงาน หรือจะเจอลูกค้าเพราะต่อให้เสื้อตัวนั้นจะราคาแพงแค่ไหน แต่ถ้ามันยับเหมือนผ้าขี้ริ้ว ราคามันก็ไม่มีความหมายใด ๆ แถมทำให้คุณเสียบุคลิกอีกด้วย ดังนั้นถ้ารู้ว่าเสื้อตัวไหนสำคัญไว้ใช้ออกงานก็ควรส่งร้านซักอบรีดซะ เมืองไทยไม่เคยมีอากาศหนาว เรามักเห็นเสื้อผ้าแบรนด์ดังมักเอาเสื้อโค้ทสวย ๆ มาลดรคา 50 -70 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันขายไม่ออกในราคาปกติ ชาว UNLOCKMEN
หากพูดถึงแบรนด์ที่หาซื้อจับจองเป็นเจ้าของยากแบบสุด ๆ ชนิดหากบ้านไม่ได้อยู่ใกล้ช็อป หรือไปนั่งเข้าคิวรอซื้อเป็นวัน ๆ นอกเหนือจาก Supreme แล้ว เราขอยกให้กับแบรนด์สตรีตแวร์จากเกาะอังกฤษที่มาแรงพอ ๆ กันอย่าง Palace ซึ่ง UNLOCKMEN เคยเขียนถึงประวัติความเจ๋งของแบรนด์นี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ทุกคนสามารถกลับไปตามอ่านได้ที่ (Content) สาเหตุที่ทำให้แบรนด์ Palace เติบโตอย่างรวดเร็ว แถมเป็นที่นิยมของสาวกสตรีตแฟชั่น น่าจะมาจากดีเอ็นเอความเป็นตัวตนบวกกับเอกลักษณ์อันชัดเจน ที่แสดงออกถึงความเป็นอินดี้ฮาร์ดคอร์ จนถูกใจวัยรุ่นทั่วโลก และขอบอกเลยว่าอัตราการจับจองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเมื่อสินค้า Palace วางจำหน่าย ก็ Sold Out แทบทันที ไม่ต้องพูดถึงออนไลน์ หากอินเตอร์เน็ตของคุณไม่ได้เร็วเหนือแสง ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะกดออนไลน์แย่งกับใครได้ แต่โอกาสมาถึงทุกคนอีกครั้ง เมื่อล่าสุด Palace เตรียมปล่อยคอลเลกชั่นใหม่ Autumn 2018 ที่อัดแน่นไปด้วยสินค้ามากมาย และต่อให้คุณไม่ใช่สายสเก็ตบอร์ด ก็น่าจะชื่นชอบเสื้อผ้าเซ็ตใหม่นี้ได้ไม่ยาก สำหรับคอลเลคชั่น Autumn 2018 จาก Palace นี้ประกอบไปด้วยสินค้ามากกว่า 100 ชิ้น ซึ่งมีตั้งแต่เสื้อแจ็คเก็ตกันลม, เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์, ฮู้ดดี้, คาร์ดิแกน,
หากพูดถึงโมเดลรองเท้าสักคู่ที่ได้รับอิทธิพล และติดภาพมาจากภาพยนตร์ จนกลายมาเป็นสนีกเกอร์ในฝัน ที่เหล่านักสะสมล้วนถวิลหาอยากจะได้มาไว้เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัว หนึ่งในนั้นต้องมี Nike Cortez จากภาพยนตร์ Forrest Gump อย่างแน่นอน ปรากฎการณ์ความดังของภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผล แค่เพียงในจอเงินเท่านั้น ทว่ายังได้สร้างอิมแพคต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นอีกด้วย เพราะรองเท้าที่ได้ปรากฎตัวบนแผ่นฟิล์ม พร้อมฉากชายผู้ไม่สมประกอบออกวิ่งด้วยรองเท้า Nike Cortez ไปทั่วสหรัฐอเมริกา กับวลีอมตะ “Run Forrest Run” ได้กลายเป็นฉากคลาสสิคตลอดกาลต่อวงการภาพยนตร์โลก นอกเหนือจากนี้ ด้วยคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นบวกกับความสวยงามของตัวรองเท้า Nike Cortez ทำให้มันกลายเป็นรองเท้าสามัญประจำตู้ถูกเก็บขึ้นหิ้ง แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ยังอยากที่จะมีไว้สวมใส่ครอบครอง วันนี้ UNLOCKMEN จะขอนำเรื่องราวของรองเท้าในตำนานคู่ดังกล่าวที่ได้กลับมาวางขายอีกครั้งในบ้านเรามาเล่าสู่กันฟัง หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าแต่เดิม รองเท้า Nike Cortez มีพี่ชายฝาแฝดที่เรียกได้ว่าแทบจะโคลนนิ่งกันมาอย่าง Onitsuka Corsair ซึ่งเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะ ก่อนที่นาย Bill Bowerman จะได้จัดตั้งบริษัท Nike ขึ้นเองนั้น เขายังคงรับหน้าที่เป็นโค้ชทีมวิ่งของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดย Bill ได้ทำงานร่วมกับบริษัท Onitsuka Tiger จากประเทศญี่ปุ่นในการผลิตรองเท้าช่วงกลางยุค 60s ก่อนที่ในเวลาต่อมา Bill Bowerman และ Phil Knight จะก่อตั้งบริษัทของตัวเองที่ชื่อว่า Blue
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าไอเทมที่มีส่วนสำคัญต่อหนุ่ม ๆ ทุกคนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “เสื้อยืด” และถ้าจะยิ่งเจาะลึกเข้าไป เราอาจจะพูดได้เต็มปากเหลือเกินว่าเสื้อยืดนั้นเป็นเหมือน Second Skin ที่ผู้ชายต้องใส่บ่อยกว่าไอเทมใด ๆ แม้กระทั่งบางสายงานยังสามารถใส่ไปทำงานได้ด้วยซ้ำ จึงทำให้ไลฟ์สไตล์แบบ Everyone ของเราวนเวียนอยู่กับการใส่เสื้อยืดอย่างหลีกหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการจะหาเสื้อยืดเจ๋ง ๆ มาสวมใส่ จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่พวกเราควรให้ความใส่ใจในการเลือกซื้อ โดย UNLOCKMEN เคยเขียนอธิบายถึงการเลือกเสื้อยืดฉบับมือโปร (Content ) พร้อมกับประวัติที่มา (Content) ไปหมดเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในวันนี้เราจะมาแนะนำแบรนด์เสื้อยืดกราฟิคเจ๋ง ๆ เหมาะสำหรับใส่ในวันหยุดพักผ่อน หรือจะใช้เพื่อบ่งบอกไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวเอง Billionaire Boys Club เราเชื่อทุกคนคงจะคุ้นเคยกับ Billionair Boys Club นี้พอสมควร เพราะถ้าใครเป็นสาวกสตรีทแวร์อาจจะเคยได้ยินชื่อย่อ ๆ ว่า BBC ซึ่งถือก่อตั้งขึ้นโดยศิลปินมากความสามารถอย่าง Pharrell Williams โดยแบรนด์จะชูจุดเด่นในเรื่องการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้สินค้าแต่ละชิ้นมีความพิเศษอย่างมากโดยเฉพาะคอลเลคชั่นที่เป็น Collaboration สำหรับลายกราฟิคที่เป็นซิกเนเจอร์คือรุ่น Classic Curve Logo สนนราคา $50 (1,xxx
แฟชั่นแบบผู้ชาย ๆ ใครว่าจะต้องเป็นโทนขาว ดำ เทา เท่านั้น?! หล่อ เท่ สุขุมน่ะใช่แต่ใครจะไปแอ็คขรึมได้ตลอดเวลา เพราะยังไงผู้ชายเรามันก็ต้องมีอารมณ์สนุก มันส์ กวนกันบ้าง เผลอ ๆ แล้วจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของเราด้วยซ้ำไป ลองสลัดแอ็คขรึมทิ้ง แล้วลองมาลุคคูลกับสไตล์ Two-Tone color ดู แบบที่ใช้คู่สีคอนทราสต์โทนร้อนโทนเย็น ให้ทั้งความหล่อ เท่ และแฝงด้วยความสนุกสนาน เปี่ยมเอนเนอร์จี้ หนุ่มสายสตรีทเฉี่ยว ๆ เติมบุคลิกขี้เล่นได้ด้วยคู่สีคอนทราสต์ อาจจะลองโชว์ความจี๊ดที่ช่วงเท้า ด้วยการเลือกถุงเท้ายาวข้อสูงสีสันลวดลายเจ็บ ๆ ใส่คู่กับกางเกงขาสั้น หรือกางเกงยีนส์พับขาลอย และสนีกเกอร์สีสันโดน ๆ สักคู่ หรือจะเลือกไปทางโดดเด่นทั้งตัวไปเลยก็ได้ ด้วยการเลือกชิ้นหลักให้เป็นคู่สีตรงข้ามกัน เช่น เสื้อสีเข้ม กางเกงสีจี๊ด แล้วเพิ่มความมันส์เข้าไปให้สุดด้วยรองเท้าสีเจ็บ แค่นี้ก็สนุกได้ทั้งวัน ส่วนหนุ่มสายบูติกก็ยังคีพคูลได้กับสี Two-tone ด้วยหลักการเดียวกันคือ สีเสื้อและสีกางเกงต้องเลือกให้คอนทราสต์กันเข้าไว้ แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรมีเกิน 3 สีบนร่างกายไม่อย่างนั้นอาจจะเยอะเกินเลยความคูลไปนิดนึง ไม่ต้องเขินกับการเลือกใช้สีสัน ลองจับคู่สีตรงข้ามมามิกซ์
ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วงสำหรับสองค่ายรองเท้ายักษ์ของโลกอย่าง adidas และ Nike ซึ่งทั้งคู่เพิ่งจะเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ และนับว่าน่าสนใจอย่างมากจนชาว UNLOCKMEN ไม่ควรพลาดเก็บไว้เป็นตัวเลือกสำหรับจับจ่ายใช้สอยรองเท้าสนีกเกอร์คู่ถัดไป ดังนั้นในวันนี้เราจึงนำสองโมเดลใหม่จากทั้งสองฟากมาเปรียบมวยกันไปเลย adidas POD 3.1 สำหรับรองเท้ารุ่น POD 3.1 คือการนำประสบการณ์สุดล้ำด้วยการวบรวมและผสมผสานสุดยอดเทคโนโลยีจาก adidas เพื่อต้องการทวงบัลลังค์ความนิยมหลังจากเสียท่าไปพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา adidas POD 3.1 เกิดจากการรวมกันของความเชื่อและแนวคิดที่ว่า “Great alone, better together” ซึ่งดีไซน์ของ P.O.D. System นั้นแสดงให้เห็นถึงการนำเสนอเอกลักษณ์และการเชื่อมโยงสุนทรียะของเรื่องราวในอดีตสู่มุมมองการออกแบบสุดก้าวหน้า ซึ่งรองเท้ารุ่น P.O.D. System นั้นหยิบแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากดีไซน์ดั้งเดิมของรองเท้าวิ่งที่อาดิดาสออกแบบไว้ในปี 1995 ซึ่ง POD นั้นย่อมาจากคำว่า Point of Deflection System เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเก่าอย่าง Torsion™ โดยจะเป็นพื้นโฟม EVA ในส่วนหน้าเท้าเข้ากับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Boost™ เพื่อความนุ่มสบายในส่วนของส้นเท้า ทำให้รองเท้าคู่นี้มีกลิ่นอายความเป็น Chucky และ Modern ไปพร้อม ๆ
ย้อนกลับเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วเพลง Move Like Jagger จัดเป็นหนึ่งในท๊อปชาร์ตของปี 2011 ซึ่งบทเพลงดังกล่าวว่าด้วยการวาดลวดลายบนเวทีอันเป็นเอกลักษณ์ของร็อคเกอร์รุ่นเก๋าอย่าง Mick Jagger ฟร้อนท์แมนของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง The Rolling Stones ที่แม้ในปัจจุบันอาจจะไม่ได้เห็นมานักเนื่องจากอายุสังขารคงจะให้มาออกสเต็ปคงจะไม่ไหว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็น Timeless เสมอมาสำหรับร็อคเกอร์มาดเท่คนนี้ คือเรื่องสไตล์แต่งตัวที่หากใครได้กลับไปดูรูปเก่า ๆ จะพบว่า Mick Jagger คือตัวพ่อในวงการแฟชั่นไม่ต่างจาก David Bowie ในยุคนั้น ถึงขนาดดีไซน์เนอร์ในยุคหลัง ๆ อย่าง Hedi Slimane ยังนำสไตล์ของเขามาเป็นแรงบันดาลใจกับห้องเสื้อ Saint Laurent อีกทั้งคนที่เป็นสไตล์ไอคอนของยุคนี้อย่าง Harry Styles ก็ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลด้านสไตล์มาจาก Mick Jagger ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นมาลองดูวิวัฒนาการแต่งตัวของเขากัน Glam Rock ในยุคของ Mick Jagger จัดเป็นร็อคเกอร์ที่แต่งตัวจัดจ้านไม่แพ้ลีลาบนเวที ซึ่งเราคงต้องลืมภาพร็อคเกอร์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับหนังสีดำ ๆ ไปเสียหมด เพราะว่าเขาฉีกกฎเกณฑ์การแต่งตัวด้วยสไตล์การแต่งตัวที่ Glam