สาวก NIKE น่าจะหลงรักแบรนด์มากขึ้นไปอีก เมื่อได้รู้ว่า Nike Air Sole เทคโนโลยี Signature ใกล้ตัว กำลังถูกปรับเปลี่ยนเป็นชิ้นส่วนสำหรับผลิตหน้ากาก Face Shields ให้กับเหล่าแพทย์และพยาบาล เพื่อต่อสู้กับมือกับ Coronavirus Nike เป็นแบรนด์ล่าสุดที่ร่วมพัฒนาอุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ โดยเปิดตัวพร้อมดีไซน์ Face Shields ที่ออกแบบโดยร่วมพัฒนาภายใต้คำแนะนำของ Oregon Health & Science University (OHSU) เพื่อให้ได้ design และ function ที่เป็นประโยชน์กับผู้กล้าแถวหน้าที่ใช้งานจริง ผลิตจากวัสดุที่ใช้ผลิตรองเท้าและเสื้อผ้าของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสายรัดปรับขนาดที่ดัดแปลงมาจากวัสดุผลิตเชือกรองเท้า และตัวล็อคปรับระดับที่เอามาจากไลน์เสื้อผ้า แต่ที่น่าสนใจกว่าคือการนำวัตถุดิบ TPU สำหรับทำพื้น Air ของรองเท้า Nike มาผลิตเป็นแผ่นกันลมและกระจกใสด้านนอกเพื่อป้องกันสารคัดหลั่งจากคนป่วย ออกแบบเป็น Polyurethane film Shields แยกชิ้น 3 ชั้น เพื่อการป้องกันเฉพาะส่วนที่รัดกุมกว่า ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้การถ่ายเทอากาศทำได้ดีขึ้น “Full-Face Shields เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากในการทำงานดูแลผู้ป่วย
บางคนซื้อ Supercar เอาไว้ขับ ในขณะที่คนอีกจำนวนมากซื้อ Supercar เอาไว้สะสมหรือทำกำไร ส่วนใหญ่รถ Supercar คันงามจึงถูกจอดเก็บมากกว่าจะถูกขับออกไปบนถนน ซึ่งโอกาสในการนำรถราคาแพงระยับออกไปใช้งานก็ค่อนข้างน้อยและมีความเสี่ยงสูง ยิ่งในประเทศไทยยิ่งต้องสำรวจเส้นทางกันให้ดีก่อนเสมอ แต่ไม่ว่าคุณจะซื้อ Supercar ด้วยเหตุผลข้อไหน สิ่งที่เรามีเหมือนกันคือความหลงใหลในความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอก ที่สวยจนสามารถใช้เป็นงานศิลป์ชิ้นใหญ่สำหรับตกแต่งบ้านได้ ซึ่งคงจะดีกว่าการจอดเก็บอยู่ในที่จอดรถแบบปิดที่ไม่มีใครมองเห็น แม้แต่เจ้าของรถเองด้วย และเสียงเรียกร้องของบรรดาผู้ครอบครอง Supercar ทำให้เกิดเทรนด์การออกแบบสถาปัตยกรรมที่กำลังมาแรง นั่นคือ Supercar Capsule และมีบริษัทมากมายที่เกิดขึ้นเพื่อการออกแบบที่จอดรถโดยเฉพาะ หรือแม้แต่ค่ายรถยนต์ผู้ผลิต Supercar เอง ก็มีบริการออกแบบที่จอดรถเพื่อความโดดเด่นของรถคันนั้นอีกด้วย หนึ่งในบริษัทเกิดใหม่ที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบที่จอดรถก็คือ Superfuturedesign สตูดิโอออกแบบใน Dubai ร่วมงานกับ ASZarchitetti Group จาก Italy นำเสนอ Interior design service ที่เน้นออกแบบจุดจอดรถ Supercars ทั้งภายในและนอกบ้าน ให้กลายเป็น Personal Showroom โดยดึงจุดเด่นจากคาแรคเตอร์ของรถ รวมถึงเจ้าของบ้าน และสิ่งแวดล้อมในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้แสงไฟ โทนสี วัสดุตกแต่ง จนกลายเป็นที่จอดรถที่คุณสามารถนั่งมองอย่างผ่อนคลายได้ทุกวัน
ในบรรดาค่ายรถผู้ผลิตยนตรกรรมระดับโลก คงต้องยอมรับว่า BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) เป็นหนึ่งในค่ายที่ให้ความสำคัญกับการขับขี่รถยนต์หรูหราล้ำสมัยไปพร้อมกับการขับเคลื่อนผลงานศิลปะที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปินผู้รังสรรค์ ตั้งแต่ปี 1975 ที่ Hervé Poulain นักแข่งรถและนักประมูลรถชาวฝรั่งเศสได้ริเริ่มโปรเจกต์ ‘BMW Art Cars’ เอาไว้ นับแต่นั้นบริบทของศิลปะก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ผลงานศิลปะไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนผืนผ้าใบหรือในพิพิธภัณฑ์ชื่อก้องโลกอีกต่อไป หากสอดแทรกอยู่แทบทุกที่รอบตัว แม้แต่บนหลังคา ปีก หรือฝากระโปรงของรถยนต์ BMW ก็ตาม Hervé Poulain ชวนศิลปินหลากหลายแขนงทั่วโลกมาร่วมสร้างผลงานศิลปะเฉพาะตัว เนรมิตยานพาหนะเพื่อการขับขี่ให้กลายเป็นผ้าใบผืนใหญ่ และเปิดโอกาสให้เหล่าศิลปินใช้พื้นที่ว่างรังสรรค์ศิลปะที่สะท้อนเอกลักษณ์และตัวตนของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น Alexander Calder, Frank Stella, Roy Lichtenstein หรือแม้แต่ Andy Warhol ล้วนเคยสร้างผลงาน BMW Art Cars ในแบบฉบับของตัวเองมาแล้วทั้งนั้น พวกเขาระเบิดความคิดสร้างสรรค์และถ่ายทอดทักษะความสามารถลงบนโมเดลรถยนต์ค่ายใบพัดฟ้าจนเป็นตำนาน ซึ่งปัจจุบันมี BMW Art Cars รวมทั้งสิ้น 19 คันทั่วโลก ‘BMW Unbound World of
กลุ่มคาราวานขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามที่ต่าง ๆ หรือนักดนตรีพังก์ที่ออกจากบ้านมาร้องเพลงในบาร์เล็ก ๆ ทุกคืนวันเสาร์ แก๊งยากูซ่าผู้ถูกเกลียดชัง ทั้งหมดคือกลุ่ม Subcultute หรือวัฒนธรรมย่อยที่ซ่อนตัวอยู่ในสังคม เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มผู้คนความชอบเดียวกัน แถมการรวมกลุ่มพวกเขามักโดดเด่นและมีเอกลักษณ์จนคนจำได้ เหตุผลที่ UNLOCKMEN พูดถึงชาวพังก์ แก๊งบิ๊กไบค์ และกลุ่มแยงกี้กับยากูซ่า ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันมากนักเป็นเพราะพวกเราได้เจอกับแบรนด์เครื่องหนังสัญชาติญี่ปุ่นชื่อว่า “Blackmeans” ที่ร่วมสืบทอดวัฒนธรรมย่อยเหล่านี้ให้ได้ไปต่อในกระแสสังคม ผ่านการออกแบบเครื่องหนังที่ถือเป็นไอเทมยอดฮิตสำหรับชาวแก๊งทั้งสาม แจ็กเกตหนังคือไอเทมประจำตัวของหนุ่ม ๆ ผู้ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์ระยะไกล อาจเป็นเพราะแจ็กเกตหนังแขนยาวสามารถกันแดด ป้องกันผิวหนังเวลาเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าผ้าชนิดอื่น ๆ แถมยังสามารถสลักรูปประจำกลุ่มไว้กลางหลังได้เหมือนอย่างแก๊ง Hell Angels อันโด่งดัง ส่วนชาวพังก์ก็มักสวมเสื้อกั๊กหนัง ปลอกคอหนัง และกำไลข้อมือหนังออกไปพบปะกับคนคอเดียวกันในบาร์เหล้า ส่วนยากูซ่ากับแก๊งแยงกี้ก็มักมีเสื้อหนังประจำกลุ่มแบบเดียวกับกลุ่มบิ๊กไบค์ เครื่องแต่งกายคือสิ่งเติมเต็มความพึงพอใจทำให้ผู้คนจดจำพวกเขาได้ การให้ความสำคัญกับแฟชั่นจึงเป็นเรื่องสำคัญทำให้คนทั่วไปเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพยายามจะสื่อ Yujiro Komatsu (ยูจิโร่ โคมัตสึ) เป็นชายที่ชื่นชอบเครื่องหนังมาก เขาไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นชาวพังก์ เป็นสมาชิกแก๊งยากูซ่า หรือว่าขี่บิ๊กไบค์แต่เขาเป็นแค่คนหลงรักเครื่องหนังและเห็นชาวพังก์มาตั้งแต่ 10 ขวบ แถมยังรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้ความชอบของตัวเองตอบโจทย์ของคนหลายกลุ่มได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากความชอบส่วนตัวยูจิโร่ยังได้แรงบันดาลใจที่ทำให้ก้าวสู่โลกแฟชั่นจากการเห็น John Lennon สวมเสื้อ “Sukajan” ในปี
แม้คนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้คุ้นชินกับการออกแบบเชิงตอบโต้ หรือ Interactive Design มากเท่าไรนัก แต่งานประเภทที่ผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับประสิทธิภาพทางเทคโนโลยี เพื่อรังสรรค์ประสบการณ์ตื่นเต้นตระการตาให้กับผู้ชมเช่นนี้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แถมงานสไตล์นี้ยังแทรกตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลกด้วยซ้ำ แต่ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังชื่อเสียงด้านงาน Interactive Design ของคนไทยก็เริ่มกลายเป็นที่โจษขานมากยิ่งขึ้น งานดีไซน์ที่ว่านี้ไม่ได้มีดีแค่ขับเน้นความงามให้กระทบต่อสายตาผู้ชม หากมอบความบันเทิง ขับเคลื่อนบริบทแวดล้อม และช่วยสร้างแรงบันดาลให้กับคนในเวลาเดียวกัน แล้ว “อะตอม-ติณห์นวัช จันทร์คล้อย” Creative Director ของบริษัท Eyedropper Fill คือหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบเชิงตอบโต้สุดสร้างสรรค์ที่เราหมายถึง งานออกแบบประสบการณ์ของอะตอม Eyedropper Fill “ถ้าจะให้อธิบายถึงสิ่งที่เราทำคร่าว ๆ น่าจะอยู่ในสามประโยคคือ เราสร้างพื้นที่ เราชวนคนมาเจอกัน และเราสร้างประสบการณ์ที่น่าจดให้กับพวกเขา Eyedropper Fill เริ่มต้นจากงานที่เป็นภาพเคลื่อนไหวซะส่วนใหญ่ แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนจากภาพเคลื่อนไหวไปสู่งานบนพื้นที่จริง” ปัจจุบัน Eyedropper Fill เป็นสตูดิโอผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพเคลื่อนไหว ศิลปะติดตั้ง และการออกแบบเชิงตอบโต้ พวกเขานิยามตัวเองว่าเป็น ‘สตูดิโอนักออกแบบประสบการณ์’ ขยันครีเอตผลงานดีไซน์เจ๋ง ๆ ที่สอดรับกับความต้องการพวกเขา คล้องกับความต้องการของลูกค้า ตลอดจนขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่มาชมงาน “การเล่นสนุกคือน้ำเสียงในแบบคนไทยที่เราใช้สื่อสาร”
สำหรับแฟน ๆ Seiko รวมถึงผู้หลงใหลในเรือนเวลาอีกมากมาย หากเอ่ยถึงชื่อของ Seiko 5 Sports ขึ้นมา เชื่อว่าเข็มนาฬิกาแห่งความทรงจำ ต้องพาทุกคนย้อนวนกลับไปเป็นเวลากว่า 50 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแรกเริ่มที่โลกได้รู้จักกับ Seiko 5 Sports นาฬิกาที่มอบความน่าเชื่อถือ ความทนทาน ประสิทธิภาพ และมูลค่า ให้กับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาจักรกลทั่วโลกมาอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวของมันเริ่มต้นตั้งแต่บรรพบุรุษของนาฬิกา Seiko 5 อย่าง Seiko Sportmatic 5 ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาในปี 1963 และครองตำแหน่งนาฬิการะบบอัตโนมัติที่มาพร้อมฟังก์ชั่นบอกวันและวันที่ เรือนแรกของ Seiko และเป็นเรือนแรกของประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าล้ำสมัยสุด ๆ ในยุคนั้น โดยเลข “5” ในชื่อรุ่นเป็นสิ่งแสดงถึงคำมั่นสัญญาว่านาฬิกา Seiko 5 ทุกเรือนจะมาพร้อมคุณสมบัติหลัก 5 ประการ ดังนี้ เครื่องระบบอัตโนมัติ, ฟังก์ชั่นวันและวันที่บริเวณ 3 นาฬิกา, ระบบกันน้ำ, เม็ดมะยมบริเวณ 4 นาฬิกา และ ตัวเรือนรวมถึงสายที่มีความแข็งแรงทนทาน เมื่อนำมาผสานเข้ากับเมนสปริงใหม่ล่าสุด และระบบป้องกันการกระแทก
สิ่งที่พรากความสุขไปจากชีวิตเรามีเพียงความสิ้นหวังเท่านั้น เพราะทุกความลำบากที่เคยเกิดและเผชิญ มนุษย์รุ่นต่อรุ่นก็ฝ่ามาได้ทุกครั้ง ขอแค่มีแสงแห่งความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นเครื่องชโลมความรู้สึกให้คลี่คลายและผ่านไปได้ จะทุกข์ทนหรือสุขสม ศิลปะมักจะมาในช่วงนั้น ทำหน้าที่เป็นทั้งกระบอกเสียงและเยียวยาหัวใจคนในสังคม นี่จึงสาเหตุที่ทำให้อีกซีกโลกเกิด Hashtag “#MuseumBouquet” หรือภาพดอกไม้ที่เป็นผลงานของศิลปินไม่ว่าจะเบอร์หรือใหญ่ ประติมากรรมหรือจิตรกรรมซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์เหล่านั้นออกมาให้เห็นในทวิตเตอร์ การเด็ดดอกไม้ทุกดอกที่มีในพิพิธภัณฑ์มาอยู่ในโลกออนไลน์แล้วจัดเป็นคอลเลกชันส่งถึงกัน เริ่มต้นจากบัญชีของ New-York Historical Society ที่แชร์ภาพจิตรกรรมดอกแอปเปิลเบ่งบานของจิตรกรอเมริกัน Martin Johnson Heade ให้ The Smithsonian ถัดมา The Smithsonian จึงส่งรูปวาดต้นกล้าสีสันสดใสของ H. Lyman Saÿen ไปให้ Akron Art Museum ต่อ จากนั้นการตามหาดอกไม้ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ จึงเหมือนเป็น Challenge ส่งกำลังใจถึงกันระหว่างพิพิธภัณฑ์ จากบัญชีของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งสู่อีกแห่ง หลายที่ก็เป็นบัญชีทวิตเตอร์ของพิพิธภัณฑ์ที่คนออนไลน์ตามกันจำนวนมาก ทั้ง the Metropolitan Museum of Art, the Guggenheim,
ไม่กักตุนก็มีข้าวกิน ไม่ออกข้างนอก ไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ได้ ไม่เข้าออฟฟิศ ก็ทำงาน Work from Home ไปดิ ถึงภาวะนี้เราจะอยู่ได้ เรื่องเงินทอง ปากท้องจะสำคัญขนาดไหน แต่อีกมุมที่อยู่นอก target ของคนทำงานที่ทุกสื่อกำลังประโคมข่าว เรายังไม่ค่อยเห็นคนพูดถึงเยาวชนที่กำลังจะข้ามชั้นวัยหัวเลี้ยวเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ ทั้งที่พวกเขากำลังจะเรียนจบและรอคอยเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของความพากเพียรอย่างการรับปริญญา แม้การเรียนจบ รับปริญญา มีรูปสักใบที่ถ่ายกับเพื่อและคนใกล้ชิดในชุดที่เช่ามาไว้เป็นที่ระลึก เพื่อเป็นของขวัญให้พ่อแม่และตัวเองจะไม่ใช่ฝันสำหรับคนทุกคน แต่สำหรับคนที่อยากมีมันไว้นี่คือความคับข้องใจที่เกิดขึ้น และเมื่อมีปัญหา GEN Z ก็ถึงเวลาระดมไอเดียรอรับปริญญาตอนอยู่บ้านกันหน่อยว่ารู้สึกยังไงหรือจะทำอย่างไรต่อ เด็กประถมญี่ปุ่นที่อยากรับประกาศนียบัตร เรื่องนี้มันเริ่มจากเราเห็นข่าวของเด็กชายวัยประถมชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ทวีตผ่านโซเชียลว่าตัวเองกำลังจัดพิธีจบการศึกษาในช่วงโควิด-19 วันที่ผู้คนยังไม่ได้ออกไปนอกบ้าน ด้วยการสร้างโถงการจบการศึกษาเองในเกม Minecraft จากนั้นก็เชิญชวนเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้โดนกักตัวอยู่เหมือนกันมารับการศึกษาในห้องนั้น 一日中オンラインで集まってゲームをやって笑い転げている。楽しそうで良いねぇ。 pic.twitter.com/sYqoJ1zYaj — 柏原周平 (@backyennew) March 14, 2020 สีสันของการรับปริญญาในเกม เสียงหัวเราะ ไอเดียแบบเด็ก ๆ ที่เขาสร้างขึ้นช่วยคลายเครียดในสภาวะนี้แล้วทำให้เราได้มาพบปะกันอย่างปลอดภัย ใครอยากตั้งอวตารสวยหล่อแต่งตัวอย่างไรก็ทำได้ อยากคุยกันนานแค่ไหน หรือเล่นกันด้วยไอเทมที่มีก็เป็นอีกฟีลของการมีตติ้งที่ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด แล้วนอกจากเด็กญี่ปุ่นล่ะ? จะมีคนสนใจเรื่องนี้กันแค่ไหน…หลังจากเราลองไปสำรวจดูก็พบว่า บัณฑิตฟากตะวันตกเขาก็สนใจเรื่องนี้ไม่ต่างกัน หลายคนแห่แชร์กันในทวีต
เทรนด์ใหม่มาแรงในขณะนี้ ‘Work from Home’ หรือ ‘การทำงานจากที่บ้าน’ หลายบริษัทนำมาปรับใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการทำงานกับพนักงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้ส่งผลให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ได้มีการพบปะ พูดคุย หรือเจอหน้ากันโดยตรง เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถผสมผสานการทำงานและไลฟ์สไตล์ได้ทุกที่ทุกเวลา และสามารถ Work (Smart) from Home ได้อย่างดีที่สุด ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ได้พัฒนาสมาร์ทดีไวซ์พร้อมโซลูชันที่ครอบคลุมร่วมกับหลากหลายพันธมิตรชั้นนำ โดย 3 ปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ ความคล่องตัวในการใช้งาน (Mobility) , ประสิทธิภาพการทำงาน (Productivity) และความปลอดภัย (Security) แม้ในกรณีภาวะวิกฤติเช่นปัจจุบัน สามารถนำมาปรับใช้ให้การทำงานที่บ้านได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเช่นเดิม เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานด้วย “วิดีโอคอล” ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร ทั้งการอัพเดต ตามงาน สรุปความคืบหน้าต่าง ๆ ซึ่งนอกเหนือจากการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชั่นแชทในสมาร์ทโฟนที่สามารถโทรคุยแบบ 1 ต่อ 1 ปัจจุบันสมาร์ทโฟนยังสามารถวิดีโอประชุมแบบกลุ่มได้อีกด้วย ซึ่งรูปแบบ “วิดีโอคอล” นั้นมีข้อดีอย่างมากในการช่วยให้เห็นสีหน้าท่าทางของคู่สนทนา อีกทั้งแชร์สกรีนได้อีกด้วย เครื่องมือสำหรับการประชุมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงคงหนีไม่พ้น Skype,
ต้องยอมรับว่าจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมที่เป็นปัจเจกบุคคลอาจยังไม่พอทุเลาสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 การกระตุ้นและรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์จึงเป็นอีกเครื่องมือช่วยเปลี่ยนปรับพฤติกรรมที่ใช้ได้ผล ทว่าบางครั้งข้อมูลที่ประชาชนได้รับเป็นทางการมากเกินไป ใช้ศัพท์วิชาการที่เข้าใจได้เฉพาะกลุ่ม หรืออัดแน่นเบียดเสียดไปด้วยตัวอักษรที่มักจะทำให้ใครหลายคนไม่อยากคลิกเข้าไปอ่าน งานดีไซน์เจ๋ง ๆ ที่ทำให้คนเข้าใจไวรัสง่ายกว่าเดิม ต่อให้ใช้ข้อมูลเดียวกันและส่งไปยังกลุ่มผู้อ่านที่ต่างกัน ก็ไม่อาจรับประกันว่าผู้รับสารที่เป็นทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดในทิศทางเดียวกันได้ เหล่าศิลปินและนักออกแบบจึงผลิตผลงานสุดสร้างสรรค์เพื่อรณรงค์และแนะนำวิธีการใช้ชีวิตอย่างถูกต้องในช่วงที่ไวรัสแพร่ระบาด พวกเขานำความคิดสร้างสรรค์ผนวกเข้ากับสัญลักษณ์ รูปภาพ ตัวอักษร และการจัดองค์ประกอบเพื่อสื่อความหมายเชิงทัศนศิลป์ และช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจเนื้อหาสาระทั้งหมดที่ต้องการสื่อได้ง่าย ๆ เพียงตาเห็น ภาพเคลื่อนไหวจำลองพลังของเชื้อไวรัส Harry Stevens จากหนังสือพิมพ์ The Washington Post จำลองภาพโมชั่นกราฟิกให้เห็นถึงพลังของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งประชาชนอยู่ใกล้ชิดกันในพื้นที่สาธารณะมากเท่าไร ยิ่งทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายง่ายขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นตามมาได้ นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานดีไซน์ที่ตอกย้ำว่า Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างจากสังคม ยังเป็นเรื่องสำคัญเสมอตราบเท่าที่เราไม่อาจมองเห็นเชื้อไวรัสด้วยตาเปล่า หรือยังไม่มีวัคซีนจำนวนมากพอจะยับยั้งไวรัสได้อย่างขาดรอย ภาพประกอบสุดกวนที่เล่าอาการของผู้ติดเชื้อ ผู้สื่อข่าวสายข้อมูลชาวอังกฤษ Mona Chalabi โพสต์ภาพวาดประกอบของเธอลงใน Instagram ส่วนตัวเพื่ออธิบายอาการของผู้ติดเชื้อ COVID-19 แบบเข้าใจง่าย เธอใช้ภาพวาดสุดกวนที่ดูตลกและสร้างสรรค์ในเวลาเดียวกันสื่อความหมายว่าอาการผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ต่างจากผู้ป่วยโรคไข้หวัดอย่างไร แถมสีสัน สายเส้น และฟอนต์ตัวอักษรที่เธอเลือกใช้ก็ไม่ได้ดูหดหู่หรือเคร่งเครียดเกินไปด้วย ไม้ขีดไฟที่ไม่ถูกเผาไหม้
“สถานการณ์แบบนี้ใครเขาจะยังมานั่งคิดเรื่องแฟชั่น ?” ครับ พวกเราชาว UNLOCKMEN ก็ยังคงคิดถึงแฟชั่นและการแต่งกายอยู่เสมอไม่ว่าจะเจอกับเรื่องราวแบบไหน ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจสิ่งรอบตัวแต่การตระหนักถึงเครื่องแต่งกายมีส่วนช่วยเราได้มากกว่าที่คิด บางคนอยู่บ้านแล้วเศร้าจนแทบหมดอาลัยตายอยาก หรือบางคนยังต้องออกไปเผชิญกับไวรัสโควิด-19 นอกบ้าน การแต่งตัวเหมาะสมตามสถานการณ์คือสิ่งที่จะช่วยปกป้องเราได้ ในวันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำสไตล์การแต่งตัวสองแบบด้วยกันทั้ง ‘คนต้องอยู่ติดบ้าน’ กับ ‘คนยังมีเหตุจำเป็นต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก’ เพราะการใส่ใจกับการแต่งตัวสามารถช่วยเราได้ไม่น้อย คนที่ต้องอยู่ติดบ้าน แฟชั่นสำหรับคนอยู่บ้านอาจดูไม่มีอะไรมาก เพียงแค่เดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วใส่กางเกงบ็อกเซอร์กับเสื้อกล้ามหรือเสื้อยืดหนึ่งตัวก็เป็นอันเสร็จ บางคนตื่นมาพร้อมชุดนอนก็ลุยงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อยาว ๆ พลางคิดว่าดีด้วยซ้ำเพราะไม่ต้องมานั่งรีดชุดทำงาน แต่ความรู้สึกแสนชิลมันจะมาแค่ช่วงแรกเท่านั้นครับ มีหลายคนต้อง work from home มาแล้วกว่าสองอาทิตย์ นั่ง ๆ นอน ๆ เดินวนไปวนมาอยู่ในพื้นที่จำกัด ออกไปเจอคนแปลกหน้าเพียงไม่กี่วินาทีเพราะรับอาหารจากการสั่งเดลิเวอรี่ นานวันเข้าความรู้สึกแสนสบายที่ใส่เสื้อผ้าง่าย ๆ เริ่มจางลง ความเบื่อหน่ายเข้ามาแทนที่ มีชาว UNLOCKMEN คนหนึ่ง บ่นว่ารู้สึกเศร้าเพราะไม่ได้เจอกับใครเลย ส่วนอีกคนบอกว่าเห็นตัวเองแบบเซอร์ ๆ ทุกวันก็รู้สึกเบื่อ สิ่งเหล่านี้คือเรื่องน่าเป็นห่วงที่ไม่ควรมองข้าม การแต่งตัวสามารถช่วยปรับสภาพอารมณ์ของคนต้องอยู่แต่บ้านออกไปไหนไม่ได้จนรู้สึกซึม เพราะสีสันบนเครื่องแต่งกายส่งผลต่อความรู้สึกมากกว่าที่คิด ถ้าใครรู้สึกอึดอัดกดดัน ไอเทมสีเขียวจะช่วยให้เรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งรอบตัว สร้างความผ่อนคลาย
ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย เรือนเวลาที่สุภาพบุรุษส่วนมากมักให้ความสนใจคงหนีไม่พ้น Rolex เพราะมันคือหนึ่งในสัญลักษณ์ความเท่ก้าวผ่านกาลเวลา เป็นตัวแทนของความภูมิฐานมีระดับ ด้วยเหตุผลหลายอย่างจึงทำให้นาฬิกาสัญชาติสวิสนามว่า Rolex กลายเป็นนาฬิกาขวัญใจของใครหลายคนอย่างไม่ยากเย็น รวมถึงชายที่ชื่อว่า Paul Altieri ด้วยเช่นกัน ชายชาวอิตาลีนามว่า Paul Altieri เป็นผู้ก่อตั้ง Bob’s Watches บริษัทขนาดใหญ่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนนาฬิกาแบรนด์หรูทั้ง Rolex, Patek Philippe, Omega, Tudor, Panerai และ Cartier โดยการจัดประมูล สร้างเว็บไซต์ให้เหล่าคนหลงรักนาฬิกาแบรนด์นี้เข้ามาพูดคุยและตามหาเรือนเวลารุ่นที่ใช่ ถ้าเป็นการซื้อขายผ่านหน้าร้านหรือแข่งขันกันแย่งชิงในงานประมูล ผู้คนก็จะอุ่นใจว่านาฬิกาที่ได้ต้องเป็นของแท้ แต่สำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันบนเว็บไซต์อาจสร้างความไม่มั่นใจให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย คนขายก็กลัวว่าจะไม่ได้เงินส่วนคนซื้อก็กลัวว่า Rolex ที่ตัวเองได้มาจะเป็นของปลอม Paul ผู้รักนาฬิกาตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะเขาก็หลงใหลนาฬิกาแบรนด์นี้ไม่น้อยกว่าใคร การสร้างเว็บไซต์ของเขาดำเนินไปอย่างรัดกุม Paul ทีมงานของเขานำนาฬิกาที่จะวางจำหน่ายบนเว็บไซต์มาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าเรือนเวลาเป็นของแท้และอยู่ในสภาพดีเยี่ยม Paul พูดเสมอว่านาฬิกา Rolex GMT Black & Blue ที่ผู้คนเรียกกันว่ารุ่นแบทแมน ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม Rolex มาโดยตลอด ตัวเขาเองก็ชอบสวมใส่นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้อยู่บ่อย ๆ พร้อมมอบความรู้เท่าที่ตัวเองมีเกี่ยวกับ Rolex