ช่วงฉลอง 70 ปีของ Porsche ดูจะเดินหน้าเต็มพิกัด ส่งรถรุ่นพิเศษ ๆ เล่นกับประวัติศาสตร์ของตัวเองออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดเพิ่งจะเผยโฉมตำนาน Porsche 935 บน GT2-based 959 ออกมา และในขณะที่ใกล้จะหมดเวลาทำการสำหรับ Porsche 911 (991) ที่เตรียมเข้าสู่การปรับโฉมใหม่ (Redesign) ในปี 2020 ที่จะถึงนี้ Porsche จึงทำการส่ง 911 Special Edition โมเดลพิเศษเพื่อปิดตำนานให้ยิ่งใหญ่สมฐานะ ด้วยการเปิดตัว 2019 Porsche 911 Speedster เวอร์ชั่นผลิตจริง ที่ดูยังไงก็คล้ายกับตัว Concept ซึ่ง Porsche เผยโฉมให้แฟน ๆ ได้ฮือฮากันไปก่อนหน้านี้ และเป็นโอกาสดีเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของ Porsche 356 ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1948 โดย “Porsche Konstruktionen GesmbH” เป็นรถที่เกิดขึ้นในโอกาสที่พิเศษครบเครื่องมากจริง ๆ
สาวกใบพัดฟ้าขาวที่เฝ้ารอลุ้นโฉมใหม่ของ 2019 BMW 3-Series รหัส G20 คงโล่งอกหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้น หลัง BMW เผยโฉมหน้าตาอันดุดันสมกับที่ลีลาท่ายากเก็บข่าวปิดเงียบมายาวนานเป็นปี เรียกว่าใครเก็บเงินรอเอาไว้ก็คงจะเตรียมโทรจองกันสมใจอยาก แต่ระหว่างที่รอรถเข้าหรือกำลังตัดสินใจอยู่ เรามีภาพล่าสุดที่จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะ M Division ได้เปิดเผยภาพชุดแต่งสุดคูลเพิ่มความสปอร์ตออกมาแล้วเรียบร้อย ต้องบอกว่ารถยังไม่ทันมา แต่เราก็ได้ภาพชุดแต่ง M Performance สำหรับอัพระดับความเดือดให้ BMW 3-Series G20 ที่มากับเครื่องยนต์ 2.0-liter turbocharged 255 horsepower, 265 lb-ft of torque, 0 – 100 km/h ใน 5.3 seconds (330i) ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงชุด Performance Kit กันมาให้ก่อนแล้ว ซึ่งใครได้เห็นคงเป็นต้องคันไม้คันมือกันแน่นอน เริ่มจากภายนอก ชุดพาร์ทประกอบด้วยช่องกันชนหน้ามาพร้อมช่องดักลมขนาดใหญ่, rear spoiler, ช่องดักอากาศกันชนหลัง และ Mirror Cap กระจกข้าง โดยเลือกลวดลายได้ทั้ง black
สำหรับสาวกมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเรทโทรวันนี้ UNLOCKMEN จะพามาเจาะลึก 5 จุดเด่นของ “สตรีท สแครมเบลอร์” (Street Scrambler) รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสไตล์เรทโทร ที่มาพร้อมความโดดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งและทนทาน พร้อมผจญภัยในทุกสถานการณ์ แต่ยังคงให้ความเท่ระดับไฮคลาส เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่มีรสนิยมหรูหรา แต่มีใจรักในการเดินทางในทุกสภาพถนนกัน คุณลักษณะสไตล์แอดเวนเจอร์ ไทรอัมพ์ “สตรีท สแครมเบลอร์” (Street Scrambler) โดดเด่นด้วยคุณลักษณะที่สามารถใช้งานได้ตรงตามเป้าหมาย ด้วยท่วงท่าการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสไตล์แอดเวนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบตำแหน่งและความสูงของเบาะที่นั่งต่ำเพื่อรองรับสรีระผู้ขับขี่ตามหลักสรีรศาสตร์การขึ้นคร่อมจึงทำให้ขับขี่ได้ง่ายและสนุก นอกจากนี้ยังมีแฮนด์บังคับอะลูมิเนียมปลายเรียวกว้าง หรูหราด้วยล้อแบบซี่ลวดด้านหน้าขนาด 19 นิ้ว รวมถึงท่อไอเสียคู่สแตนเลสอันงดงามให้เสียงและสไตล์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสขัดเงาพร้อมกับแผ่นบังความร้อนสีดำที่ตัดกันอย่างมีสไตล์ ขุมพลังเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง 900 ซีซี สำหรับ Street Scrambler นั้นมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูงขนาด 900 ซีซี พร้อมส่งกำลังขับเคลื่อนอย่างนุ่มนวลด้วยระบบเกียร์ 5 สปีดที่สามารถเปลี่ยนความเร็วได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะกับการใช้งานในเมืองและทางวิบากเป็นอย่างยิ่ง พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ เสียงเฉพาะตัว รวมถึงประสบการณ์ขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจตลอดทุกการเดินทาง เทคโนโลยีที่เหนือระดับ มีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่สนับสนุนผู้ขี่ให้รู้สึกมั่นใจขณะขับขี่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบ ABS ที่สั่งเปิดและปิดได้ด้วยคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดูเหมือนจะเป็นปีที่ร้อนแรงสำหรับค่ายรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมนีอย่าง Porsche หลังปล่อยรถรุ่นงาม ๆ ออกมามากมายเพื่อเอาใจแฟน ๆ Porsche Hardcore อย่างเช่น Project 993 Turbo S Classic Series และล่าสุดพวกเขาได้รื้อฟื้นอีกหนึ่งตำนานของค่ายเจ้าของฉายา “Moby Dick” อย่าง Porsche 935 กลับมาอีกครั้งโดยโอกาสพิเศษนี้จะผลิตออกมาเพียง 77 คันเท่านั้น หลายคนอาจคิดว่า Porsche คงให้ความสำคัญแค่กับรถโมเดลในตำนานอย่าง 911 หรือรูปแบบแห่งอนาคตอย่าง Taycan เท่านั้น แต่ในครั้งนี้กลับต่างกันออกไป Porsche 935 เองก็เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของการก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทผลิตรถยนต์แถวหน้าของวงการในปัจจุบันเช่นกัน เพราะชื่อเล่น Moby Dick ของมันได้มาจากการโชว์ศักยภาพจนสามารถคว้าแชมป์ Lemans ในปี 1978 มาได้ แม้ไม่นานหลังจากนั้นจะหมดยุคของมันและต้องย้ายเข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็ตามที แต่หลายคนก็ยังจดจำความเจ๋งของมันได้เสมอ จนทำให้ 935 ถูกนำกลับมาอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาเพื่อใช้ในสนามแข่งอย่างเดียวก็ตาม แม้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็น Porsche 935 มาโลดแล่นอยู่บนถนนปกติ เพราะ Porsche
ดูเหมือนตลาดรถกระบะกำลังหาไอเดียแข่งขันใหม่ ๆ กันอยู่ หลายคนอาจจะเบื่อเรื่องสมรรถนะความแข็งแกร่งและสวยงามกันแล้ว เรื่องของการตกแต่งและฟังก์ชันการใช้งานภายในจึงเป็นอีกประเด็นที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกันมากขึ้น ล่าสุด Nissan ได้พัฒนารถกระบะรุ่นท็อปของค่ายอย่าง NISSAN TITAN 2019 และตามข่าวบอกว่าจะแปลงโฉมใหม่ทั้งหมดแถมยังเพิ่มชุดเครื่องเสียงพิเศษจาก Fender ไว้ในตัวรถเพื่อเพิ่มสุนทรียะด้านการฟังเพลงให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย NISSAN TITAN 2019 ถูกคาดหวังว่าจะเป็นการกลับมาสมบูรณ์แบบมากขึ้น จากเดิมที่ได้รับเสียงตอบรับไม่เลวอยู่แล้ว ด้านขุมกำลัง TITAN 2019 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.6 ลิตร ที่จะให้สมรรถนะกว่า 390 แรงม้า พร้อมชุดเกียร์อัตโนมัติ 7-Speed ซึ่งสามารถสั่งการได้ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังและ 4 ล้อ รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะไม่ต่างจากเดิมมาก มีการเปลี่ยนแปลงโดยตัดในจุดที่ไม่จำเป็นออกไป และเสริมส่วนใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาทดแทน ส่วนภายในตัวรถจะมาพร้อมเบาะโดยสารหุ้มด้วยหนังแท้ แต่ที่พีคสุดคือเครื่องเสียง จุดที่ค่ายผลิตรถกระบะส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจ จะทำการยกชุดใหม่โดยได้รับความร่วมมือจาก Panasonic และ Fender ในชื่อ FENDER PREMIUM AUDIO SYSTEMS เพื่อเอาใจผู้ใช้งานที่ชื่นชอบเสียงเพลงเป็นพิเศษ Fender เป็นชื่อที่ผู้ชายหลายคนรู้จักกันดีโดยเฉพาะในแวดวงดนตรี ต่างรู้กันดีว่าพวกเขาคือมืออาชีพเรื่องการผลิตกีตาร์และเครื่องขยายเสียง ก่อนหน้านี้ Fender
งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข อาจฟังดูง่ายๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วมันเป็นคำที่ค่อนข้างไกลตัวสำหรับผู้ชายหลายคน เพราะมีความเป็นไปได้น้อยมากหากชีวิตเราจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักไปด้วย หาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัวไปด้วยพร้อมกัน แต่สำหรับผู้ชายชื่อ สุทธิพงษ์ ธีติปริวัติร์ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า หมอโดม แห่ง Dogtor Garage คงเป็นข้อยกเว้น เพราะนับตั้งแต่เขาหันเหออกจากอาชีพสายสัตวแพทย์มาสู่การเป็นนักซ่อม ดัดแปลง และคืนชีพรถคลาสสิก นับแต่นั้นเขากลายเป็นคนที่ได้ทำอาชีพซึ่งมีพื้นฐานมาจากความหลงใหลส่วนตัวพร้อมกับเลี้ยงปากท้องไปพร้อมกัน ถือเป็นความสุขที่เป็นมากกว่าช่างซ่อมรถยนต์ทั่วไป แต่อะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจละทิ้งรูปแบบการใช้ชีวิตที่สังคมยอมรับว่าเป็นเส้นทางความมั่นคง สู่จุดหมายใหม่ที่ระหว่างทางมีความเสี่ยงมากกว่า วันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเขาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ ความรักรถยนต์เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเด็ก “จริงๆ ตั้งแต่จำความได้ เราก็รู้สึกชอบรถคลาสสิกมาตั้งนานแล้วครับ ส่วนหนึ่งเพราะเราใช้ชีวิตอยู่กับมันโดยที่เราไม่รู้ตัว เริ่มเล่นมาตั้งแต่รถจักรยานตั้งแต่สมัยเด็กแล้วมันก็ค่อยๆ ผ่านทุกมุมของคนเล่นรถเก่ามาเรื่อย ๆ เริ่มจากความชื่นชอบโดยที่ยังไม่ต้องลงทุนอะไร ขยับมาเป็น User และเปลี่ยนจาก User มาเป็นพ่อค้า กระทั่งวิวัฒนาการมาถึงการทำรถด้วยตัวเอง มาสู่การผลิตรายการ TV ที่เกี่ยวข้องกับรถคลาสสิกเหมือนอย่างในปัจจุบัน” เสน่ห์ของรถคลาสสิก ที่ส่งหมอโดมเข้ามาบนเส้นทางนี้ “สำหรับผมเสน่ห์ของมันคือความแตกต่าง รถคลาสสิกคือตัวแทนการบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของยุคสมัยนั้น ๆ ซึ่งมีทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ของตัวรถ กระทั่งเรื่องราววัฒนธรรมสะท้อนสิ่งต่าง ๆ
คงจะถูกใจกันไม่น้อยสำหรับหนุ่ม ๆ ที่รักความเร็วทุกคน หลัง McLaren เปิดตัวรถ Super Series คันใหม่ของค่ายในงาน Pebble Beach Concours d’Elegance 2018 ในชื่อ McLaren 720s GT3 ซึ่งเป็นรูปแบบพัฒนาจากบรรพบุรุษของมันอย่าง McLaren 720s แถมยังมีการยกชุดใหม่ทั้งคันไม่ว่าจะเป็นด้านเครื่องยนต์และโครงสร้างของตัวรถ ซึ่งในอนาคตมันจะกลายเข้ามาแทนที่รถรุ่นพี่ McLaren 650S GT3 แถมทางค่ายยังบอกอีกด้วยว่าทำออกมารองรับรูปแบบการใช้งานของทั้งนักขับมือสมัครเล่นและมืออาชีพ Mike Flewitt ซีอีโอของ McLaren Automotive บอกว่า 720s GT3 มีพื้นฐานมาจากโมเดลรถอย่าง 720s แต่เปลี่ยนองค์ประกอบทั้งหมดใหม่กว่า 90% เป้าหมายของ McLaren คือการเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้หลากหลาย ไม่ใช่แค่เป็นรถสำหรับขับบนสนามแข่งเพียงอย่างเดียว แต่การขับขี่บนถนนก็ต้องตอบโจทย์ผู้ใช้งานขับขี่บนท้องถนนทั่วไปได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างความปลอดภัยหรือเรื่องเล็กน้อยที่ Supercar ส่วนใหญ่มองข้ามกัน เช่นเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของ McLeren ที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าของตัวเองให้มีวงกว้างมากกว่าเดิม ตัวรถ 720S GT3 เสริมความปลอดภัยด้วยโครงสร้างรถแบบคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่ทั้งหมด ทั้งแข็งแรงและน้ำหนักเบา เรียกว่า MonoCage
เราเคยนำเสนอหน้าตาหลังเปิดผ้าคลุมอย่างเป็นทางการของ 2019 BMW Z4 ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เราติดเรื่องสเปคที่ชัดเจนจาก BMW เอาไว้ วันนี้มีข้อมูลแบบ Official จาก BMW เกี่ยวกับรายละเอียดสเปคของ Roadster ล่าสุดจากทางค่ายแบบครบ ๆ เรียบร้อยแล้ว 2019 BMW Z4 มีให้เลือก 2 โมเดล เริ่มจากรุ่นเล็ก Entry Level กันก่อนกับรหัส Z4 sDrive30i Roadster ใช้เครื่องยนต์ 2.0-liter Twinpower Turbo 255 hp 295 pound-feet of torque ซึ่งเป็นเครื่องและเทอร์โบตัวเดียวกับใน 2-Series และ 4-Series Coupe แต่ให้พละกำลังมากกว่าใน Z4 อีกเล็กน้อยประมาณ 7 แรงม้า แต่แรงกว่า Z4 โมเดลก่อนถึง 15 แรงม้า
3 ยี่ห้อยานยนต์ระดับโลกที่เราคุ้นเคยได้เซ็นสัญญาผูกปิ่นโตกับ Google เรียบร้อย ทั้ง Renault Nissan และ Mitsubishii เพื่อหวังเป็นดาวเด่นในตลาดรถยนต์ที่มีโปรดักส์ครบเครื่องทั้งความเฉียบของสมรรถนะและสมองกลรวมกันทันทีที่สตาร์ต การนำ AI มาใส่ในรถเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่อย่างเราไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับค่ายผู้ผลิตรถทั้งหลายอีกต่อไป โดยเฉพาะกับกระแส internet of things ที่กำลังจะเข้ามา AI ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยพลิกอุปกรณ์เดิมให้กลายเป็นสุดยอดบริการแปะป้ายคำว่า “Smart” ไว้ เรียกง่าย ๆ ว่าถ้า Smart Home ก็ต้องมี AI เชื่อมโยงคำสั่งกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน Smartphone วันนี้ก็รองรับระบบของ Siri หรือ Google Assistant ส่วน “Smart Car” แห่งอนาคตเองก็ต้องใช้ระบบ AI ในการทำงานเช่นกัน โดย Hadi Zablit ผู้นำการพัฒนาธุรกิจของ Alliance ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาในครั้งนี้ว่า “ความมุ่งมั่นของเราคือการเสนอประสบการณ์เดิมที่ลูกค้าเคยใช้งานกับมือถือนำมาอยู่ในรถยนต์ มันคือขีดความสามารถในการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่คนจะเลือกซื้อรถในวันข้างหน้า” สำหรับบริการที่กลุ่ม Renault
ขยายไลน์อย่างต่อเนื่อง สำหรับรถยนต์ Sports ในตระกูลหรูแรงของ Mercedes-AMG ที่ส่งครอบครัว 4-Door Coupe ออกมาหลากหลายตัวเลือก ซึ่งล้วนเป็นร่างบอดี้เดียวกัน ต่างกันที่ความแรงไล่ตั้งแต่ GT 53, GT 63 และ GT 63 S พร้อมรุ่นพิเศษ GT 63 S Edition 1 พี่ใหญ่แรงสุดในรุ่นมากับเครื่องยนต์ 4.0-litre V8 bi-turbo 639 แรงม้า 0-100 km/h ใน 3.2 วินาที แรงไม่ต่างจากราคาที่ตั้งไว้ไกลถึง $216,150 หรือ 7 ล้านบาทในเยอรมนี ใช่ว่าทุกคนจะอยากได้รถที่แรงเกินไป ถ้ารถติดอย่างในประเทศไทย ขับอย่างเร็วก็ได้แค่ร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ดีไซน์มาหล่อขนาดนี้ จะปล่อยกลุ่มลูกค้าแรงธรรมดาไปก็ใช่เรื่อง วันนี้จึงมีการเปิดตัวทางเลือกใหม่ล่าสุด Mercedes-AMG GT 43 ที่ยังคงรูปลักษณ์ 4-Door Coupe เหมือนเดิม ลดความร้อนแรงลงนิดหน่อย แต่ก็ลดราคาลงมาเป็นตัว Entry Level ให้คนส่วนใหญ่สัมผัสได้ง่ายขึ้น
หลังมีทั้งข่าวลือถูกปล่อยออกมามากมาย สำหรับสุดยอดโปรเจคไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดในโลกคันล่าสุดของค่าย Hennessey Performance Engineering ตอนนี้ Venom F5 ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นมากขึ้นนับตั้งแต่มีการเปิดตัว First Look ในงาน THE GENEVA INTERNATIONAL MOTOR SHOW พร้อมป่าวประกาศว่ารถคันนี้จะวิ่งได้ถึง 300 ไมล์ต่อชั่วโมง และการทดสอบบน V-MAX speed-tracking ก็ยืนยันว่า Top Speed ของ Venom F5 คันนี้ ณ ปัจจุบันคือ 301 mph (484 km/h) Venom F5 มีเป้าหมายที่ถูกวางไว้ชัดเจนด้วยคำว่า Hit The 300 คือต้องทำความเร็วให้ได้มากกว่า 300 ไมล์ต่อชั่วโมง และจากการร่วมมือของ Shell และ Pennzoil ก็สามารถผลักดันให้ Hennessey Venom F5 สามารถเร่งความเร็วทะลุไปถึง 301 mph ได้จริง ทำความเร็ว
รถยนต์ SUV ต้นแบบจากนิสสัน ครอสโมชัน (Xmotion) ที่สะท้อนแนวคิดของการออกแบบในอนาคตของรถยนต์เอนกประสงค์ต้นแบบที่สานต่อประวัติศาสตร์อันยาวนานของนิสสันในกลุ่มครอสโอเวอร์ และรถยนต์อเนกประสงค์ เปิดตัวครั้งแรกในโลกในงาน 2018 North American International Auto Show ที่จัดขึ้น ณ เมืองดีทรอยท์ ประเทศสหรัญอเมริกา โดยผสมผสานวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นและความประณีตศิลป์แบบดั้งเดิม กับการออกแบบสไตล์อเมริกัน และเทคโนโลยีนิสสัน อินเทลลิเจ้นท์ โมบิลิตี้ ทั้งนี้รถยนต์เอนกประสงค์ ครอสโมชัน (Xmotion) จะมีทั้งหมด 6 ที่นั่ง จัดแบ่งเป็นแบบ 3 แถว สำหรับแนวคิดของ “ครอสโมชัน” เราเน้นการแสดงพลังและความแข็งแรงของนิสสัน อินเทลลิเจ้นท์ โมบิลิตี้ ซึ่งความดุดันและทรงพลังนี้เป็นองค์ประกอบที่รวมอยู่กับความประณีตและนุ่มนวลแบบญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ดีไซน์ภายนอกของ “ครอสโมชัน” ผสานแนวคิดแบบตะวันตก และแบบตะวันออกเข้าด้วยกัน สะท้อนให้เห็นผ่านเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ และเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะรวมถึงศิลปะยุคดิจิทัล และประณีตศิลป์แบบดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น หากมองแบบผิวเผิน “ครอสโมชัน” อาจดูเหมือนจะมีดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายธรรมดา แต่เมื่อพิจารณาเพิ่มเติม จะเห็นรายละเอียดที่ซับซ้อนมากมายที่ทำให้ “ครอสโมชัน” เปี่ยมไปด้วยความโดดเด่นที่เร้าใจ เพื่อส่งสัญญาณถึงทิศทางการออกแบบรถยนต์ของนิสสันในอนาคต รถยนต์ต้นแบบ “ครอสโมชัน” ได้มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ดูสวยงามและปราดเปรียว